วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นพ.เหวง โตจิราการ : อย่ามโน และ อย่าดูหมิ่นดูแคลนเอกอัครราชทูตของประเทศใดใด


ภาพถ่ายที่ พลต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อ้างถึงในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์รายวันประจำวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2558นั้น เป็น ภาพถ่ายในงาน “เฉลิมฉลองการก่อตั้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)ครบรอบ 40 ปี” ทีโรงแรมพลาซ่าแอธธีนี เพลินจิต ห้องแกลนฮอลล์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมานี้

ซึ่งในงาน มีทูตานุทูตประเทศต่างๆทั่วโลก เข้าร่วมงานอย่างมากมาย และผมพร้อมอ.ธิดาได้มีโอกาส พบปะกับเอกอัครราชทูตและอุปทูตประเทศต่างๆหลายประเทศ และก็ได้ทักทายสนทนาปราศรัยตามอัธยาศัยไมตรีที่ดีงามต่อกัน 

ส่วนใหญ่จะไม่มีประเด็นทางการเมือง หากจะมีก็แตะโดยผิวเผิน ไม่มีการสนทนาอย่างเป็นทางการเป็นเรื่องเป็นราว และโดยทั่วไป ทูตานุทูตประเทศต่างๆ หากต้องการที่จะรับฟังความเห็นของ นปช.ก็จะนัดหมายอย่างเป็นทางการและก็มีการสนทนากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวใช้เวลากว่าหรือเกือบชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ

ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่มีทูตานุทูตประเทศไหน ที่เปลี่ยนทัศนะความคิดเห็นท่าทีทางการเมืองโดยเกิดจากการสนทนาเป็นชั่วโมงกับนปช.
ท่านทูตทั้งหลายต้องการเพียงทราบทัศนะท่าทีทางการเมืองของนปช.เท่านั้น แต่การตัดสินใจทางการเมือง และท่าทีนโยบายทางการเมือง ต่อเรื่องต่างๆของประเทศไทย เป็นเรื่องของประเทศนั้นๆอย่างเป็นเอกเทศและโดยสิ้นเชิง

ท่านทูตล้วนแล้วแต่ต้องยึดถือและปฏิบัติตาม แนวทางนโยบายของรัฐบาลของตนและของประเทศของตนทั้งสิ้น 

ไม่ใช่มาสนทนาเพียงชั่วโมงแล้วจะไปเปลี่ยนแนวทางนโยบายของรัฐบาลและประเทศของตนได้ อย่าว่าแต่สนทนาเพียงไม่กี่นาทีในงานสังคมต่างๆเลย
พลต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ลองไปหาความรู้จากรมต.ต่างประเทศของท่านหรือเอกอัครราชทูตประเทศไทยประจำประเทศต่างๆดูซิครับว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร?

ผมและอ.ธิดาได้รับเกียรติจากท่านเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยพร้อมภรรยาท่านให้ถ่ายรูปร่วมกันในงานดังกล่าว เท่านั้น 

ส่วนการสนทนาทักทายกันตามมรรยาท ก็เป็นไปตามประเพณีทางสังคมอันดีงาม 

ระยะเวลาที่สนทนากัน ผมประมาณว่า น่าจะไม่ถึงหนึ่งนาที(หรือเกินก็เล็กน้อย)เท่านั้น 

เวลาขนาดนี้หรือที่จะไปสนทนาในเรื่องที่มีเนื้อหามากมายและลึกซึ้งได้ และ พลต.สรรเสริญ แก้วกำเนิดคิดหรือว่า การสนทนา เพียงราวๆนาทีเท่านั้น จะไปเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของท่านเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทยได้ 

อย่าได้มโนไปเลยครับ อย่าได้ไปดูหมิ่นดูแคลนสติปัญญาท่านขนาดนั้นเลย แล้วผมขอถามกลับว่า ท่านทูตได้มีโอกาสพบปะกับท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์จันทร์โอชามาแล้วและสนทนากันนาน รวมทั้งพบปะรมต.ต่างประเทศ และบุคคลสำคัญในรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้หลายครั้งหลายหน และแต่ละครั้งก็ใช้เวลานับชั่วโมงทั้งสิ้นแล้วทำไมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน และต่อคณะรัฐประหารชุดปัจจุบันได้เล่า
แล้วที่พลต.สรรเสริญกล่าวว่า “อาจจะถูกชี้นำโดยกลุ่มคนที่มีจุดประสงค์ที่เคลือบแฝงได้”เป็นคำพูดที่แสดง การดูหมิ่นดูแคลนท่านทูตอเมริกาเป็นอย่างมาก
และขณะเดียวกัน ท่าน “มโนได้เมามันอย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า
ท่านทูตอเมริกา “ใช้วิธีการเสาะแสวงหาข้อมูลเองโดยปราศจากความเข้าใจในเรื่องราวของประเทศไทยที่ถูกต้อง” คุณกำลังดูถูกเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทยโดยการ “ฝันกลางวัน”ของคุณไปเอง 

และการดูถูกเอกอัครราชทูตของประเทศใดก็ตาม ก็น่าจะไม่ต่างอะไรไปจาก การดูถูกรัฐบาลของประเทศนั้น การดูถูกประชาชนของประเทศนั้น และการดูถูกประเทศนั้นด้วยเช่นกัน

ผมกับอ.ธิดาได้เห็นท่านทูตก่อนนี้เพียงครั้งเดียว คือในงานที่สถานเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทยจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่าน ที่โรงแรมเจดับบลิวมาริออตที่สุขมวิทซอย1. ซึ่งในวันนั้นไม่ได้มีโอกาสแม้เพียงสนทนาอย่าว่าจะถ่ายภาพเลย

แต่ทราบจากการกล่าวต้อนรับและการกล่าวขอบคุณของท่านทูตในงานว่า ท่านเอกอัครราชทูตท่านนี้ครอบครัวทำงานเป็นทูตมาหลายชั่วคนแล้ว และท่านเองก็เป็นเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศต่างๆมาหลายประเทศจนเกือบจะครบทวีปต่างๆทั่วโลกแล้ว แล้วคนระดับนี้หรือจะ “ถูกชี้นำโดยกลุ่มคนที่มีจุดประสงค์เคลือบแฝงได้”
แล้วการที่พลต.สรรเสริญกล่าวถึงผมว่า “แกนนำนปช.ที่ยังคงมีคดีก่อการร้ายติดตัว”เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าผมถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นการสร้างภาพที่เลวร้ายให้ผมให้คนเกลียดชังผม ได้อย่างน่าชิงชังรังเกียจ
คุณสรรเสริญไม่ทราบหรือครับว่า “หากศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด จะต้องปฏิบัติต่อผู้ถูกล่าวหาเช่นคนบริสุทธิ์โดยทั่วไป”

“ความพยาบาทอาฆาตแค้นเกลียดชังที่ท่วมท้นหัวใจของคุณ ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้”

ในกรณีเมษา-พฤษภา53 ศาลท่านได้อ่านคำสั่งเกี่ยวกับการตายตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 “อย่างน้อยก็มี19กรณีที่ผู้ตายตายจากกระสุนความเร็วสูงของทหารที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศอฉ.”ในตอนนั้นคุณก็เป็นโฆษกศอฉ.อยู่ด้วยใช่ไหมครับ

อย่าทำลาย สัมพันธไมตรีที่ดีงามระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกากับรัฐบาลไทย สัมพันธไมตรีที่ดีงามระหว่างประเทศและประชาชนสหรัฐอเมริกากับประเทศและประชาชนไทยลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วยการให้แถลงข่าวของคุณเช่นนี้เลย

ท่านเอกอัครราชทูตของทุกประเทศในประเทศไทย ล้วนต้องการที่สร้างสัมพันธไมตรีที่ดีงามไม่เพียงแต่ระหว่าง รัฐบาลกับรัฐบาล ประเทศกับประเทศเท่านั้น ท่านต้องการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีงามระหว่างประชาชนกับประชาชนด้วยเช่นกัน ท่านพบปะกับทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่มการเมือง และทุกฝ่าย โดยไม่รังเกียจเดียดฉันท์แต่อย่างไรทั้งสิ้น