23 ม.ค. 62 ในวันนี้ได้มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้ว อ.ธิดาได้กล่าวในการทำ Facebook Live ว่า ความจริงพล.อ.ประยุทธ์จะต้องมีความชัดเจนแล้ว การให้พปชร.มาทำพรรค แล้วไม่ใช่พรรคทหาร ก็ชัดเจนที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าพปชร.เป็นพรรคของท่าน
แต่ที่อ.ธิดาสนใจก็คือ นายกฯ กล่าวว่า "จากการติดตามของฝ่ายความมั่นคงรายงานว่ามีคนที่มาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง มีประมาณ 200-300 คน ทุกคนเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามพฤติการทางการข่าว ถ่ายรูปหน้าตาทุกคนก็ชุดเดิม กลุ่มเดิม ๆ ไม่มีกลุ่มอื่น"
ในทัศนะอ.ธิดาถือว่าอันนี้มันเป็นการข่มขู่นะ อ.ธิดากล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ไปเอาเรื่องกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเรื่องระดับเสียง จนกระทั่งมีม็อบมาชนม็อบ ดูประหนึ่งเป็นพล็อตเดิม ... ยังไม่พอ ตอนนี้ยังบอกว่ามีการถ่ายรูปไว้หมดแล้ว ... ทั้งหมดนี้ทำไปทำไม? อ.ธิดาตั้งคำถาม
นี่แปลว่าพฤติกรรมของรัฐอำนาจนิยมยังไม่สามารถยอมรับระบอบประชาธิปไตยได้จริง ยังดำรงอยู่ ยังเป็นอำนาจรัฐที่เลือกข้างชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม ไม่ได้ยืนอยู่กับประชาชน!!!
เพราะถ้าเป็นรัฐในระบอบประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่รัฐต้องซาบซึ้งกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนตราบเท่าที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือคำสั่งใด ๆ ของคสช. การไปถ่ายรูปก็เหมือนเช็คประวัติ นี่ก็คือการคุกคามข่มขู่ นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ดิฉันว่านี่ไม่ใช่รัฐที่จะปูทางไปสู่ระบอบประชาธิปไตย! อ.ธิดากล่าว
อ.ธิดาคิดว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์คิดจะเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ท่านต้องเปลี่ยนทัศนะต่อประชาชน เขาอยู่เงียบ ๆ มาตั้งเกือบ 5 ปี แล้วเขาแค่มาเรียกร้องตามที่ท่านบอกเอาไว้ ให้รักษาคำพูด เขาไม่ได้เรียกร้องเกินเลย ว่ากันตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีปัญหาก็ได้ถ้าประกาศผลเลือกตั้งหลังวันที่ 9 พ.ค. วิธีการข่มขู่คุกคามประชาชน ทัศนะคติอย่างนี้เป็นทัศนะคติของผู้นำที่มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์และอยู่ในอำนาจนิยม ไม่ใช่ทัศนะคติของนักการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตย
ถ้าท่านคิดว่าท่านเปลี่ยนไม่ได้ ดิฉันว่าเลิกเหอะความคิดที่จะมาเป็นนักการเมือง เพราะคนที่จะมาเป็นนักการเมืองและอยู่ในพรรคการเมือง ถ้าไม่เห็นความสำคัญของประชาชน ไม่เห็นความสำคัญของสิทธิเสรีภาพ แล้วยังมีลักษณะอำนาจนิยม ข่มขู่ มันเข้ากันไม่ได้กับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
เลิกคิดเป็นนายกฯ เลิกคิดเป็นหัวหน้าพรรคเถอะ ท่านบอกว่าท่านจะเลือกพรรค แต่พรรคก็ต้องเลือกหัวหน้าพรรคด้วยนะ แล้วประชาชนก็จะเป็นคนเลือกพรรค
อ.ธิดายังกล่าวต่ออีกว่า จริง ๆ แล้วประชาชนคนอยากเลือกตั้งไม่ได้มีเพียง 200-300 คนนะ นิด้าโพลเผยคนกว่า 98.08% อยากเลือกตั้ง เพราะหวังความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนคนที่บอกว่าไม่ไปเลือกตั้งแน่นอน 0.56% แต่ที่ท่านบอกว่ามี 200-300 คนนั่นคือคนที่ออกมาแสดงตัวเท่านั้น ดังนั้นไม่ควรจะมีการข่มขู่กันอีกแล้ว
นอกจากนี้ยังมีข่าวใหญ่ของการเสียชีวิตของผู้ลี้ภัยไปต่างแดน ก็เป็นที่สงสัยกันว่าในนี้ 1 ใน 3 ศพนี้จะมีคุณสุรชัย แซ่ด่าน ด้วย เพราะมีการพบศพผู้เสียชีวิตถูกฆ่าถ่วงแม่น้ำโขงอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปลายปี 2561 ผลตรวจดีเอ็นเอ 2 ศพยืนยันว่าผู้เสียชีวิตเป็น 2 คนสนิทของคุณสุรชัยหัวหน้ากลุ่ม "แดงสยาม" แม้คุณสุรชัยไม่ใช่แกนนำนปช.ก็ตามและบางครั้งก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างบ้าง ไม่พึงพอใจกันบ้าง ทราบภายหลังว่าคุณสุรชัยลี้ภัยไปอยู่ประเทศใกล้เคียงตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.
อ.ธิดากล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ผู้คนก็ชี้มาว่าการอุ้มฆ่าซึ่งนี่ไม่ใช่รายแรก (ก่อนหน้าก็เป็นโกตี๋) ไม่ว่าจะมีความคิดอย่างไร อ.ธิดามองว่าคนเหล่านี้เป็นพลเมืองที่ตั้งใจดีแต่มีความคิดต่างทางการเมืองกับรัฐบาลนี้และฝ่ายอนุรักษ์นิยม ดังนั้นอ.ธิดาไม่เห็นด้วยกับการกำจัดบุคคลที่เห็นต่าง
ทำให้คนหลายคนให้ความสนใจในสิ่งที่คุณสุรชัยเคยพูดไว้และติดตามย้อนกลับไปดูในยูทูป ว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมคุณสุรชัยถึงต้องตายด้วย ตัวอ.ธิดาเองไม่ปักใจเชื่อ แต่คนกว่า 90% เชื่อไปแล้วว่าคุณสุรชัยได้เสียชีวิตแล้วรวมทั้งป้าน้อยด้วย (ภรรยาคุณสุรชัย)
ที่สำคัญก็คือถ้าคุณกำจัดเขาด้วยชีวิต กลายเป็นว่าคุณไปส่งเสริมเขาในทางชื่อเสียง เขาตายได้ แต่ว่าเกียรติภูมิของเขากลับยิ่งสูงเด่นขึ้นด้วยการทำให้ตายด้วยวิธีแบบนี้ นี่เป็นทัศนะของอ.ธิดา
คนไม่มีใครอยู่ค้ำว่า ปัญหาอยู่ที่ตอนอยู่ อยู่อย่างไร แล้วตายอย่างไร
ภาษาฝ่ายซ้ายก็คือ "ตายอย่างขุนเขา หรือเบาอย่างขนนก"
อ.ธิดาเสียใจที่รัฐไทยยังเป็นรัฐแบบเดิม อำนาจรัฐไทยก็ยังใช้วิธีการแบบเดิมคือจัดการ กำจัดคนที่เห็นแตกต่าง คนที่เป็นภัยต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งพลเรือนและทหาร
กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 200-300 คนที่ออกมาเคลื่อนไหวเขาเป็นเพียงตัวแทนทางความคิดของคน ถ้ามันไม่ได้ความพวกเขาคงถูกประชาชนเล่นงานไปแล้ว แต่คุณจะใช้วิธีม็อบชนม็อบ ใช้วิธีจัดการข่มขู่กำจัด ถ้าลี้ภัยไปต่างประเทศก็ถูกอุ้มฆ่า ดิฉันคิดว่ามันเป็นวิธีของกลุ่มอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม ที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มันก็จะอยู่ไม่ได้เพราะโลกเดินไปข้างหน้า เพราะคนตั้ง 98% บอกว่าอยากเลือกตั้ง
เมื่อมีกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็ตัดสินใจเสียว่าจะอยู่พรรคไหน? ไม่ต้องเล่นตัว คุณมีเวลาเพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น และอ.ธิดาหวังว่าประเทศคงเดินหน้าไปด้วยดี แต่การข่มขู่ คุกคาม อุ้มฆ่า ... หยุดได้แล้ว ถ้าอยากจะเป็นนักการเมือง
แต่ที่อ.ธิดาสนใจก็คือ นายกฯ กล่าวว่า "จากการติดตามของฝ่ายความมั่นคงรายงานว่ามีคนที่มาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง มีประมาณ 200-300 คน ทุกคนเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามพฤติการทางการข่าว ถ่ายรูปหน้าตาทุกคนก็ชุดเดิม กลุ่มเดิม ๆ ไม่มีกลุ่มอื่น"
ในทัศนะอ.ธิดาถือว่าอันนี้มันเป็นการข่มขู่นะ อ.ธิดากล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ไปเอาเรื่องกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเรื่องระดับเสียง จนกระทั่งมีม็อบมาชนม็อบ ดูประหนึ่งเป็นพล็อตเดิม ... ยังไม่พอ ตอนนี้ยังบอกว่ามีการถ่ายรูปไว้หมดแล้ว ... ทั้งหมดนี้ทำไปทำไม? อ.ธิดาตั้งคำถาม
นี่แปลว่าพฤติกรรมของรัฐอำนาจนิยมยังไม่สามารถยอมรับระบอบประชาธิปไตยได้จริง ยังดำรงอยู่ ยังเป็นอำนาจรัฐที่เลือกข้างชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม ไม่ได้ยืนอยู่กับประชาชน!!!
เพราะถ้าเป็นรัฐในระบอบประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่รัฐต้องซาบซึ้งกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนตราบเท่าที่เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือคำสั่งใด ๆ ของคสช. การไปถ่ายรูปก็เหมือนเช็คประวัติ นี่ก็คือการคุกคามข่มขู่ นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ดิฉันว่านี่ไม่ใช่รัฐที่จะปูทางไปสู่ระบอบประชาธิปไตย! อ.ธิดากล่าว
อ.ธิดาคิดว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์คิดจะเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ท่านต้องเปลี่ยนทัศนะต่อประชาชน เขาอยู่เงียบ ๆ มาตั้งเกือบ 5 ปี แล้วเขาแค่มาเรียกร้องตามที่ท่านบอกเอาไว้ ให้รักษาคำพูด เขาไม่ได้เรียกร้องเกินเลย ว่ากันตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะมีปัญหาก็ได้ถ้าประกาศผลเลือกตั้งหลังวันที่ 9 พ.ค. วิธีการข่มขู่คุกคามประชาชน ทัศนะคติอย่างนี้เป็นทัศนะคติของผู้นำที่มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์และอยู่ในอำนาจนิยม ไม่ใช่ทัศนะคติของนักการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตย
ถ้าท่านคิดว่าท่านเปลี่ยนไม่ได้ ดิฉันว่าเลิกเหอะความคิดที่จะมาเป็นนักการเมือง เพราะคนที่จะมาเป็นนักการเมืองและอยู่ในพรรคการเมือง ถ้าไม่เห็นความสำคัญของประชาชน ไม่เห็นความสำคัญของสิทธิเสรีภาพ แล้วยังมีลักษณะอำนาจนิยม ข่มขู่ มันเข้ากันไม่ได้กับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
เลิกคิดเป็นนายกฯ เลิกคิดเป็นหัวหน้าพรรคเถอะ ท่านบอกว่าท่านจะเลือกพรรค แต่พรรคก็ต้องเลือกหัวหน้าพรรคด้วยนะ แล้วประชาชนก็จะเป็นคนเลือกพรรค
อ.ธิดายังกล่าวต่ออีกว่า จริง ๆ แล้วประชาชนคนอยากเลือกตั้งไม่ได้มีเพียง 200-300 คนนะ นิด้าโพลเผยคนกว่า 98.08% อยากเลือกตั้ง เพราะหวังความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนคนที่บอกว่าไม่ไปเลือกตั้งแน่นอน 0.56% แต่ที่ท่านบอกว่ามี 200-300 คนนั่นคือคนที่ออกมาแสดงตัวเท่านั้น ดังนั้นไม่ควรจะมีการข่มขู่กันอีกแล้ว
นอกจากนี้ยังมีข่าวใหญ่ของการเสียชีวิตของผู้ลี้ภัยไปต่างแดน ก็เป็นที่สงสัยกันว่าในนี้ 1 ใน 3 ศพนี้จะมีคุณสุรชัย แซ่ด่าน ด้วย เพราะมีการพบศพผู้เสียชีวิตถูกฆ่าถ่วงแม่น้ำโขงอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปลายปี 2561 ผลตรวจดีเอ็นเอ 2 ศพยืนยันว่าผู้เสียชีวิตเป็น 2 คนสนิทของคุณสุรชัยหัวหน้ากลุ่ม "แดงสยาม" แม้คุณสุรชัยไม่ใช่แกนนำนปช.ก็ตามและบางครั้งก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างบ้าง ไม่พึงพอใจกันบ้าง ทราบภายหลังว่าคุณสุรชัยลี้ภัยไปอยู่ประเทศใกล้เคียงตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.
อ.ธิดากล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ผู้คนก็ชี้มาว่าการอุ้มฆ่าซึ่งนี่ไม่ใช่รายแรก (ก่อนหน้าก็เป็นโกตี๋) ไม่ว่าจะมีความคิดอย่างไร อ.ธิดามองว่าคนเหล่านี้เป็นพลเมืองที่ตั้งใจดีแต่มีความคิดต่างทางการเมืองกับรัฐบาลนี้และฝ่ายอนุรักษ์นิยม ดังนั้นอ.ธิดาไม่เห็นด้วยกับการกำจัดบุคคลที่เห็นต่าง
ทำให้คนหลายคนให้ความสนใจในสิ่งที่คุณสุรชัยเคยพูดไว้และติดตามย้อนกลับไปดูในยูทูป ว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมคุณสุรชัยถึงต้องตายด้วย ตัวอ.ธิดาเองไม่ปักใจเชื่อ แต่คนกว่า 90% เชื่อไปแล้วว่าคุณสุรชัยได้เสียชีวิตแล้วรวมทั้งป้าน้อยด้วย (ภรรยาคุณสุรชัย)
ที่สำคัญก็คือถ้าคุณกำจัดเขาด้วยชีวิต กลายเป็นว่าคุณไปส่งเสริมเขาในทางชื่อเสียง เขาตายได้ แต่ว่าเกียรติภูมิของเขากลับยิ่งสูงเด่นขึ้นด้วยการทำให้ตายด้วยวิธีแบบนี้ นี่เป็นทัศนะของอ.ธิดา
คนไม่มีใครอยู่ค้ำว่า ปัญหาอยู่ที่ตอนอยู่ อยู่อย่างไร แล้วตายอย่างไร
ภาษาฝ่ายซ้ายก็คือ "ตายอย่างขุนเขา หรือเบาอย่างขนนก"
อ.ธิดาเสียใจที่รัฐไทยยังเป็นรัฐแบบเดิม อำนาจรัฐไทยก็ยังใช้วิธีการแบบเดิมคือจัดการ กำจัดคนที่เห็นแตกต่าง คนที่เป็นภัยต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งพลเรือนและทหาร
กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 200-300 คนที่ออกมาเคลื่อนไหวเขาเป็นเพียงตัวแทนทางความคิดของคน ถ้ามันไม่ได้ความพวกเขาคงถูกประชาชนเล่นงานไปแล้ว แต่คุณจะใช้วิธีม็อบชนม็อบ ใช้วิธีจัดการข่มขู่กำจัด ถ้าลี้ภัยไปต่างประเทศก็ถูกอุ้มฆ่า ดิฉันคิดว่ามันเป็นวิธีของกลุ่มอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม ที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มันก็จะอยู่ไม่ได้เพราะโลกเดินไปข้างหน้า เพราะคนตั้ง 98% บอกว่าอยากเลือกตั้ง
เมื่อมีกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็ตัดสินใจเสียว่าจะอยู่พรรคไหน? ไม่ต้องเล่นตัว คุณมีเวลาเพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น และอ.ธิดาหวังว่าประเทศคงเดินหน้าไปด้วยดี แต่การข่มขู่ คุกคาม อุ้มฆ่า ... หยุดได้แล้ว ถ้าอยากจะเป็นนักการเมือง