ผู้นำฝ่ายค้านถามนายกฯ
จงใจเกียร์ว่าง?
โยนราชการออกหน้าปราบสแกมเมอร์
วันที่
5 พฤศจิกายน 2568 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาชน
แสดงความคิดเห็นจากกรณีที่อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน The
Standard Economic Forum วันนี้
โดยไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลมีแผนที่เป็นรูปธรรมใดๆ ในการปราบสแกมเมอร์ แต่ใช้วิธี
“เซ็นเช็คเปล่า” ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้อำนาจปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเต็มที่
โดยณัฐพงษ์ระบุว่าการที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเช่นนี้
ถือว่าบกพร่องต่อการทำหน้าที่ผู้นำประเทศอย่างมาก เพราะเป็นการปัดความรับผิดขอบ
โยนเผือกร้อนให้ข้าราชการ และจะทำให้การปราบปรามสแกมเมอร์ไม่คืบหน้าอย่างแน่นอน
ณัฐพงษ์ย้ำว่า
วันนี้ประชาชนทั้งประเทศถือว่าปัญหาทุนเทาเข้ายึดครองประเทศ และครอบงำเศรษฐกิจไทย
หลอกลวงสร้างความเสียหายนับแสนล้านต่อคนไทย เป็นปัญหาสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศ
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไม่เคยมีท่าทีใดๆ
ที่แสดงให้เห็นว่าจริงจังในการปราบปรามสแกมเมอร์ นอกจากตั้งอนุกรรมการ
แม้ว่าจะมีรัฐมนตรีถึง 2 คนใน ครม.
ที่ถูกเชื่อมโยงว่าอาจมีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายสแกมเมอร์ เราในฐานะฝ่ายค้าน
พยายามใช้ช่องทางกรรมาธิการ ติดตามตรวจสอบตลอด 1 เดือน
แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากบุคคลในรัฐบาล ไม่มีใครมาให้ข้อมูลแม้แต่คนเดียว
ไม่ว่าจะเป็นร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า, ศาสตราจารย์นฤมล
ภิญโญสินวัฒน์, หรือวรภัค ธันยาวงษ์
ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง., ก.ล.ต., และตำรวจไซเบอร์ ก็ให้ความร่วมมืออย่างจำกัด ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
“การที่คุณอนุทินมาพูดวันนี้ว่า เซ็นเช็คเปล่า
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำไปตามอำนาจ จึงเท่ากับตอกย้ำว่า รัฐบาลจงใจเกียร์ว่าง
ไม่มีการสั่งการอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้หน่วยงานราชการไม่กล้าขยับโดยปริยาย
เพราะปรากฏเป็นข่าวทั่วไปว่าเรื่องนี้พัวพันกับบุคคลระดับสูงในรัฐบาล
ผมจึงขอถามไปยังคุณอนุทินโดยตรงว่าท่านจงใจเกียร์ว่างเพื่อให้เกิดสุญญากาศ
เตะถ่วงการสืบสวนเครือข่ายทุนเทาสแกมเมอร์ในไทยหรือไม่“
ณัฐพงษ์ยังกล่าวต่อไปว่า
หากรัฐบาลตั้งใจจริงในการสอบสวนเรื่องนี้ รูปธรรมที่ทำได้ทันทีคือ
1.
ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รวมปฏิบัติการให้มีวอร์รูมแห่งเดียว นายกฯ
สั่งการโดยตรง ติดตามอายัดทรัพย์บุคคลที่ปรากฏชื่อในร่างกฎหมาย HR 5490 ว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติสแกมเมอร์ ของสหรัฐฯ เช่นเบน สมิธ,
ยิม เลียก, เฉิง จื้อ
และสอบเส้นเงินเพื่อขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน
2.
จัดประชุม round-table แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคณะทูตนานาชาติ
โดยเฉพาะสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สิงคโปร์และเกาหลีใต้
เพื่อวางมาตรการปราบสแกมเมอร์ร่วมกัน รวมถึงประสานกับองค์การตำรวจสากล หรือ Interpol
ซึ่งมีหน่วยงานเฉพาะที่ปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์
3.
เพื่อให้ประขาชนทั่วประเทศคลายความสงสัยว่ารัฐบาลอาจกำลังปกปิดข้อเท็จจริงหรือเตะถ่วงการสอบสวนเครือข่ายสแกมเมอร์
เนื่องจากต้องการปกป้องคนในรัฐบาลหรือไม่
นายกรัฐมนตรีควรปรับเอารัฐมนตรีที่ถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ออกจากคณะรัฐมนตรีชั่วคราว
หรืออย่างน้อยที่สุด ให้รัฐมนตรีเหล่านี้แถลงชี้แจงต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ
และไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ ของสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อประโยชน์ในการติดตามตรวจสอบอาชญากรรมฟอกเงินและสแกมเมอร์
“หากรัฐบาลคุณอนุทินยังไม่มีรูปธรรมใดๆ ในการปราบปรามสแกมเมอร์
ผมในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน
จะใช้ทุกกลไกเท่าที่มีอยู่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ
เพื่อติดตามขยายผลการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป
เพื่อให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกตราหน้าเป็นแหล่งฟอกเงิน
สมรู้ร่วมคิดกับอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลก
และเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์”
