วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568

น้ำท่วมภาคใต้ยังไม่จบ "น้ำท่วมภาคกลางยังหนัก หลายแห่งจมน้ำราว 5 เดือนแล้ว"

 


น้ำท่วมภาคใต้ยังไม่จบ "น้ำท่วมภาคกลางยังหนัก หลายแห่งจมน้ำราว 5 เดือนแล้ว"


วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส. พระนครศรีอยุธยา เขต 1, ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. บัญชีรายชื่อ, เจษฎา ดนตรีเสนาะ สส. ปทุมธานี เขต 2 และกิตติภณ ปานพรหมมาศ สส. นครปฐม เขต 4 และกรรมาธิการทรัพยากรน้ำ พรรคประชาชน วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางแต่ละแห่ง ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่อง


พระนครศรีอยุธยาจมน้ำมา 5 เดือนแล้ว


ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์​ สส. พระนครศรีอยุธยา เขต 1 กล่าวว่า น้ำเริ่มท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม จนถึงปัจจุบันท่วมมานานหลายเดือนแล้ว และบางพื้นที่อาจท่วมถึงปลายปี หรือข้ามปี สถานการณ์น้ำและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ยังเดือดร้อนถ้วนหน้า


ปัจจุบันนี้ “น้ำในทาง” หรือน้ำที่เอ่อไหลท่วมทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำยังคงท่วมอยู่ แม้จะเริ่มลดลงแล้ว แต่พื้นที่ชุมชนนอกคันกันน้ำ (หรือชุมชนริมแม่น้ำ) หลายแห่งโดยเฉพาะใน อ.บางบาล ยังคงมีน้ำท่วมขังที่ความสูงประมาณ 1 เมตร และเกือบ 2 เมตร ในชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังคงมีความจำเป็นต้องใช้เรือพายในการเดินทางเข้า-ออกที่อยู่อาศัย


สส. ทวิวงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ประชาชนในพื้นที่เริ่มทำความสะอาดบ้านเรือนกันแล้ว แต่ในหลายพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง ซึ่งในช่วงน้ำท่วมสูงสุด น้ำท่วมถึงระดับพื้นบ้านยกสูงหรือท่วมพื้นชั้น 2 แต่ขณะนี้บางแห่งน้ำลดลงจนไม่ท่วมพื้นบ้านแล้ว แต่ใต้ถุนบ้านนั้น น้ำยังคงท่วมสูงในระดับ 1-2 เมตร


อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ดีคือ แผนการลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาของ กรมชลประทานและ สทนช. เตรียมมีการลดการระบายน้ำประมาณวันละ 100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้ อ.บางบาล เข้าสู่สภาวะปกติประมาณช่วงกลางเดือนธันวาคม 2568 นี้ และพื้นที่สุดท้ายของอยุธยาที่น้ำจะลดจนเป็นปกติคือ อำเภอเสนา ซึ่งน่าจะกลับคืนสู่ปกติทั้งหมด ภายในช่วงหลังของเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาน้ำท่วมในปีนี้ทั้งสิ้นเกือบ 5 เดือน


สำหรับพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน รายงานสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณปากคลองโผงเผง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยข้อมูลจากกรมชลประทาน ระดับน้ำท่วมบริเวณปากคลองโผงเผง ยังสูงกว่าระดับตลิ่งประมาณ 1 เมตร


นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณดังกล่าวยังได้รับผลกระทำจากการกัดเซาะของน้ำ เนื่องจากแรงกระแทกของน้ำเมื่อเรือขับผ่าน ทำให้ตลิ่งและถนนทรุดและไม่มีแนวทางป้องกันเบื้องต้น รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงกันยังประสบปัญหาน้ำผุดใต้พนังกั้นน้ำท่วมที่มีการสร้างไว้ เพราะฉะนั้นในภาพรวมประชาชนยังต้องเสี่ยงกับปัญหาตลิ่งทรุดตามมา


ส่วนพื้นที่ปลายน้ำอย่างจังหวัดปทุมธานี เจษฎา ดนตรีเสนาะ สส. ปทุมธานี เขต 2 กล่าวว่า ระดับน้ำยังคงท่วมหลายชุมชน ทั้ง อ.สามโคก และ อ.เมือง (เช่น ชุมชนเจดีย์ทอง บ้านสามเรือน วัดศาลาแดง วัดเมตารางค์ วัดป่างิ้ว วัดสวนมะม่วง คลองคู วัดโพธ์เลื่อน บ้านกระแชง เกาะลอย วัดตลาดเหนือ วัดเกาะเกรียง คลองตานก บ้านม่วง เป็นต้น) ทำให้พี่น้องประชาชนยังคงใช้ชีวิตด้วยความลำบากเพราะถ้าไม่มีสะพานและพายเรือไม่ได้ ก็ต้องเดินลุยน้ำ


เช่นเดียวกับสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณลุ่มน้ำท่าจีน กิติภณ ปานพรหมมาศ สส. นครปฐม เขต 4 กล่าวว่า ชุมชนริมแม่น้ำท่าจีนหลายจุดยังมีความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง–น้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะบ้านเรือนริมคลองและพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำบางช่วงยังสูง 30–40 ซม.


น้ำในทุ่ง จะหมดเมื่อไร


ส่วน “น้ำในทุ่ง” นั้น ปริมาณน้ำยังคงท่วมทุ่งอยู่มาก และไม่สามารถระบายออกได้ เนื่องจากต้องรอให้น้ำที่อยู่ริมแม่น้ำจำเป็นต้องลดลงก่อน ถึงจะสามารถระบายน้ำออกจากทุ่งได้ ทั้งนี้ ตามแผนการระบายน้ำออกจากทุ่งของกรมชลประทานแจ้งว่า จะเริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งบางบาล-บ้านแพน (ที่มีน้ำเหลือในทุ่ง 30.7 ล้านลูกบาศก์เมตร) ในวันที่ 1 ธันวาคม และจะระบายน้ำได้หมดในวันที่ 30 ธันวาคม ปีนี้


ส่วนพื้นที่ทุ่งที่มีการระบายน้ำออกจากทุ่งได้ล่าช้าที่สุดตามแผนดังกล่าวคือ ทุ่งโพธิ์พระยา พื้นที่กว่า 200,000 ไร่ (ปริมาณน้ำเหลือในทุ่ง 235 ล้านลูกบาศก์เมตร) จะเริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งโพธิ์พระยา ในวันที่ 1 ธันวาคม และจะระบายน้ำได้หมดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2569 หรือท่วมข้ามปี


สส. ทวิวงศ์ และ สส. กิตติภณ สะท้อนว่า พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งรับน้ำเป็นห่วงว่า การระบายน้ำที่ช้า อาจจะกระทบปฏิทินการเพาะปลูกของเกษตรกรชาวนา ทำให้เริ่มเพาะปลูกได้ช้ากว่าปกติ และทำให้เกิดปัญหาข้าวกระทบร้อน (ข้าวผลผลิตต่ำเนื่องจากอุณหภูมิสูง) ในช่วงเดือนเมษายนได้


ติดตามเงินเยียวยา


สิ่งที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจคือเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งพี่น้องประชาชนส่วนมากได้รับเงินเยียวยา 9,000 บาทแล้ว แต่พี่น้องยังรอการประเมิน และเงินเยียวยาในส่วนที่เป็นขั้นบันได (ตามระยะเวลาการท่วม สูงสุด 20,000 บาท/ครัวเรือน)


นอกจากนี้ สส. ทวิวงศ์ กล่าวว่า พี่น้องชาวอยุธยายังคงเฝ้ารอว่า จะมีเงินชดเชยค่าซ่อมแซมบ้านที่เสียหายหรือไม่ เนื่องจากในช่วงน้ำท่วม 2 ปีที่ผ่านมา มีเพียงการชดเชยค่าครองชีพ 9,000 บาท เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีค่าชดเชยความเสียหายหรือค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากรัฐบาล และความเสียหายต่อบ้านเรือนจริงมีมากกว่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือตามความเสียหายจริงด้วย


เร่งฟื้นฟูพื้นที่ชุมชน


นอกจากการช่วยเหลือเยียวยาบ้านเรือนประชาชน พี่น้องประชาชนในภาคกลาง ยังเรียกร้องให้ รัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูอาคารและพื้นที่สาธารณะ โดยหลังช่วงน้ำลด รัฐบาลจำเป็นต้องเป็นสื่อกลางในการจัดหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง อาสาสมัคร เพื่อเข้ามาช่วยเหลือการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะที่จำเป็น เช่น โรงเรียน รพสต. อาคารราชการ อาคารเอนกประสงค์ หรือ สถานที่ของส่วนรวม เป็นต้น เช่นควรตั้งเป้า ฟื้นฟูอาคารและพื้นที่โรงเรียนที่สดใสและปลอดภัยให้ทันวันเด็กปี 2569


สส. ณัฐวุฒิ สะท้อนความห่วงใยของพี่น้องชาวอ่างทอง ที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลปัญหาตลิ่งทรุดตัวโดยด่วน เพราะจะเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนได้ สส. กิตติภณ สะท้อนว่า พี่น้องชาวนครปฐม อยากให้รัฐบาลเร่งซ่อมแซมถนนหลายสายให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง และ สส.เจษฎา เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลและบูรณะโบราณสถานหลายแห่งในจังหวัดปทุมธานี ที่ต้องแช่น้ำมาเป็นเวลานานด้วย


แผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว


สส. กิตติภณ ในฐานะกรรมาธิการทรัพยากรน้ำ รายงานว่า ขณะนี้ กรรมาธิการทรัพยากรน้ำได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำท่าจีน-เจ้าพระยา ระยะยาว โดยการแบ่งเบายอดน้ำจากตอนบนเหนือเขื่อนเจ้าพระยา และการปรับปรุงระบบการระบายน้ำแนวเหนือใต้ ไม่ให้เกิดปัญหาคอขวดที่น้ำไหลผ่านไม่ได้ จนกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวอยุธยา และขาวนครปฐม ต้องรับน้ำท่วมยาวนานว่าปกติ


ส่วน สส. ทวิวงศ์ เห็นว่า หากรัฐบาลยังใช้วิธีการ “ระบายน้ำในทาง” เป็นหนึ่งในวิธีการบริหารมวลน้ำจำนวนมากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องอนุมัติงบประมาณราชการเพื่อจัดทำ “เงินสนับสนุนการดีดบ้าน-โครงสร้างพื้นฐาน” ให้แก่ประชาชนและชุมชนที่อาศัยอยู่นอกคันกั้นน้ำหรือพื้นที่ริมแม่น้ำ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ชุมชนแบบยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนสามารถมีวิถีชีวิตที่สามารถ “อยู่ร่วมกับน้ำ” ทั้งในช่วงฤดูน้ำหลากหรือฤดูแล้งให้เกิดขึ้นจริงได้ เพราะมิเช่นนั้น ความลำบาก และ การฟื้นฟูแบบเฉพาะหน้าจะต้องดำเนินต่อไปแบบไม่รู้จบ และส่งผลกระทบแบบซ้ำซากต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ประสบภัยในทุก ๆ ปี

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #น้ำท่วม