นพ.เหวง โตจิราการ : วิวาทะ
นิสิตจุฬา-อภิสิทธิ์ “อภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบต่อการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง”
จากรายการ Daily Post ทาง Youtube ช่อง News Journey Thailand
ลิ้งค์รายการ : https://youtu.be/BCFK3ue8Zpc?si=KS2dL2zlWiamkybR
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568
ดำเนินรายการโดย ชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์
***ปรากฎการณ์ที่น้อง ๆ
นักศึกษาไปชูป้ายที่คุณอภิสิทธิ์ไปบรรยาย คุณหมอมองว่าเป็นปรากฏการณ์ยังไงบ้างครับ?***
คือข้อแรก กรณีเมษาพฤษภาปี 53
ชัดเจนต่อคนไทยทั้งประเทศว่า ทางรัฐบาลสมัยโน้นโดยผ่านศอฉ. สั่งกองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพ จำนวนพลประมาณ 6 หมื่นกว่าคน แล้วใช้กระสุนกว่า 2
แสนนัดในการสังหารเสื้อแดง ปรากฏว่ารวมทั้งหมดที่เสียชีวิตประมาณ 99 ศพ
แต่ถ้าเป็นประชาชนสองมือเปล่าประมาณ 89 ศพ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ฝ่ายรัฐไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ก็ดีหรือศอฉ.ก็ดี ไม่ปรากฏว่าได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หมายถึงพิจารณาคดีว่า
ตั้งแต่วันที่นี้ 12 มีนา นปช.เริ่มชุมนุม แล้วก็มีการเคลื่อนขบวนเข้ามา
แล้วก็มีการปิดด่านที่โน่นที่นี่ สุดท้ายเกิดกรณี 10เมษา มีการยิงกันคนตาย 5 ศพของทหาร
ประชาชน 26 ศพ ไม่มีการพิจารณาในลักษณะอย่างนี้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยเข้าใจว่าน้อง ๆ
เยาวชนที่เขาต้องการให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นในเมืองไทย ก็เลยไปถามอดีตนายกฯ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าตกลงแล้วปี 53 ที่มีการเสียชีวิตร่วม ๆ ร้อยศพ
แต่ว่าเป็นประชาชนประมาณ 89 ศพ มีความรับผิดชอบอะไรบ้าง และเดินหน้าไปถึงไหน?
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วหรือยังครับ ผมคิดว่าผมต้องขอบคุณน้อง ๆ นะที่ไม่ลืมประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติศาสตร์ระยะใกล้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือประวัติศาสตร์ที่ชนชั้นปกครองใช้ทหารฆ่าประชาชนสองมือเปล่าที่เห็นต่างจากชนชั้นปกครอง
***แต่ในวันนั้นผมดูข่าว
คุณอภิสิทธิ์ก็ให้น้อง ๆ นักศึกษาได้พูดคุยกับคุณอภิสิทธิ์อยู่ 20 นาที
แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็ชี้แจงที่มาที่ไป คุณหมอได้ดูคำสัมภาษณ์ของคุณอภิสิทธิ์
ที่ออกเป็นข่าวไหมครับ?***
ผมไม่ได้ดูครบครับ แต่ผมดูเนื้อความส่วนใหญ่
เท่าที่ฟังข้อแรกต้องขอบคุณอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ท่านให้โอกาสน้อง ๆ
นักศึกษาได้มีการสนทนากัน และข้อต่อมาคืออดีตนายกฯ อภิสิทธิ์
ใช้วิธีการเจรจาแบบสุภาพ ก็คืออธิบายให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทีนี้ประเด็นที่คุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ พูดนั้น ผมเห็นแย้งหลายประเด็นเลย
ที่ว่าท่านบอกว่าท่านขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วกระบวนการยุติธรรมก็ยกฟ้องไปหมดแล้ว
ต่อมาก็มีการตั้งคำถามบอกว่าจะเอาท่านไปลงโทษได้ยังไงในเมื่อท่านไม่ได้เป็นคนสั่ง ดูคำสั่งที่ท่านสั่งให้ฆ่าคนตายอยู่ตรงไหน?
อะไรประมาณนี้ ตรงนี้ผมเห็นต่างจากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยสิ้นเชิง
ก็คือว่า ไอ้ที่เขามายกฟ้องนั้น ศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ท่านยกฟ้องด้วยเหตุผลก็คือว่าผิดเขตอำนาจศาล
หมายถึงไปฟ้องผิดศาลนั่นเอง ในมือของผมมีเอกสารของไทยรัฐ ประจำวันที่ 31 สิงหาคม
2560 คือศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องคดี
คือศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหตุผลของการกระทำของจำเลยที่สองซึ่งหมายถึงคุณสุเทพ
ตามที่โจทก์บรรยายตามฟ้องเป็นการกระทำกรรมเดียว ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ
ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ใช้ในขณะนั้นให้ฟ้องตามมาตรา 252(2), 275 รวมทั้ง พ.ร.บ.
ป.ป.ช. มาตรา 19, มาตรา 66 และพ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองปี
2542 ตามมาตรา 91 และ 24 กำหนดขั้นตอนให้ ป.ป.ช.
เป็นคนไต่สวนและส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎ่กาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เห็นมั้ยครับ
ท่านบอกว่าคดีนี้มันต้องไปฟ้องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แต่เมื่อคดีนี้ดีเอสไอได้ทำสำนวนและสรุปส่งให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา
คนละศาลแล้วนะครับ คือที่ท่านพูดนั้นหมายถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แต่ศาลฎีกาของอาญาพลเรือน ศาลพลเรือน
ท่านบอกว่าดีเอสไอทำสำนวนสรุปให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ก็คือศาลพลเรือน
จึงไม่ถูกช่องทางตามช่องทางของกฎหมาย ก็คือฟ้องผิดเขตอำนาจศาล
ไทยรัฐเขาเขียนต่อว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาเกี่ยวกับเขตอำนาจศาล
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน
นักข่าวไทยรัฐก็เลยเขียนสรุป ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องเนื่องจากคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาล
ฉะนั้น ที่คุณอภิสิทธิ์พูด แปลว่าคดีนี้ศาลยกเนื่องจากไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลครับ
แปลว่าคดีนี้ยังไม่ได้รับการพิจารณาเลยนะ หลังจากเกิดกรณีอย่างนี้ก็มีคนไปเดินเรื่องทาง
ป.ป.ช. ปรากฏว่า ป.ป.ช. เขาบอกว่ายกคำร้อง
เขาอ้างว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่ได้การรับรองตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีความรุนแรง
ดังนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงมีเหตุอันสมควรในการสร้างความเรียบร้อยให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง
ทีนี้เขาบอกต่อว่าถ้าหากว่ามีกรณีที่ทหารไปฆ่าคน ก็ให้ไปดำเนินการกับแต่ละกรณีไป
ทหาร ก. ฆ่านาย ข. ทหาร ข. ฆ่านาย ค. อย่างนี้เป็นต้น ท่านก็เลยยกคำร้องไป เมื่อ
ป.ป.ช. ยกคำร้อง เรื่องก็เลยจบ
เพราะฉะนั้นกรณีของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ
เทือกสุบรรณ จึงไม่ได้รับการพิจารณาคดีแต่ประการใดเลย
***ผมขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมดีเอสไอกับอัยการจึงฟ้องผิดศาลตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะพลาดไม่ใช่หรือ?***
อันนี้มุมมองอาจจะคนละมุมมอง
เพราะเขามองในแง่ที่ว่าในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบทางการเมือง คือต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อนเพราะคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เขาบอกว่าไปเอาคำสั่งมาว่ามีคำสั่งไหนที่เขาสั่งยิงคนตาย
ผมขออนุญาตอธิบายประกอบหน่อย เพราะว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี คุณสุเทพ
เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเป็นผู้อำนวยการศอฉ. ฉะนั้น
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ดูแลกำกับการทำงานของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงโดยตรง
ก็คือกำกับดูแลศอฉ.โดยตรง เรื่องทุกเรื่องที่เกิดจากศอฉ. เกิดจากสุเทพ เทือกสุบรรณ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องรับผิดชอบโดยตรงด้วยครับ จะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มีอักษรเซ็นชื่อว่านายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ สั่งให้ทหารยิงไม่ได้ครับ แต่การตาย 89 หรือ 88 ศพอะไรอย่างนี้เกิดจากการทำงานของศอฉ.
โดยคำสั่งของศอฉ. ซึ่งอยู่ภายใต้อำนวยการของสุเทพ เทือกสุบรรณ
เมื่อเป็นอย่างนี้ มุมมองของนักกฎหมายผมก็ไม่เข้าใจนะ
นักกฎหมายบางส่วนเขาบอกว่าอย่างนี้มันเข้าข่ายสามารถที่จะฟ้องได้
เพราะว่าไม่มีกฎหมายใด ๆ ในโลกที่อนุญาตให้รัฐบาลใช้ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ไปสังหารประชาชนสองมือเปล่า
มันไม่มี ตรงนี้มันผิดหลักแน่นอน แล้วมันก็เข้าข่ายกฎหมายพลเรือน ผมก็ไม่เข้าใจนะ
ตอนนั้นผมฟัง ๆ เขาอภิปรายกันในลักษณะเช่นนี้ แต่ในเมื่อศาลอาญาพลเรือนท่านวินิจฉัยแล้วว่าฟ้องผิดเขตอำนาจศาล
ก็แปลว่าเรื่องก็จบ ไม่สามารถเดินไปทางช่องทางนั้นได้ ก็เลยเดินมาช่องทาง ป.ป.ช.
แล้ว ป.ป.ช. ก็ยกคำร้องไป
***ในมุมมองของนปช.
จะทำยังไงต่อกับตัวคุณอภิสิทธิ์ หรือคุณสุเทพ ครับ?***
คืออย่างนี้ครับ เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีอุปสรรคหรือมีข้อขัดข้องทางกฎหมาย
ข้อที่หนึ่งก็คือว่า ตอนหลังก็มีคนพยายามที่จะไปฟ้องกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยการตาย
ผมขออนุญาตได้เรียนว่า กฎหมายเขาเขียนชัด ๆ
เลยครับว่าในกรณีที่มีการตายที่ผิดธรรมชาติ ต้องมีการชันสูตรพลิกศพโดยบุคคล 4
กลุ่ม ก็คือโดยอัยการ ตำรวจ หมอ และเจ้าหน้าที่ปกครองในท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นคณะชันสูตรพลิกศพ
และเมื่อได้ชันสูตรพลิกศพแล้วให้ยื่นต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งการตายว่า
ผู้ตายชื่ออะไร ตายด้วยเหตุอะไร ใครทำให้เกิดการตาย
เขาเรียกว่าคำสั่งวินิจฉัยการตาย ในสมัยยิ่งลักษณ์เขาเดินเรื่องไป 30 กว่าศพ ปรากฏว่าประมาณ
17 ศพ ศาลชี้ชัดเลยว่าผู้ตายชื่อนี้ ๆ ๆ ตายที่นั้น ๆ ๆ
ตายโดยคมกระสุนของทหารที่มาจากการทำงานของศอฉ. ตรงนี้ชี้ชัด ๆ เลย มีชื่อทหาร
มีชื่อกรม/กองเรียบร้อย ก็เลยทำให้คณะทนายรวมทั้งญาติ ก็เลยเกิดความคิดขึ้นมาเมื่อไปเปิดกฎหมายว่ามันอาจจะฟ้องได้
ก็เลยนำเรื่องฟ้องขึ้นไป
ก็จำเป็นต้องเอาสำนวนสอบสวนมาจากดีเอสไอที่เขาเป็นคนทำสำนวนสอบสวนมาทั้งหมด เมื่อยื่นเรื่องไปฟ้องศาลอาญาพลเรือนก็ปรากฏว่าศาลอาญาพลเรือนท่านก็บอกว่ามันไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลท่าน
พวกเราก็เลยกลับมาคิดกันใหม่ มันไปมีปัญหาทางกฎหมาย
ว่านักการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อ.ธิดา กับผม กับคณะฯ จำนวนหนึ่งมีทั้งทนาย มีทั้งญาติและใครต่อใครที่เห็นชอบ
ไปเสนอฝ่ายนิติบัญญัติให้ไปเพิ่มเติมหรือไปแก้ว่าถ้านักการเมืองที่ทำผิดอาญา
หรือพูดภาษาชาวบ้านว่า ฆ่าพลเรือนสองมือเปล่าตายให้ขึ้นศาลอาญาปกติ
เราไปเพิ่มในวิธีพิจารณาความของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ว่าให้ยกเว้นกรณีที่นักการเมือง/ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำผิดอาญาต่อพลเรือน
ไม่มาขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พอเราปิดประตูนี้ก็แปลว่าต้องไปศาลอาญาปกติ
ซึ่งขณะนี้เราเดินเรื่องไปที่ฝ่ายนิติบัญญัติแล้วครับ
อยู่ที่กรรมาธิการดูว่าเขาจะผลักดันให้สำเร็จหรือเปล่า ถ้าผลักดันสำเร็จ
เราก็สามารถเอาคดีความทั้งหลายทั้งปวงมาเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะและศอฉ.ในสมัยนั้นได้ครับ
และยังมีอีกประการหนึ่งนะ
คือเราจะต้องไปตราไว้ในกฎหมายในกรณีของอายุความว่า ในกรณีที่นักการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินการผิดอาญา
จะเรียกว่าสังหาร/ปราบปรามโดยใช้อาวุธ โดยเกิดความรุนแรง
ก่อให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนสองมือเปล่า ต้องไม่มีอายุความ นี่ก็เดินหน้าไปแล้ว
ไม่ทราบว่าจะสำเร็จหรือเปล่า และอีกประการหนึ่งก็คือว่าในกฎหมายปัจจุบันเขากำหนดไว้เลยว่า
ถ้าทหารทำอะไรต่ออะไรต้องขึ้นศาลทหาร ปรากฏว่า 17 กรณีที่ศาลท่านชี้แล้วว่าคนตายตายจากการยิงของทหารที่มาจากการสั่งของศอฉ.
พอไปส่งศาลท่านบอกว่าอันนี้มันอยู่ในข่ายของศาลทหาร ต้องไปเดินเรื่องทางศาลทหาร
พอไปเดินเรื่องทางศาลทหาร ต้องไปเริ่มต้นที่อัยการทหาร พอเริ่มต้นที่อัยการทหาร
อัยการทหารท่านบอกว่ายกคำร้อง เพราะอาจจะมีหลักฐานไม่เพียงพอ ฟังไม่ขึ้น
หรืออะไรก็แล้วแต่ ทั้ง ๆ ที่มีคำวินิจฉัยคำสั่งการตายของศาลอาญาพลเรือนปกติ
ไม่ใช่พวกเราไปคิดเอาเองนะ
เราก็เลยไปผลักดันทางนิติบัญญัติให้ไปเติมในพระธรรมนูญศาลทหารว่า
ในกรณีที่ทหารทำผิดอาญาต่อพลเรือน ต้องขึ้นศาลพลเรือน
ซึ่งขณะนี้ก็เดินเรื่องอยู่ในชั้นกรรมาธิการทั้ง 3 เรื่องว่า
1) นักการเมืองที่ทำผิดอาญาต่อพลเรือน
ก็คือฆ่าประชาชน ต้องขึ้นศาลพลเรือน
2) นักการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ก็คือรัฐบาลหรือรัฐ สังหารประชาชนสองมือเปล่า ต้องไม่มีอายุความ
3) ทหารที่ทำผิดอาญาต่อพลเรือนในหน้าที่
ให้ขึ้นศาลพลเรือน
เรากำลังเดินเรื่องอยู่ ถ้าหากว่าประสบผลสำเร็จเราก็สามารถที่จะผลักดันต่อไปได้
แต่ถ้าไม่ประสบผลสำเร็จมันก็ชะงักอยู่ตรงนี้ เพราะว่านายกรัฐมนตรีหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล
ถ้าทำผิดอะไรในหน้าที่ต้องไปฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมด
แล้วก็ต้องไปผ่านป.ป.ช. สุดท้ายป.ป.ช.ท่านก็บอกว่ายกคำร้อง มันก็จบ มันก็ตัน
ขณะนี้กรณี เมษาพฤษภา53 มันตันครับ รอการแก้กฏหมาย 3 ฉบับนี้ครับ
เราพยายามที่จะเดินไปตามกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ
ถ้าหากว่ากระบวนการยุติธรรมภายในประเทศมันถึงทางตันไม่อาจจะดำเนินการเพื่อหาความยุติธรรมได้
เราก็ได้เดินเรื่องต่อไปที่ ICC คือศาลอาญาระหว่างประเทศซึ่งในนั้นจะมีประมวลกฎหมายของ
ICC เขาเขียนไว้ข้อหนึ่งชัดเจนเลยว่าในกรณีที่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ
ดำเนินการโดยมีการวางแผนอย่างครบถ้วน
ดำเนินการในอาณาพื้นที่ที่กว้างขวางและมีการฆ่าประชาชนเกิดขึ้น เขาเรียกว่า Crime against humanity พวกเราพิจารณาดูแล้วกรณีของปี 53 เข้าข่ายนี้เลย
เพราะตอนนั้นดูแล้วมันก็ตันอย่างที่อธิบายไปเมื่อสักครู่ เราก็เลยเดินทางไป ICC
ก็ปรากฏว่าเขาให้โอกาสเรา เราคุยกับเขาตั้ง 3 ชั่วโมง เขาบอกว่าทาง ICC
เขาติดตามเรื่องนี้โดยใกล้ชิดและเก็บข้อมูลมากมาย สิ่งที่เล่าให้ฟังทั้งหมดมันอยู่ในแฟ้มของเขาแล้ว
แต่เรื่องนี้มันต้องดำเนินการกับคณะใหญ่ ไม่ใช่ดำเนินการเฉพาะคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ คนเดียว ตอนนั้นทนายความโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เขาเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ มีสัญชาติอังกฤษ และอังกฤษเขารับรอง ICC เรียบร้อยแล้ว
จึงสามารถฟ้องอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้คนเดียว แต่ปรากฏว่า ICC โต้แย้งกลับมาบอกว่าให้รัฐบาลสมัยนั้น (ยิ่งลักษณ์) รับรองเขตอำนาจศาลเฉพาะกรณีเมษาพฤษภา53
ทันทีที่ประกาศรับรองเขาก็สามารถเดินเรื่องได้ทันที
ตอนนั้นเราได้เชิญอัยการสูงสุด
“ฟาตู เบนซูดา” เข้ามาประเทศไทยเพื่อให้รัฐบาลซักถามต่าง ๆ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง
เบนซูดาก็เข้ามาอธิบายกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และอดีต รมต.ต่างประเทศ สุรพงษ์
โตวิจักษณ์ชัยกุล จนเป็นที่ชัดเจนทั้งหมด แต่เป็นที่น่าเสียดาย
รัฐบาลของยิ่งลักษณ์กับคุณสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
เขาไม่ประกาศรับรองเขตอำนาจศาลเฉพาะกรณีเมษาพฤษภา53 เรื่องนี้ก็เลยสูญไป
เราก็ไม่ได้สิ้นหวัง เราก็มาเดินเรื่องต่อ ตอนหลังคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553
ก็ตามไปขอรายละเอียดจากดีเอสไอ
ไปขอรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละสถานีตำรวจที่เขาลงไปชันสูตรพลิกศพ
และตามไปถามอัยการสูงสุด
ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายแต่ตั้งข้อสังเกตได้ก็คือ
ในสมัยยิ่งลักษณ์เขาทำสำเร็จคือส่งเรื่องชันสูตรพลิกศพเพื่อให้ศาลไต่สวนและทำคำวินิจฉัยการตายประมาณ
30 กว่าราย และในนั้น 17 ราย ชัดเจนบอกว่าตายจากคมกระสุนที่ยิงโดยทหารที่มาทำตามคำสั่งของศอฉ.
แต่พอปรากฏว่าเกิดรัฐประหาร การชันสูตรพลิกศพก็ชะงักเลย ยังเหลืออีกประมาณ 60
กว่าราย แล้วมาตอนหลังที่เรามาตามเรื่องในปี พ.ศ. นี้ ในรัฐบาลเพื่อไทย ก็ปรากฏว่าเขาแทงเรื่องว่า
“หมดอายุความ” แปลว่าเขาจงใจรัฐประหารเมื่อปี 2557 เพื่อมาตัดหรือยุติการชันสูตรพลิกศพเพื่อไต่สวนการตายและทำให้เรื่องมันหยุดลงไปเลย
***ผมฟังจากที่คุณหมอให้สัมภาษณ์ มันเหมือนว่าการดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์
คุณสุเทพ มันชะงักไปพร้อมการตัดตอนทางการเมือง***
คือข้อแรกเราต้องเคารพศาลก่อนนะว่า
ศาลวินิจฉัยว่ามันไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาล ถูกต้องเลย เป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติและนักการเมืองทั้งหลายไปแก้ตรงนี้
ก็คือนักการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทำผิดอาญาหรือฆ่าประชาชนสองมือเปล่าให้ขึ้นศาลพลเรือนปกติก่อน
เมื่ออยู่ในเขตอำนาจศาล ศาลก็สามารถที่จะรับได้
ที่ท่านวินิจฉัยยกฟ้องเพราะมันไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลของท่านนั้นถูกต้อง
เราต้องเคารพ
ข้อสอง
เวลาเดินไปที่ศาลทหารก็เหมือนกัน คือเราเดินเรื่องไปฟ้องที่ศาลอาญาพลเรือน
ท่านก็บอกว่าเรื่องนี้จำเลยที่เกี่ยวข้องเป็นทหาร ต้องไปฟ้องศาลทหาร
มันก็เลยไปติดขัดอีก พอไปยื่นฟ้องศาลทหาร อัยการศาลทหารท่านมีคำสั่งไม่ฟ้อง
ผมก็ไม่สามารถไปโต้แย้งอะไรท่านได้ เพราะเราไม่มีอำนาจไปโต้แย้ง
เรื่องมันก็ไม่จบอีก จึงเป็นหน้าที่ของเราในการไปแก้กฎหมาย 3 ฉบับอย่างที่บอก
ถ้าพูดถึงประเด็นทางการเมืองก็มีเรื่องเดียวก็คือเรื่องการรัฐประหารปี
2557 เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมแชร์การให้สัมภาษณ์ของคุณธาริต เพ็งดิษฐ์
ก่อนหน้าที่ท่านจะติดคุก ท่านบอกว่าทางคณะรัฐประหารไปยื่นคำขาดกับท่าน
บอกว่าห้ามฟ้องศอฉ. ถ้าคุณเดินเรื่องฟ้องศอฉ.เมื่อไหร่
พวกผมยึดอำนาจและเอาคุณติดคุก คำถามนี้ก็ต้องอาศัยจากการฟังการแถลงข่าวของคุณธาริตไปเชื่อมโยงอีกทีว่า
ก็อย่างที่คุณธาริตว่ามีความเป็นไปได้ แต่ผมไม่ได้รับฟังและไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
แล้วก็มันทำให้ผมรำลึกถึง 6ตุลา สมัยนั้นมีการพิจารณาพิพากษาคดีต่อหน้าศาล
แต่พอทนายฝ่ายจำเลยซัก ๆ จนเกือบจะถึงต้นเหตุแล้ว ก็มีการหยุดและมีการนิรโทษกรรมทันที
เรื่องมันก็จบไป อันนี้ก็เหมือนกัน กลับมาเรื่องนี้
ผมเข้าใจว่าทางคสช.เขาคงจะกลัวว่าคดีปี 53 มันจะไปกระทบพวกเขาโดยตรง
เขาก็เลยยึดอำนาจ แล้วก็หยุดเลย
***หลังจากนี้ต่อไปทางนปช.มีท่าทีอย่างไรในมุมมองของการเมืองในอนาคต***
เราต้องการความยุติธรรมให้เกิดในประเทศนี้นะ
เพราะหากว่าเกิดกรณีที่รัฐบาลใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ในการฆ่าประชาชนสองมือเปล่าตามใจชอบ
ฆ่าคนที่มีความเห็นแย้งทางการเมืองตามใจชอบ เป็นตัวอย่างแล้วเขาก็ลอยนวลไปโดยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
มันก็จะเป็นแบบฉบับให้นักการเมืองต่อไปในอนาคตที่เขาเห็นว่าประชาชนแข็งขืนต่อเขา
หรือประชาชนเห็นต่างจากเขาหรือขัดแย้งต่อเขา
เขาก็อาจจะใช้ตรงนี้เป็นต้นแบบในการที่จะทำซ้ำอีก ดังนั้นจะต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้
ต้องดำเนินการปี 53 ให้ได้ เพราะอย่างน้อยมี 17 กรณีที่ศาลท่านมีคำสั่งการตายชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 6 ศพวัดปทุมฯ ชัดเจน ศาลอ่านเป็นชั่วโมง ผมนั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดี
สรุปเป็น 4 ประเด็น 1) ผู้ตายทุกศพตายจากทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า BTS 2)
คนตายไม่ได้มีเขม่าดินปืน แปลว่าเขาไม่ได้ยิงต่อสู้กับทหาร 3)
ไม่มีการยิงต่อสู้ระหว่างชายชุดดำกับทหารบนรางรถไฟฟ้า
แปลว่าไม่มีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ ตรงนี้ศาลกรุณาบรรยายเลยว่าเวลาไต่สวนการตายมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของฝ่ายรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
3 คนมาให้การ ต่างคนต่างให้การขัดแย้งกันหมดเลย 4) อาวุธที่งมออกจากสระน้ำในวัดปทุมฯ
รับฟังไม่ได้ ศาลท่านพูดอย่างนี้นะ
ก็แปลว่าไม่มีชายชุดดำ
เราไม่มีกองกำลังอาวุธ ก็แปลว่าทหารฆ่าประชาชน กรณี 6 ศพวัดปทุมฯ มันเป็นกรณีที่ชัดเจน
แต่พอเรามาเจอเรื่องนี้เราก็เลยวิตกกังวลมากว่าถ้าเราเดินหน้าไปก็จะสูญ
ถ้าเราเดินหน้าไปอัยการศาลทหาร อัยการท่านสั่งไม่ฟ้อง เราก็จบเลย
ถ้าไปฟ้องศาลพลเรือน ถ้ายังไม่แก้กฎหมาย ท่านก็บอกให้ไปฟ้องศาลทหาร ก็ติดขัดอีก
ประเด็นของเราก็คือเราต้องไปแก้กฎหมาย 3 ฉบับที่บอกไปแล้ว
มีแต่ต้องไปผลักดันให้แก้กฎหมาย 3 ฉบับนี้ก่อน เราถึงจะเดินเรื่องต่อได้
เพราะว่าเราเดินหนทางสันติวิธี เราต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมในการแก้ปัญหาครับ
***ผมขอย้อนไปที่คุณอภิสิทธิ์มีการพูดว่าทำไมน้อง ๆ
ไม่ไปเรียกร้องให้เอาผิดกับรัฐบาลที่สลาย กปปส. กับ พันธมิตรบ้าง
คุณหมอมีมุมมองจุดนี้อย่างไร?***
เมื่อเร็ว
ๆ นี้มีคนหนึ่งถูกปล่อยออกมาจากเรือนจำ คน ๆ
นี้ถูกฟ้องว่าเป็นคนเอาระเบิดไปขว้างการชุมนุมของกปปส.แถวราชดำริ จากกรณีนี้นะ
เนื่องจากผมไม่ได้ตามเรื่องของทางกปปส.กับพันธมิตรฯ นะ
เพราะว่าเฉพาะเสื้อแดงของผมก็เยอะแยะไปหมด มีคดีความเป็นพันคดี แล้วผมก็โดนคดีหนัก
ๆ หลายคดี 5-6 คดี เท่าที่ติดตามดูเร็ว ๆ นี้ ผมก็เลยคิดว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับกปปส.หรือพันธมิตรฯ
ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขาได้เดินเรื่อง แต่ประสบผลสำเร็จขนาดไหน
เอาใครเข้าคุกได้อย่างไร หรือศาลท่านมีคำพิพากษาจำคุกแล้วหรือไม่อย่างไร ผมไม่รู้
แต่ยืนยันได้ว่ามีการดำเนินคดีครับ
***คุณหมอมองว่าการดำเนินคดีของกปปส.กับพันธมิตรฯ มันยังไม่ได้ถูกดึงให้ล่าช้าเหมือนนปช.***
จะกล่าวอย่างนั้นก็ได้
เพราะว่าคดีของนปช.ขณะนี้ก็เดินหน้าไปเยอะแยะ เหลือคดีไม่มาก
แต่ว่าของคดีพันธมิตรฯ ยังเยอะแยะไปหมดเลย ล่าสุดที่ได้ฟังจากสื่อคือคดียึด NBT
ก็มีโฆษกชื่อดังท่านหนึ่งได้รับการยกฟ้อง
แต่บางท่านก็ได้รับโทษไปตามที่ศาลท่านได้มีคำพิพากษา
ส่วนคดีปิดสนามบินและคดีที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์
ผมไม่ทราบว่าตอนนี้ไปอยู่ชั้นไหน และจะมีคำพิพากษาเมื่อไหร่ อย่างไร
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะผมไม่ได้ติดตามเรื่องราว
ต้องเรียนว่าในความรู้สึกส่วนตัวผม
คดีที่เกี่ยวข้องกับกปปส.และพันธมิตรฯ มันคืบหน้าไปช้ามาก
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคดีของฝ่ายนปช. อย่างเมื่อกี้ที่ผมเรียนว่าเราไปตามเรื่อง
ก็ปรากฏว่า 60 กว่าศพ ท่านบอกว่าหมดอายุความ แล้วไปดูว่าอัยการส่งฟ้องอะไรบ้าง เท่าที่ปรากฏในเอกสารที่ได้จากกรรมาธิการ
อัยการเขาฟ้องเฉพาะคนเสื้อแดงครับ คนเสื้อแดงไปขว้างอาวุธที่ตรงนี้
คนเสื้อแดงไปเผาที่ตรงนี้ คนเสื้อแดงไปชุมนุมที่ตรงนี้
คนเสื้อแดงไปปิดถนนที่ตรงนี้ นับเป็นหลายร้อยคดี ไม่มีสักคดีที่อัยการรวบรวม
อย่างน้อยก็เอาคำสั่งการตายของศาลที่เผยแพร่ต่อสาธารณะมาพิจารณาเพื่อเดินเรื่องที่จะฟ้องทหาร
ผมก็แปลกใจนะว่าอัยการนี่เป็นทนาย เมื่อรับทราบ เมื่อเห็น
เมื่อปรากฎเหตุการณ์ต่อหน้าตัวเองแล้วก็ต้องตระหนักรู้ว่าเป็นภาระหน้าที่ในการที่จะหยิบยกเรื่องนี้ไปฟ้อง
แต่ไม่เห็นมี 17 กรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัย ไม่มีการไปฟ้อง
***ฟังคุณหมอแล้ว พูดง่าย ๆ ว่า พันธมิตรฯ กปปส. กับ นปช. คือ
นปช.โดนหนักสุด***
ใช่ครับ
สำหรับผมในความรู้สึกส่วนตัวนะ เพราะว่าคดีมันเดินเร็วมาก และแต่ละคดีก็ใหญ่มาก
เดินเร็วมากครับ จนมาวันนี้คดีส่วนใหญ่ก็ดูจะเหลือไม่มากแล้ว แต่ของพันธมิตรฯ
ของกปปส. คดีใหญ่ ๆ ยังไม่ถึงที่สุด
***คุณหมออยากจะฝากอะไรถึงคุณผู้ชมที่ชมรายการอยู่***
ผมอยากจะให้ท่านผู้ชมทั้งหลายพิจารณาดูด้วยความเป็นธรรมว่า
เราอยากให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
นั่นหมายความว่าประชาชนที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาลสามารถที่จะแสดงออกทางการเมืองอย่างสงบ
สันติ ปราศจากอาวุธได้ตามรัฐธรรมนูญ
โดยที่รัฐบาลจะต้องเคารพสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอันนี้ โดยไม่ใช้การปราบปรามโดยใช้กำลังอาวุธ
ผมรำลึกถึงรัฐบาลสมัยอานันท์ ปันยารชุน หลังปี 2535 อานันท์เขาบอกว่า 1) ต่อไปนี้คนที่จะมาดูแลการชุมนุมมีเฉพาะตำรวจ
2) ตำรวจที่มาดูแลการชุมนุมใช้เฉพาะโล่กับกระบองเท่านั้นเอง
และถึงขีดสุดที่ไม่อาจเลี่ยงได้ก็ใช้แก๊สน้ำตาเท่านั้น และอานันท์ฯ ยังส่งตำรวจไปศึกษาที่เกาหลีใต้
เพราะเกาหลีใต้มีการชุมนุมรุนแรงมากแล้วทหารก็ยิงประชาชนตาย แต่ตอนหลังเกาหลีใต้ก็ปรับโฉมใหม่
ใช้ตำรวจอย่างเดียว ฉะนั้น อานันท์ ปันยารชุน เป็นแบบฉบับ แต่คำสั่งของอานันท์ฯ
เป็นกฎหมายหรือเปล่า ผมจำไม่ได้แล้ว แล้วทำไมอยู่ ๆ หายไป
แล้วทำไมสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาตั้งเป็น ศอฉ. แล้วศอฉ.ไปสั่งกองทัพ ใช้ 3
เหล่าทัพมาปราบประชาชนได้
ผมอยากจะฝากท่านผู้ชมนะว่า
เราต้องไม่ได้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก การที่จะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกไม่ใช่เขียนในกระดาษ
เขียนในกระดาษเขาฉีกทิ้งได้ วิธีการก็คือต้องเดินเรื่องไปสู่กระบวนการยุติธรรม
และให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทางกฎหมาย ถ้าศอฉ.สั่งอย่างนี้จริง ศอฉ.ต้องได้รับโทษ
ผู้อำนวยการศอฉ.ต้องได้รับโทษ และนายกรัฐมนตรีสมัยโน้นที่กำกับดูแลศอฉ.ต้องได้รับโทษ
ผมยืนยันว่าไม่ใช่อาฆาตพยาบาท แต่ต้องการสร้างหลักเกณฑ์ว่า การชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากรัฐบาลอย่างสงบสันติปราศจากการใช้กำลังอาวุธ
ต้องได้รับการเคารพ
และผมขออนุญาตเพิ่มนิดเดียว
เพราะมีความโต้แย้งว่าคนเสื้อแดงรุนแรง 15 ปีแล้วนะครับ
คุณยังจับชายชุดดำไม่ได้เลย แล้วอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาลตอนนั้นปี 53-54
เขาหมดอายุตอนปี 54 ประมาณเดือนกรกฎาคม ก็ประมาณ 14 เดือนหรือ 400-500 วัน ทำไมรัฐบาลคุณจับชายชุดดำไม่ได้
และในช่วงที่คุณปราบเสื้อแดงคุณใช้กำลังตั้ง 6 หมื่นคน ทำไมคุณจับชายชุดดำจะ ๆ
ไม่ได้เลยสักคน แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ 15 ปีแล้ว แล้วก็จับคนนั้นคนนี้ขึ้นฟ้อง
ศาลท่านก็พิจารณาพิพากษาไปตามดุลยพินิจของท่าน ก็ยืนยันว่าชายชุดดำทุกคดียกฟ้องหมด
คดีก่อการร้ายที่ผมโดนฟ้อง ท่านก็ยกฟ้อง
ก็แปลว่าการชุมนุมของเราไม่มีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ ผมยืนยัน
เป็นการชุมนุมที่สงบ สันติ ปราศจากการใช้กำลังอาวุธ เมื่อเป็นเช่นนี้
ศอฉ.ที่ใช้กองกำลังติดอาวุธ คือกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ จำนวน 6 หมื่นกว่านาย
จำนวนกระสุน 2 แสนนัด ดำเนินการสังหารประชาชนสองมือเปล่าอย่างเหี้ยมโหด
จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องได้รับการดำเนินคดีตามกฎหมาย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อภิสิทธิ์ #นปช #คนเสื้อแดง #สลายการชุมนุมปี53
