ในรายการ "เหลียวหลังแลไปข้างหน้าเพื่อประชาธิปไตย" เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ม.ค. และวันจันทร์ที่ 1 ก.พ. 59 อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้วิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๙ ซึ่งประเด็นแรกที่กล่าวถึงคือสมาชิกวุฒิสภา โดย อ.ธิดา ได้แสดงทัศนะต่อสมาชิกวุฒิสภาใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวดังนี้
วุฒิสภาในร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ
เป้าหมายคือต้องการได้วุฒิสภา (สภาพลเมือง) ของอนุรักษ์นิยมไทยที่ปลอดจากอิทธิพลพรรคการเมือง นักการเมือง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น จึงกำหนดคุณสมบัติและข้อห้ามของผู้มีสิทธิสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีลักษณะชนชั้นและเอื้อประโยชน์ต่ออนุรักษ์นิยม
ประการแรก คือคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ว. โดยการจำแนกกลุ่ม 20 กลุ่มในสังคมล้วนเป็นตัวแทนของชนชั้นกลางบนขึ้นไป มีที่มาจากข้าราชการ มาจากภาคประชาสังคม (NGO) และประชาคมของอนุรักษ์นิยมไทย และองค์กรวิชาชีพหลัก ตลอดจนตัวแทนธุรกิจ ประหนึ่งว่าเป็นคุณสมบัติของสภาพลเมืองในยุคอดีตกาลของสังคมยุคทาส ที่อนุญาตให้พลเมืองบางกลุ่มที่เสียภาษีและอดีตทหารเข้าสภาได้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสภาตัวแทนชนชั้นกลางขึ้นไป
ประการที่สอง ข้อห้ามของผู้สมัคร ส.ว. นอกจากมีลักษณะชนชั้นแล้ว มีลักษณะกีดกัน ห้ามกลุ่มคนที่สัมพันธ์กับการเมืองในการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น กล่าวคือ แม้แต่ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด หรือมีตำแหน่งทางการเมืองใด ต้องลาออกหรือสิ้นสุดมาแล้วเกิน 10 ปี นี่เป็นข้อห้ามที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพราะการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเป็นเรื่องชอบธรรมของประชาชนในการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนควรเป็นเจ้าของพรรคการเมืองและผลักดันให้แนวนโยบายพรรคการเมืองเป็นของประชาชน
บทบัญญัติเช่นนี้กีดกันประชาชนจำนวนมากเกิน 10 ล้านคนไม่ให้มีสิทธิ์สมัคร ส.ส. และทำให้อนาคตประชาชนจะไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อชีวิตการเมือง เช่น การสมัคร ส.ว. เป็นต้น
ประการที่สาม กระบวนการเลือกตั้งกันเองจากกลุ่มคนผู้สมัคร โดยอ้างว่าเลือกไขว้กันเพื่อป้องกันการบล็อคโหวต ไม่ได้ผล เพราะจะเริ่มการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และล็อบบี้กันด้วยผลประโยชน์ ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และสร้างเครือข่ายเพื่อล็อบบี้กันในระดับภาคและระดับประเทศได้ ทั้งลงทุนน้อยกว่าในการซื้อเสียง (ถ้ามี) สามารถได้ ส.ว./จำนวนมากเป็นเครือข่ายกัน ดังปรากฏง่าย ๆ ที่สภาที่ปรึกษาซึ่งต้องการให้ NGO ปราชญ์ชาวบ้าน และผู้นำชุมชนได้รับเลือก แต่ก็ถูกบล็อกโหวต
ประการที่สี่ หน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมาย ไม่ใช่บทบาทของสภาพี่เลี้ยงที่ให้คำแนะนำแก่สภาผู้แทนราษฎร แต่กลายเป็นบทบาทสูงยิ่ง สามารถแก้ไขกฎหมายเองและ/หรือร่วมตั้งกรรมาธิการแก้ไขกฎหมายจนสามารถยับยั้งกฎหมายได้ครั้งละ 6 เดือน เท่ากับมีอำนาจในรัฐสภาและยับยั้งกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศเป็นเวลายาวนานถ้าวุฒิสภาไม่เห็นชอบด้วย
อำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ของอนุรักษ์นิยมไทยที่สำคัญสุด ๆ คือ การเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการองค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากการสรรหา เพราะองค์กรเหล่านี้มีอำนาจสูงยิ่งในการควบคุมฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เท่ากับว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมไทยได้ใช้วุฒิสภาของตนทำหน้าที่ในการจัดการกับตัวแทนอำนาจประชาชน เพราะที่มาของวุฒิสภาคือที่มาขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ นี่จึงเป็นเหตุผลที่อนุรักษ์นิยมไทยไม่อาจปล่อยให้วุฒิสภายึดโยงหรือเกี่ยวข้องอำนาจของประชาชนโดยตรง เพราะวุฒิสภาเป็นเครื่องมือสำคัญของชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมไทยที่ใช้ควบคุมจัดการกับประชาชนนั่นเอง
ธิดา ถาวรเศรษฐ
3 ก.พ. 59