วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ความเห็นต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เรื่องรัฐธรรมนูญมีชัย โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ

คำปรารภรัฐธรรมนูญนี้  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ กล่าวว่า “ถูกใจมาก” 

ประการแรก นายสุเทพพูดว่า  เจตนารมณ์คนไทยทั้งประเทศที่ยืนยันให้ประเทศปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย  ซึ่งหลายประเทศอาจไม่เข้าใจ  พร้อมทั้งได้ข้อมูลไม่ถูกต้องว่า  คนไทยไม่ชอบระบอบประชาธิปไตย  และเฉพาะคิดว่าเป็น กปปส.

ความหมายของนายสุเทพจะสื่ออะไร?  คือจะสื่อว่ารัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแบบของนายสุเทพต้องเป็นแบบนี้คือแบบรัฐธรรมนูญมีชัย  และอยากจะแก้ตัวให้กับกลุ่มตัวเองว่าต่างประเทศไม่เข้าใจกลุ่มตน  คิดว่าไม่ต้องการประชาธิปไตยหรืออย่างไร?

ดิฉันอย่างจะบอกว่า  ระบอบประชาธิปไตยมีทางออกของมันยามมีปัญหา  ไม่ใช่วิถีทางล้มการเลือกตั้ง  ขัดขวางการเลือกตั้งตามแบบกปปส.  แม้กระนั้นก็ยังมีคนมาใช้สิทธิโดยที่ยอมเสี่ยงภัยถึง 20 ล้านคน  อย่างนี้จะให้ต่างชาติเข้าใจผู้ขัดขวางการเลือกตั้งว่าเป็นผู้รักประชาธิปไตยเช่นนั้นหรือ

การอ้างประการที่สองของคำปรารภที่อ้างปัญหาว่า  
“คนไม่เคารพกติกา  บิดเบือนการใช้อำนาจ  ไม่เอาแก่นแท้ไปประพฤติปฏิบัติ”  พูดง่าย ๆ ว่าสนับสนุนการอ้างโจทย์ปัญหาของประเทศตามร่างรัฐธรรมนูญ  และโจมตีรัฐบาลที่ผ่านมาที่ไม่ลาออกจนประเทศถึงทางตัน  ทั้ง  ๆ ที่ปัญหาคือมีผู้ก่อความไม่สงบ  ขัดขวางวิถีทางออกจากปัญหาในระบอบประชาธิปไตยที่ใช้การยุบสภา  รัฐบาลรักษาการณ์  แล้วมีการเลือกตั้ง  เพื่อให้ได้ส.ส.ชุดใหม่  รัฐบาลชุดใหม่   และนี่คือทางออกปกติตามรัฐธรรมนูญ 50  และเป็นทางออกตามกระบวนการประชาธิปไตย  แต่การที่มีผู้ก่อความไม่สงบป่วนการเลือกตั้ง  แล้วกลไกรัฐสำคัญไม่ขึ้นต่อรัฐบาลรัฐบาลรักษาการ  และไม่ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย

ดังนั้น  การแก้วิกฤตโดยการทำรัฐประหาร  นายสุเทพและพวกก็สนับสนุนเต็มที่จนมีการเลี้ยงฉลองความสำเร็จโดยแต่งตัวเลียนแบบทหาร  อีกทั้งออกมาสนับสนุนรัฐธรรมนูญที่ร่างภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญชั่วคราวและคำสั่งคสช.  ก็เท่ากับมาตอกย้ำถึงการสนับสนุนการทำรัฐประหารและรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารว่าเป็นการแก้วิกฤตประเทศ

จึงสนับสนุนการเขียนรัฐธรรมนูญที่มีองค์กรแก้วิกฤตที่ให้ประธานศาลและองค์กรอิสระเป็นเสียงส่วนใหญ่แก้ปัญหาวิกฤตประเทศ  นี่ก็เท่ากับว่านายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ผู้บอกว่าตัวเองรักประชาธิปไตย  แต่สนับสนุนการทำรัฐประหารเพื่อแก้วิกฤตหรือใช้องค์กรที่ไม่ยึดโยงกับประชาธิปไตยมาแก้วิกฤต  โดยขัดขวางการแก้วิกฤตตามระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง

ประการที่สามของนายสุเทพ  พูดเรื่องที่ได้เขียนการปฏิรูปในรัฐธรรมนูญนี้ว่าสอดคล้องกับแนวคิดกปปส. ที่เคยเสนอให้ปฏิรูปประเทศไว้ 5 ด้าน  ทั้งเรื่องการเมือง,  การปราบปรามทุจริต  และการปฏิรูปตำรวจ ฯลฯ  เพราะการบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ  ซึ่งในคำปรารภได้เขียนไว้หมด  เมื่อคสช.ยึดอำนาจ  มวลมหาประชาชนตั้งความหวังว่าจะมีการปฏิรูปเกิดขึ้น

การพูดแบบนี้ของนายสุเทพเท่ากับว่าคสช.และกรธ.รับมรดกเรื่องที่กปปส.เคยนำเสนอไว้ในช่วงก่อนทำรับประหาร  และชมเชยที่รัฐธรรมนูญเขียนชัดว่าต้องปฏิรูปในหนึ่งปีนับแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้  

คสช.และกรธ.ก็ต้องทำความกระจ่างกับสังคมว่า  รับเรื่องนี้มาจากกปปส.เพราะเห็นชอบด้วยกันเป็นความคิดแบบเดียวกัน  หรือเป็นเรื่องที่นายสุเทพบอกให้ทำจึงต้องทำตาม  แถมยังชื่นชมเรื่องปฏิรูปการศึกษาที่เปลี่ยนการให้เรียนฟรีม.ปลายเป็นก่อนประถมศึกษาที่คนเขาไม่เห็นด้วยกันมากมาย  แต่นายสุเทพก็เห็นดีเห็นงามเช่นกัน  รวมทั้งประเด็นวุฒิสภาที่มาทั้งจากการเลือกไขว้และการแต่งตั้งตามบทเฉพาะกาล

สรุปว่าเห็นด้วยทุกประการทั้งตัวรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลหรือคำถามพ่วง  แม้แต่พระราชบัญญัติประชามติ มาตรา 61  

ก็ถือว่านายสุเทพแสดงจุดยืนทางการเมืองชัดเจนว่า  รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องเป็นแบบที่กรธ.ร่างและบทเฉพาะกาลรวมคำถามพ่วงของคสช.นั่นเอง  นอกเหนือจากที่เคยสนับสนุนคสช.ในการทำรัฐประหารเพื่อหาทางออกให้ประเทศตามความปรารถนาของนายสุเทพ

แต่จะขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่?  นาทีนี้นายสุเทพคงไม่สนแล้วล่ะ  เพราะยังไง ๆ ก็ลงเลือกตั้งไม่ได้อยู่แล้ว  ก็จะเป็นนักการเมืองแบบนักเคลื่อนไหวของฝ่ายอนุรักษ์นิยมผสมอำนาจนิยมแท้ ๆ  

ตรวจแถวด้วยนะว่ามีคนหนุนอยู่เท่าไหร่? ถ้าเทียบกำลังกับนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  เพราะดูว่าแกนนำกปปส.ทั้งหมดต้องการกลับไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์.

ธิดา  ถาวรเศรษฐ
26 เมษายน 2559