“ชุติพงศ์” ชี้ไฟไหม้วินโพรเสส เกิดจากหน่วยงานรัฐปล่อยปละละเลย
หลังคนพื้นที่ร้องเรียนเป็น 10 ปี
จี้รัฐบาลต้องมีคนรับผิดชอบ
แจงแนวทางจัดการกากอุตสาหกรรม-แผนรับมือเผชิญเหตุ-การชดเชยเยียวยาประชาชน
วันที่
23 เมษายน 2567 อาคารรัฐสภา ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ
สส.ระยอง เขต 4 พรรคก้าวไกล
แถลงข่าวกรณีเหตุไฟไหม้โรงงานวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ส่งผลให้สารเคมีอันตรายในโรงงาน
ปนเปื้อนไปกับควันไฟลอยฟุ้งออกไปสร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน
ชุติพงศ์เริ่มต้นด้วยการรายงานสถานการณ์ว่า
เหตุเพลิงไหม้โรงงานดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 22
เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะนี้เพลิงไหม้สงบลงแล้ว
เหลือเพียงกองไฟกลุ่มเล็กๆ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากในพื้นที่
เนื่องจากโรงงานดังกล่าวถูกร้องเรียนมาโดยตลอดและมีการขอให้จัดการกับกากอุตสาหกรรมในโรงงานมาเกินกว่า
10 ปี รวมถึงมีการฟ้องร้องคดีจากพี่น้องประชาชนและภาครัฐ
ชนะคดีเรียบร้อยแล้ว
ปัญหาคือการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมที่อยู่ภายในโรงงานจำนวนมาก
มีสารเคมีที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ ทั้งสารกรด สารด่าง น้ำมันเครื่อง
และเศษวัสดุต่างๆ ที่สามารถติดไฟได้ ก่อนหน้านี้ตนนำกรณีดังกล่าวมาพูดในสภาฯ
เป็นญัตติ 2
ครั้ง
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
ในช่วงฤดูฝนโรงงานนี้เคยเกิดน้ำท่วม
น้ำที่ไหลออกมามีการปนเปื้อนสารเคมีเข้าสู่บ้านเรือนประชาชน จากวันนั้นจนถึงวันนี้
เพิ่งมีคำสั่งจากอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ให้มีการขนย้ายสารเคมีอันตรายออกจากโรงงาน
และนำไปกำจัดให้ถูกต้องทั้งหมด
ชุติพงศ์
ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากนั้นมีการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการการที่ดิน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ช่วงวันที่ 18 เม.ย.
ที่ผ่านมา มีคำสั่งให้ขนย้ายและกำจัดกากอุตสาหกรรมในวันที่ 19 เม.ย. แล้วก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ในวันที่ 22 เม.ย.
จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่าเพลิงไหม้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันเปิดทำงานวันแรก
เมื่อคนงานเข้าไปทำงานจึงทราบว่ามีเพลิงไหม้
จึงอยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สืบสวนหาความจริงว่ามีการเข้าออกโรงงานในช่วงกลางคืนไปจนถึงช่วงเช้าก่อนเกิดเพลิงไหม้หรือไม่
เพราะไม่แน่ใจว่าเกิดเพลิงไหม้เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
ในเมื่อไม่มีการปฏิบัติงานในช่วงก่อนหน้านั้น
คำถามถัดมาที่ชุติพงศ์ฝากไปยังผู้เกี่ยวข้อง
คือต้องการให้หน่วยงานไล่เรียงรายชื่อสารเคมีที่กระจายออกมา
เนื่องจากกรมอุตสาหกรรมระบุแต่เพียงว่าเป็นสารกรดด่าง สารเรซิน ฯลฯ
เรื่องนี้เป็นความกังวลอย่างมากในหมู่พี่น้องประชาชนและตั้งคำถามว่าควันพิษจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ต้องการเห็นการประเมินและตรวจสอบว่า ควันพิษดังกล่าวลอยไปกว้างแค่ไหน
มีสารพิษเจือปนมากแค่ไหน
มีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนทั้งในแง่อากาศและน้ำมากเพียงใด
ชุติพงศ์กล่าวว่า
ต้องย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรก แต่พูดถึงมายาวนานกว่า 10 ปี
เป็นความกังวลของพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาตลอด
แต่ในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์ที่หลายฝ่ายกังวลขึ้น
หลังจากนี้ตนจึงอยากเห็นแนวทางการจัดการที่รวดเร็วของหน่วยงานรัฐ
จะทำอย่างไรกับพื้นที่เกิดเหตุ ทำอย่างไรกับกากอุตสาหกรรมที่ยังเหลืออยู่
พร้อมทั้งแนวทางชดเชยเยียวยาให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
เรื่องนี้ต้องฝากคำถามไปยัง
รมว.อุตสาหกรรม ที่แถลงว่าจะมีการตรวจสอบผล ตนต้องการทราบกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน
รวมถึงกรณีการแถลงของนายกรัฐมนตรีที่กล่าวว่าจะมีการชดเชยเยียวยาพี่น้องประชาชน
อยากตั้งคำถามว่าภายใต้กรอบเท่าใด การชดเชยระยะสั้นระยะยาวจะเป็นอย่างไร เพราะพี่น้องประชาชนที่อยู่รอบโรงงานรอคอยมานาน
เหตุใดจึงรอให้เกิดเหตุที่รุนแรงขึ้น ถึงจะมีการแก้ไขหรือสั่งการ
ชุติพงศ์กล่าวต่อว่า
คำถามถัดมาในเชิงโครงสร้างของประเทศ ตลอดระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
มีปัญหาการพบกากอุตสาหกรรมอันตรายโผล่อยู่ในหลายพื้นที่
จึงอยากทราบว่าภาครัฐจะมีมาตรการอย่างไรในการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น
รวมถึงการติดตาม (tracking)
สารเคมีและกากอุตสาหกรรมอันตราย
เนื่องจากรัฐควรจะรู้ทั้งหมดว่ามีการเคลื่อนย้ายสารไปที่ใดบ้าง
รวมถึงการเปิดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
แนวทางการจัดการขยะอุตสาหกรรมจะมีคำตอบและขั้นตอนชัดเจนเมื่อใด
“ในฐานะที่ผมอยู่หน้างาน
ช่วงที่ยากลำบากที่สุดคือช่วงก่อนการประกาศภัยพิบัติเพื่อทำให้มีโฟมมาใช้ดับไฟ
คำถามคือกองทุนที่จะใช้แก้ปัญหาในระยะเบื้องต้นที่เอกชนควรมีส่วนร่วมในการลงทุน
จะเริ่มขึ้นได้เมื่อไหร่ และผล PRTR ก็ต้องผลักดันให้เกิดขึ้นได้มากที่สุด
เรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาวที่พี่น้องประชาชนและพรรคก้าวไกลรอฟังคำตอบจากรัฐบาล
อยากให้รัฐบาลใช้วินโพรเสสเป็นกรณีศึกษา ต้องฝากนายกฯ กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพราะโรงงานที่ไฟไหม้แบบนี้ในรอบ 2 เดือนเกิดขึ้นอย่างน้อย 2
ครั้งที่ จ.อยุธยา และ จ.ระยอง เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ”
ชุติพงศ์กล่าว
ชุติพงศ์ทิ้งท้าย
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เผชิญเหตุแก้ปัญหา
ขอให้มีการตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานว่าได้รับผลกระทบมากแค่ไหน
รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำและอากาศในบริเวณพื้นที่รอบๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อให้ประชาชนแน่ใจว่าไม่มีสารพิษตกค้างและเกิดความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน
ในช่วงตอบคำถามผู้สื่อข่าว
ชุติพงศ์กล่าวเพิ่มเติมถึงการสันนิษฐานสาเหตุเพลิงไหม้ว่า
ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งหาคำตอบโดยเร็ว
เพราะขณะนี้มีการเชื่อมโยงเจ้าของโรงงานวินโพรเสสกับโรงงานที่ อ.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งเกิดเพลิงไหม้เมื่อเดือนมีนาคม มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการวางเพลิงหรือไม่
รวมถึงต้องสอบถามไปยังการไฟฟ้าฯ เพราะโรงงานวินโพรเสสถูกตัดไฟไปแล้ว
สาเหตุจึงไม่น่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
หลังจากนี้
ตนจะประสานไปยังกรรมาธิการการอุตสาหกรรมเพื่อหาเวลาลงพื้นที่ร่วมกัน
หาข้อสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด และฝากทาง กมธ.อุตสาหกรรม ประสานไปยัง รมว.อุตสาหกรรม
ทำเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมโดยเร็วที่สุด
อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีสุดท้ายและเป็นการเริ่มต้นมาตรการการรับมือเผชิญเหตุและการเยียวยาประชาชน
เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ
มีคนหิ้วเงินเข้ามาและทำกำไรในประเทศ รัฐต้องมีมาตรการกำกับควบคุม
ไม่ปล่อยให้เขาทิ้งไว้แค่ขยะกากอุตสาหกรรมและมลพิษ โดยเฉพาะในจังหวัดอีอีซี เช่น
ให้นักลงทุนมีแผนที่จะตั้งกองทุนเพื่อเป็นการรับผิดชอบร่วมกันในเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ
รวมถึงต้องมีการผลักดันกฎหมาย PRTR (กฎหมายรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม)
ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย