'เพื่อไทย' หนุน ‘แลนด์บริดจ์‘ สุดตัว หวังสร้างรายได้เข้าประเทศนับล้านล้านบาท แนะฝ่ายค้านร่วมกันหาโอกาสให้ประเทศ เหตุ
‘เวลามีมูลค่า’
วันที่
17 มกราคม 2567 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค
และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) ของรัฐบาลว่า เป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
หรือ Southern Economic Corridor (SEC) ที่รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสานต่อ
เพราะเล็งเห็นว่านอกจากพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้
จะมีศักยภาพสูงจากท่าเรือน้ำลึก 2
ฝั่งที่สะดวกต่อการส่งออก
ทั้งฝั่งอ่าวไทยที่ จ.ชุมพร และฝั่งอันดามันที่ จ.ระนองแล้ว
การมีเส้นทางขนส่งเชื่อมทั้ง 2 ท่าเรือเข้าด้วยกัน
เป็นส่วนเพิ่มที่เสริมประสิทธิภาพในการขนส่งในพื้นที่เอง
และมีแนวโน้มดึงดูดการขนส่งผ่านแดนต่างๆให้เกิดขึ้นในพื้นที่ได้เพิ่มอีก
ด้วยเหตุนี้นายเศรษฐา
ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จึงมีความมุ่งมั่นที่จะเชิญชวนนักลงทุนจากต่างชาติในกลุ่มสายการเดินเรือและการบริหารการขนส่งชั้นนำระดับโลกจากนานาประเทศมาร่วมลงทุน
เพราะการได้ผู้ประกอบการมืออาชีพมาร่วมลงทุน คือ การสร้างรายได้เข้าประเทศที่อาจจะสร้างมูลค่าได้มากกว่าล้านล้านบาท
นายชนินทร์
กล่าวต่อว่า รัฐบาลเพื่อไทยและไทยรักไทย
มีดีเอ็นเอที่เด่นชัดในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐาเอง
ก็มีแผนงานเร่งรัดพัฒนาศักยภาพทางโครงสร้างหลายเรื่อง
ที่สามารถสร้างเม็ดเงินการลงทุนและการใช้จ่ายเข้าสู่ประเทศได้ด้วยความรวดเร็ว
ตามศักยภาพของพื้นที่ต่างๆ อาทิ
1.
การริเริ่มโครงการสนามบินภูเก็ต และสนามบินเชียงใหม่ แห่งที่ 2 เพื่อขยายศักยภาพรองรับเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวที่เติบโตได้อีกมาก
2.
การเร่งรัดรถไฟรางคู่ หนองคาย-ขอนแก่น
เพื่อขยายการส่งออกเชื่อมต่อเส้นทางขนส่งกับรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว
ที่จ่อรออยู่ที่ชายแดนหนองคาย และการลงทุนในภาคอีสาน
3.
การเร่งรัดการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC เพื่อให้เงินลงทุนจำนวนมากที่ลงไปแล้วจากรัฐบาลที่ผ่านมา
สามารถดูงดูดให้เกิดการลงทุนอย่างแท้จริงในภาคตะวันออก
4.
การเดินสายดึงดูดการลงทุนพื้นที่ SEC เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้พื้นที่ภาคใต้ตอนบน
“เป็นที่ประจักษ์ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย หาเงินได้ ใช้เงินเป็น
ซึ่งการวิจารณ์ว่าหลอกต่างชาติมาลงทุนเป็นวาทกรรมหวังลดทอนคุณค่าโครงการ
และบั่นทอนนักลงทุนต่างชาติ
คงไม่มีชาติไหนที่จะลงทุนแล้วเชื่อการศึกษาของต้นทางเพียงด้านเดียว
แต่ต้องทำการศึกษาผนวกกับต้นทุนศักยภาพของบริษัทเค้าเองด้วย
ในทางกลับกันการประเมินศักยภาพประเทศต่ำ อาจทำให้ประเทศเสียโอกาสได้
การร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ๆ
คือการสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่
ไม่ใช่มองหาแต่ปัญหาในทุกโอกาสจนประเทศไม่ได้ทำอะไรเลย เหมือนอย่างอนาคตไทย 2020
ที่ถูกพับจนทุกวันนี้ยังเสียดาย ประเทศไทยเสียหายมามากพอแล้ว
เวลามีมูลค่าเสมอ” นายชนินทร์กล่าว