วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

'สว.นันทนา' แถลงยื่นร้อง 'ป.ป.ช.' สอบ 'คกก.จริยธรรม วุฒิสภา' เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้ง ให้รับโทษทางจริยธรรม 'ทนายอนันต์ชัย' ลั่นน่ายุบสว. เหลือแต่สส.ก็พอแล้ว


'สว.นันทนา' แถลงยื่นร้อง 'ป.ป.ช.' สอบ 'คกก.จริยธรรม วุฒิสภา' เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้ง ให้รับโทษทางจริยธรรม 'ทนายอนันต์ชัย' ลั่นน่ายุบสว. เหลือแต่สส.ก็พอแล้ว


วันที่ 5 พ.ย. 2568 ที่รัฐสภา นางสาวนันทนา นันทวโรภาส พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ แถลงถึงการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูล พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา และพวก รวม 18 คน ซึ่งมีการกระทำที่อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีการรับเรื่องร้องเรียน การนําเรื่องร้องเรียน เข้าสู่การพิจารณา อันอาจเป็นการกลั่นแกล้ง เพื่อได้รับโทษทางจริยธรรม


โดยนางสาวนันทนา กล่าวว่า ตนเป็นผู้ถูกกล่าวหา และได้รับการลงมติจากที่ประชุมวุฒิสภา กรณีการผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งตนได้ประสบกับสิ่งที่คณะกรรมการจริยธรรมดำเนินการตลอดเวลาที่ได้พิจารณากรณีของตน นั่นคือการที่คณะกรรมการจาก 22 คน มีกว่า 15 คน ที่เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.และถือเป็นคู่ขัดแย้งกับตนโดยตรง เนื่องจากตนเองนั้น เป็นผู้ร้องให้มีการถอดถอนกับผู้ทึ่ได้รับการแจ้งว่ามีข้อพัวพันกับคดีฮั้ว สว.

 

โดยตนได้มีการร้องคัดค้านคณะกรรมการจริยธรรมต่อประธานคณะกรรมการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งประธานคณะกรรมการดังกล่าว ก็เป็นคู่ขัดแย้งของตนเช่นเดียวกัน ทั้งยังมีการร้องไปยังวุฒิสภา และนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ซึ่งก็เป็นผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.ด้วย ทำให้การร้องคัดค้านของตนไม่เป็นผล และคณะกรรมการจริยธรรมจึงดำเนินการพิจารณาคดีของตนต่อไป ทั้งที่เสียงข้างมากกว่า 15 คนนั้น เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับตน จึงถือว่ากระบวนการนี้ ดำเนินการโดยมิชอบ เพราะผู้ตัดสินพิจารณากรณีของตนเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับตน และไม่ดำเนินการในการที่จะรับฟังตน เพื่อพิจารณาต่อไป

 

นอกจากนั้น คณะกรรมการชุดนี้ ยังกลั่นแกล้งกีดกันมิให้ตนสามารถเข้าไปดำเนินการเข้าให้ปากคําต่อคณะกรรมการได้ โดยมีการนัดหมายให้ตนเข้าไปให้ปากคํา พร้อมกับพยาน ในวันซึ่งตรงกับวันที่ญัตติที่ตนเป็นผู้เสนอได้เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา รวมถึงการที่ตนได้รับหมายเรียกจากศาลให้ไปไต่สวนกรณีที่คู่กรณีของตนคือนางแดง กองมา สว.ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท แต่คณะกรรมการจริยธรรมก็จงใจที่จะเรียกให้ตนเข้าให้ปากคําในเดียวกัน จึงถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งไม่ให้ตนสามารถให้ปากคําในคณะกรรมการได้

 

ทั้งนี้ ในการไต่สวนข้อหาหมิ่นประมาท ตนได้มอบหมายให้ทนายอนันต์ชัยเป็นตัวแทน สำหรับคณะกรรมการจริยธรรม ตนมีการทำหนังสือร้อง เพื่อขอเลื่อนการให้ปากคํา แต่ผลปรากฏว่า คณะกรรมการนั้น ปฏิเสธไม่ให้ตนเลื่อนที่จะให้ปากคำ ทำให้พยานของตนที่ประกอบไปด้วยนักวิชาการไม่เคยได้เข้าไป

 

ที่สำญ ยังมีข้อสังเกตการดำเนินการในเรื่องนี้ ที่เป็นการดำเนินการเกินกว่ากรอบเวลาของคณะกรรมการจริยธรรม ตามที่มีการระบุเอาไว้ในระเบียบว่าด้วยจริยธรรม จำนวน 150 วัน แต่เมื่อนับถึงวันที่มีการลงมตินั้น เป็นเวลา 316 วัน ทำให้การดำเนินการนี้ จึงถือว่ามิชอบ ไม่เป็นไปตามกรอบเวลา ดังนั้น ในวันนี้ตนจึงยื่นหนังสือกล่าวโทษต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบและไต่สวน

ขณะที่ทนายอนันต์ชัย กล่าวถึงเรื่องจริยธรรมว่า โดยหลักการตนไม่ชอบยุ่งการเมือง และไม่สนใจด้วย แต่เมื่อเห็นในกรณีของนางสาวนันทนา ก็รู้สึกว่าจะปล่อยให้นางสาวนันทนาโดดเดี่ยวไม่ได้ จึงเข้าให้การช่วยเหลือโดยไม่มีค่าจ้าง ย้ำว่า เราทำด้วยใจ เพราะเรารู้สึกว่านางสาวนันทนาโดนรังแก

 

"เราดักบ่อล่อปลาไว้หมดแล้ว พวกนั้นเขาไม่รู้หรอกว่า พวกเราทำอะไรกันไว้ เรารู้อยู่แล้วว่า เราเสียงข้างน้อย เราจึงโต้แย้งคัดค้านทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มกระบวนการตั้งคณะกรรมการ 22 คนนั้น คุณต้องพิจารณาตรงนี้ก่อนว่า กว่า 15 คนในนั้น เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ขณะเดียวกันวันที่ตนเป็นพยาน นางแดงก็ได้ให้การว่า การที่เขาเป็นคนขายหมู เขาภูมิใจมาก การวิพากษ์วิจารณ์เป็นไปโดยสุจริต เพราะเขาไม่มีความรู้ในเรื่องการพัฒนาทางการเมืองเลย เป็นความภาคภูมิใจ ถ้าใครเลือกเข้ามา ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของเขาเอง ว่าเป็นการด้อยค่า วันเดียวกันนั้น ก็มีการประชุมกันพักใหญ่ ไม่ยอมให้เข้า ไม่รู้ว่ากลัวอะไร เวลาเขาร้อง เขาบอกว่าเราหมิ่นประมาท แม้เรามีสิทธิ์จะชี้แจง แต่ตัวเขาเองไม่ยอม ต่อรองกันมาตั้งนาน ตกลงวันนั้นก็ไม่ได้เข้า โถ่ นี่หรือวุฒิสภา ผมว่าน่าจะยุบนะ เอาแต่สภาผู้แทนราษฎรก็พอแล้ว เปลืองภาษีประชาชน" ทนายอนันต์ชัย กล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สว #ปปช