ยูดีดีนิวส์ : 25 ก.ย. 62 เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ในการทำเฟสบุ๊คไลฟ์ของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้สนทนาในประเด็น
"นายกฯ ประยุทธ์ รับเกียรติยศแทน...ทุนสามานย์"
โดย อ.ธิดา ได้กล่าวว่า คงเป็นที่เข้าใจกันว่านายกฯ ประยุทธ์ได้รับเชิญไปที่สหประชาชาติ (UN) นั้น เขาให้ไปพูดในฐานะที่ประเทศไทยทำเรื่องของหลักประกันสุขภาพที่เราเรียกกันว่า 30 บาทรักษาทุกโลกอย่างได้ผลมาแล้ว 17 ปี
1) ถามในหัวใจจริง ๆ ว่าเกียรติยศนี้ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจหรือเปล่า?
2) ฟังจากสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์พูดมาโดยตลอดว่าพล.อ.ประยุทธ์คิดอย่างไร? เพราะถ้าเราไปติดตามในอดีตพล.อ.ประยุทธ์ไม่ชื่นชมโครงการหลักประกันสุขภาพเลย ไม่รู้จะไปเอาเงินจากที่ไหน?
ดิฉันคิดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะคนที่อยู่ในระดับฐานเศรษฐกิจระดับบน ก็เกรงว่าทรัพยากรหรือโภคทรัพย์จะถูกเอาไปแบ่งให้คนจน คนที่ไม่ได้มีหลักประกันสุขภาพเลย ไม่ได้มีฐานะ ไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่ได้มีประกันภัย ประกันชีวิต ประกันสุขภาพของเอกชน หรือไม่ได้อยู่ในประกันสังคม ซึ่งมีประมาณ 48 ล้านคน
คนเหล่านี้ต้องถือว่าเป็นคนส่วนใหญ่ และทำให้คนจำนวนหนึ่งหวานอมขมกลืน หมายถึงคนจำนวนน้อยที่กลัวว่าจะไม่มีเงินมาจ่าย ก็ไม่มีความชื่นชมกับโครงการหลักประกันสุขภาพนี้เลย
แต่ล้มไม่ได้! เพราะว่าจะต้องถูกต่อต้านจากผู้ที่มีสิทธิ์และผู้ที่เข้าใจ เห็นใจ
ดังนั้นเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ไปที่เวทีสหประชาชาติในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ไปพูดก็บอกว่าไปแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของหลักการ 3 ประการ หนึ่งคือความเท่าเทียม ซึ่งดิฉันคิดว่าท่านพูดไม่ตรงกับความเป็นจริง สองคือประสิทธิภาพ และสามคือการมีส่วนร่วมจากทุกภาพส่วนในทุกระดับ
ความเป็นจริงของปัญหาหลักประกันสุขภาพในประเทศไทย ในทัศนะดิฉัน ปัญหาหลักประกันสุขภาพเป็นความหวาดหวั่นของชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมไทยว่า ไม่มีเงินจะมาจ่าย แต่ตอนนี้จะสะอึกหรือเปล่ากับสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำในเวลานี้ ซึ่งดูไปแล้วมันจะหนักกว่าหลักประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะแจกเงินโน่น แจกเงินนี่ฟรี ๆ
เพราะว่าคนชั้นนำอนุรักษ์นิยมมองว่า 30 บาทรักษาทุกโรค หรือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวจักรกลสำคัญของโครงการประชานิยม ที่ทำให้ประชาชนไม่อาจลืม ทำให้รัฐบาลต่อ ๆ มาไม่อาจทิ้ง และมันกลายเป็นสิ่งสำคัญ กลายเป็นกระดูกสันหลังเรื่องสาธารณสุขไทยไปเสียแล้ว
แต่นับจากพล.อ.ประยุทธ์มาเป็นรัฐบาล มีคำพูดหลายครั้งที่พูดว่า "ไม่มีเงิน...ไม่มีเงิน" แต่ตอนนี้สามารถมีเงินไปซื้อสารพัด (รถเกราะ, เรือดำน้ำ, อาวุธต่าง ๆ, เครื่องบิน ฯลฯ)
แต่ดิฉันจะพูดในประเด็นที่ว่า หลายท่านโจมตีเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยที่ไม่หาข้อมูล เร็ว ๆ นี้ดิฉันยังได้ยินว่า แล้วมันจะเอาเงินที่ไหน ญี่ปุ่นก็ยังทำไม่ได้ เราทำได้มา 17 ปีแล้วนะคะ แล้วเป็นที่ชื่นชมด้วย แล้วตอนนี้นายกฯ ประยุทธ์ไปพูดว่าเป็นส่วนของความเท่าเทียม จริง ๆ มันไม่ใช่ เพราะ ณ บัดนี้เรายังไม่มีความเท่าเทียม ต่อให้เรามีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ทราบหรือเปล่าว่าเงินลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ประมาณ 3 พันบาท ที่แล้วมาต่อรายหัวประมาณ 2 พันกว่าบาท ตอนนี้เข้าใจว่าก็มาใกล้ 3 พันแล้ว จากประชากรเกือบ 50 ล้านคน อ.ธิดาได้อ้างข้อมูลจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561
งบประมาณรายหัว "บัตรทอง" 2,592.89 บาท
งบประมาณรายหัว "สิทธิข้าราชการ" 12,676.06 บาท สำหรับจำนวนข้าราชการและผู้มีสิทธิ คือข้าราชการไทยประมาณ 3 ล้านเศษ แต่ว่ารวมผู้มีสิทธิหมายถึงคนในครอบครัวรวมแล้วประมาณเกือบ 5 ล้าน
งบประมาณรายหัว "ประกันสังคม" 3,354.80 บาท
และในงบประมาณรายหัว "บัตรทอง" 2,592.89 บาท ทราบหรือเปล่าว่ามันรวมเงินเดือนและค่าใช้จ่ายของกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด ส่วนงบประมาณรายหัว "สิทธิข้าราชการ" ไม่รวม (มากกว่ากันตั้ง 5-6 เท่า) และเป็นที่สังเกตว่างบประมาณส่วนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่วนงบประมาณรายหัว "ประกันสังคม" ก็ไม่ได้รวมเงินเดือน ดังนั้นมันไม่เป็นธรรมเลยถ้าพูดถึงว่า ความเสมอภาค ความเท่าเทียม มันไม่มี
สิทธิบัตรข้าราชการ ดิฉันเคยพูดมาแล้วว่าขนาดนวดแผนโบราณยังเบิกได้ ซื้อวิตามินแพง ๆ ซื้ออาหารเสริมก็ได้ ยาที่แพงที่สุดเวลาขายในโรงพยาบาลก็ใช้กับสิทธิบัตรข้าราชการกับส่วนหนึ่งที่เขาจ่ายเอง สิทธิบัตรข้าราชการเรียกว่าใช้สุด ๆ ไปเลย อย่างนี้ไม่เรียกว่าเสมอภาค
มีคนร่ำร้องมาตลอดว่าทำไมไม่ทำให้มันเป็นกองทุนแบบเดียวกัน ดิฉันเข้าอย่างกองทุนประกันสังคมมันมีหลากหลายเพราะมันมีสิทธิหลายอย่าง แต่ว่ามันอยู่ในวิสัยซึ่งมีการปรับปรุงได้ และถามจริง ๆ ประกันสังคมก็ยังบริการไม่ดี หลายอย่างสิทธิยังน้อยกว่าบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงานยากมาที่จะใช้สิทธิ เพราะว่าเราเคยผ่านประสบการณ์ตรงนั้นว่า เมื่อเรามีบริษัทเองแล้วเราต้องการให้พนักงานใช้สิทธิ มีหนังสือรับรองแพทย์อะไรต่าง ๆ ก็ยังยากลำบากมากเลย
เพราะฉะนั้นในส่วนประกันสังคมกับในส่วนของบัตรทองหรือบัตรหลักประกันสุขภาพ ยังจะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งจะใช้คำว่าเท่าเทียมไม่ได้! มันต้องมีความเท่าเทียมกันในเชิงประสิทธิภาพ ดังนั้นค่าหัวข้าราชการรวมทั้งบุตรและคู่สมรสสูงกว่าคนทั่วไปตั้ง 5-6 เท่า ไม่ต้องเทียบเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องการรักษาพยาบาลอย่างเดียว
ดิฉันอยากจะถามว่า ถ้าตัดเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของกระทรวงสาธารณสุขออกไปมันจะเหลือค่าหัวเท่าไร ดังนั้นมันจะไม่ใช่ 5-6 เท่า มันจะเป็นร่วมเกือบ 10 เท่า เพราะ 2 พันกว่าบาทนี้เป็นค่าเงินเดือนหมอ เงินเดือนพยาบาล ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมพันกว่าบาทแล้ว มันเอามาเฉลี่ยต่อหัว ซึ่งมันไม่แฟร์เลย แล้วทุกวันนี้เรายังต้องแบกรับผู้ป่วยตามชายแดน
แต่ดิฉันถือว่าประเทศไทยโชคดีที่เรามีองค์การเภสัชกรรม ซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคคณะราษฎรที่พยายามจะให้มีรัฐวิสาหกิจ ก็เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่ได้ประโยชน์คือค่ายาเราถูกและสามารถผลิตยาได้มากมาย เช่น ยาต้านเอดส์ จนกระทั่งเราไปช่วยประเทศอื่น ๆ ในแอฟริกา รวมทั้งเอกชนไทยที่ผลิตยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คนที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ว่า ค่าหัวมันรวมทุกอย่างนะ และความสามารถขององค์การเภสัช มันได้ช่วยลดภาระ สิ่งที่สำคัญต้องยอมรับว่าเอ็นจีโอและเครือข่ายผู้สนับสนุน 30 บาทเขามาช่วยตรวจสอบ ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง ทำให้ประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การขยายโอกาสการรักษาได้มากขึ้น ซึ่งนี่คือความเข้มแข็งของภาคประชาชน
ดิฉันมองไม่เห็นเลยว่าเกียรติยศศักดิ์ศรีมันจะไปอยู่ที่รัฐบาลนี้ ไปอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ เพราะท่านไม่ได้เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เอาแต่พูดโจมตี แต่ล้มไม่ได้ มันไม่ได้แข็งแรงแต่เฉพาะในประเทศไทย มันแข็งแรงในระดับโลก มันเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เป็นความภาคภูมิใจของสาธารณสุขของโลกและของสหประชาชาติเพราะเราคือแบบอย่าง
ดิฉันจึงอยากจะถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตอนที่ออกไปพูดท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? พูดได้หน้าตาเฉยหรือ ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจหรือว่าไม่เห็นด้วย ดังนั้นในทุก ๆ เรื่องต้องหาข้อมูล ปัญหาสาธารณสุขไทยซึ่งมีความเหลื่อมล้ำ ถ้าเราไม่ได้แก้ด้วยหลักประกันสุขภาพ ด้วย 30 บาทรักษาทุกโรค ป่านนี้คนจนและคนในสังคมไทยจะยากลำบากกว่านี้มาก
เขาต้องขายนา ขายสวน ขายไร่ เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ ณ บัดนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะทำโครงการเศรษฐกิจเลวแค่ไหน ประชาชนจะทุกข์ยากแค่ไหน อย่างน้อยยามเจ็บป่วยเขาก็ยังพึ่งพาโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนได้
เราทำมาแล้ว 17 ปี เพราะว่าล้มโครงการนี้ไม่ได้!
ถ้าล้มโครงการนี้ท่านอยู่ไม่ได้แน่นอน ทุกคนก็รู้ เลยไม่มีใครกล้าล้ม และนี่บางคนก็บอกว่าเป็นกุศลที่รัฐบาลดร.ทักษิณทำเอาไว้ แต่ดิฉันเชื่อว่าพรรคการเมืองที่ท่านบอกว่าเป็นพรรคนายทุนสามานย์นั้นได้ส่วนแบ่งผลบุญจากโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้
แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้นะ!
ท่านไปเสนอหน้าอยู่ที่เวทีสหประชาชาติ มีคนมาต้อนรับ มาพูดนั้น...ได้ แต่ใคร ๆ ก็รู้ทั้งโลกว่าเกียรติยศของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและกุศลกรรมที่ให้เกิดกับประชาชนไทยนี้ไม่ใช่ของท่าน ไม่ใช่ของอภิชนอนุรักษ์นิยม แต่มันมาจากสมองและการร่วมมือของการสาธารณสุขไทยของนายแพทย์หลายท่าน (ไม่ใช่หมอสงวนคนเดียว)
แต่ที่สำคัญก็คือ มาจากนายกรัฐมนตรีไทยในยุคนั้นที่กล้าตัดสินใจ และนี่คือกุศลกรรมที่พรรคของทุนสามานย์ได้มาตลอด แล้วคุณจะเอาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาแข่งหรือ แน่นอน...อาจจะได้ในระดับหนึ่ง แต่กุศลกรรมของบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคหรือบัตรทอง มันยิ่งใหญ่ เพราะมนุษย์นั้นการเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
"และนี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สังคมไทยเรียกว่ายากลำบากแค่ไหนก็ยังพยุงกันไปได้ เพราะเมื่อเขาเจ็บป่วย เขาสามารถเดินไปที่โรงพยาบาลได้ และเกียรติยศศักดิ์ศรีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปแย่งมาจาก นายกฯ ทักษิณและคุณหมอสงวน ไม่ได้นะคะ" อ.ธิดากล่าวในที่สุด