ศูนย์ทนายฯเผย "เป้ -ยา" 2 สื่อมวลชน ยื่นขอความเป็นธรรมอัยการไม่ให้ฟ้องคดี สนับสนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ยันทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว-ใช้เสรีภาพในการเสนอข่าวสาร อัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องวันที่ 14 มิ.ย. นี้
วันนี้ ( 9 พ.ค. 67) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่าน X ระบุว่า เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ณัฐพล เมฆโสภณ หรือเป้ นักข่าวประชาไท และ ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ หรือยา ช่างภาพอิสระ และ “สายน้ำ” นักกิจกรรมวัย 19 ปี เดินทางไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 ในนัดส่งตัวให้อัยการ ในคดีที่ทั้งสามถูกกล่าวหาว่า “เป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า และขีดเขียน พ่นสี ข้อความหรือภาพบนกำแพงที่ติดกับถนนหรืออยู่ในที่สาธารณะ”
จากกรณีลงพื้นที่รายงานและติดตามสถานการณ์การแสดงออกพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ของ “บังเอิญ” เป็นสัญลักษณ์เลข 112 และมีเส้นขีดทับ รวมถึงเครื่องหมายสัญลักษณ์ “อนาคิสต์” เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2566
พร้อมกันนี้ เป้และยาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ ขอให้สั่งไม่ฟ้องคดี เนื่องจากไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน เพราะในวันเกิดเหตุทั้งสองไปปฏิบัติหน้าที่ผู้สื่อข่าว จึงเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็น ตามที่รัฐธรรมนูญและกติกาสากลระหว่างประเทศให้การรับรอง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่า เป้และยาถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ก่อนถูกนำตัวไปที่ สน.พระราชวัง เพื่อทำบันทึกจับกุม หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองถูกแยกคุมขังที่ สน. ฉลองกรุง และ สน.ทุ่งสองห้อง ตามลำดับ เป็นเวลา 1 คืน ต่อมาเช้าวันที่ 13 ก.พ. 2567 พนักงานสอบสวนนำตัวทั้งสองมาขอฝากขังต่อศาลอาญา ก่อนศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ด้วยหลักทรัพย์คนละ 35,000 บาท พร้อมเงื่อนไขห้ามกระทำการใดในลักษณะเดียวกันนี้อีก
โดยในวันที่ 13 ก.พ. 2567 สายน้ำซึ่งทราบว่ามีหมายจับในคดีเดียวกันได้เดินทางไปให้กำลังใจเป้และยาที่ศาลอาญาฯ และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าเขาตั้งใจมาแสดงตัว ไม่ได้หลบหนี ก่อนถูกตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับในช่วงเย็น ทำให้สายน้ำกลายมาเป็นผู้ต้องหาที่ 3 ในคดีเดียวกันนี้ และได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขังในวันต่อมา โดยวางหลักทรัพย์ประกัน และมีเงื่อนไขประกันเช่นเดียวกับเป้และยา
สำหรับในวันนี้ (9 พ.ค.67) เป้, ยา และสายน้ำ ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 สำนักงานอัยการสูงสุด ตามที่พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง นัดส่งสำนวนคดีให้อัยการ พร้อมกันนี้ เป้และยาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ ขอให้สั่งไม่ฟ้องคดี โดยมีเนื้อหาคำร้องโดยสรุปว่า
ตามที่พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ได้แจ้งข้อกล่าวหากับเป้และยา ในความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนทำให้เสียหาย ทำลายให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน และขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏข้อความ หรือภาพบนกำแพงที่ติดกับถนนหรืออยู่ในที่สาธารณะ และยายังถูกแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และการสั่งฟ้องคดีนี้ ไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน
ทั้งนี้ ในขณะเกิดเหตุ ยา ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ทำงานเป็นช่างภาพของสำนักข่าวสเปซบาร์ (Space Bar) รับจ้างถ่ายภาพตามที่มีผู้ว่าจ้าง ส่วนเป้ ผู้ต้องหาที่ 2 ทำงานเป็นผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวประชาไท ซึ่งได้รับมอบหมายจากบรรณาธิการให้ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้สื่อข่าวในเหตุการณ์ดังกล่าว
ผู้ต้องหาทั้งสองคนขอยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้สื่อข่าว ไม่ได้ไปมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนในการทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน และขูด ขีด เขียน พ่นสี หรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆ ซึ่งข้อความ ภาพ หรือรูปรอยใด ๆ ที่กำแพงที่ติดกับถนนหรืออยู่ในที่สาธารณะตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
การไปปฏิบัติหน้าที่ทำข่าวของผู้ต้องหาทั้งสองในวันเกิดเหตุเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ตามหลักการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 35 และตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ที่ได้รับรองหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกไว้ในข้อบทที่ 19 วรรคสอง “บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และความคิดทุกประเภท โดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ทั้งนี้ ไม่ว่าด้วยวาจา เป็นลายลักษณ์อักษร หรือการตีพิมพ์ในรูปของศิลปะ หรือโดยอาศัยสื่อประการอื่นตามที่ตนเลือก”
ด้วยเหตุดังกล่าวการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดตามที่ถูกพนักงานสอบสวนกล่าวหา การสั่งฟ้องหรือดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองคนจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน และจะมีผลกระทบต่อประโยชน์อันสำคัญของประเทศ เพราะจะเป็นการละเมิดต่อพันธกรณีกฎหมายระหว่างประเทศ และจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้สื่อข่าว หรือผู้ที่ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน รวมถึงประชาชนและสังคมไม่กล้าที่จะใช้สิทธิและเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นเช่นนี้อีก
ภายหลังการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม พนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 14 มิ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. โดยศูนย์ทนายฯย้ำว่าต้องจับตาต่อไปว่า อัยการจะพิจารณาสั่งคดีไปในทางใด
ข้อมูล : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นักข่าวโดนจับ #คุกคามสื่อ #เสรีภาพสื่อ #สื่อไม่ใช่อาชญากร