‘2
อนุกรรมการประชามติ’ เดินหน้าต่อเนื่อง ‘รองเลขาธิการนายกฯ’ เผยวงประชุม 25 ต.ค.
วางกรอบการทำประชามติ-แนวทางรับฟังความเห็นประชาชนครอบคลุมทุกกลุ่ม
เตรียมหารือส่งหนังสือเชิญ ‘พรรรคก้าวไกล’ พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น
วันที่
25 ตุลาคม 2566 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ
เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2560 กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันหลักการสำคัญคือเราจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ซึ่งในการประชุมครม.ในครั้งแรกก็ได้มีการมอบหมายให้มีการเดินหน้าเกี่ยวกับเรื่องการทำประชามติเพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง
นายชนินทร์
กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนอยู่บนความเป็นจริง
เพราะเรามีบทเรียนมาแล้วจากการเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560
ก่อนหน้านี้มาแล้วหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแก้ไขได้
จึงเชื่อมั่นว่าแนวทางการทำประชามติโดยพี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมนั้นจะเป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุดและทำให้ไปถึงเป้าหมายในการสร้างประชาธิปไตยได้จริงมากที่สุด
โดยคณะกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ
แล้ว 2 ชุด คือ 1. คณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติ และ 2.
คณะอนุกรรมการการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ
ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องและมีความคืบหน้าต่อเนื่อง และในวันที่ 25 ตุลาคม 2566
คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 2 ชุดจะมีการประชุมกัน โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณากำหนดกรอบในการทำประชามติและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ครอบคลุมที่สุด
โดยคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางในการทำประชามติ
จะมีการประชุมในเวลา 10.00 น. เพื่อหารือกันเกี่ยวกับกรอบการจัดการจัดทำประชามติ 2
ประเด็นสำคัญ คือ 1. ศึกษาจำนวนครั้งในการจัดการออกเสียงประชามติ
โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และ 2. ศึกษากรอบระยะเวลาดำเนินการของรัฐบาลทุกขั้นตอน
ตั้งแต่เริ่มทำประชามติครั้งแรก
ไปจนถึงการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ทั้ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง
เพื่อให้เมื่อได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว
สามารถบังคับใช้ได้จริงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
สำหรับคณะอนุกรรมการการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ
จะมีการประชุมในเวลา 13.00 น. เพื่อกำหนดกรอบและแนวทางสำคัญๆ
ในการรับฟังความคิดเห็นประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ให้มากที่สุด
โดยจะมีการหารือแนวทางและสรุปกรอบการรับฟังเสียงพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ
ว่าจะมีการพูดคุยกับกลุ่มไหนบ้างและอย่างไร
โดยอาจมีการกำหนดเวลาว่าแต่ละกลุ่มจะไปพูดคุยในช่วงไหน
เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะให้จบภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งเบื้องต้น
จำแนกกลุ่มต่าง ๆ ได้เป็น 3 กลุ่ม
“กลุ่มแรกคือกลุ่มสมาชิกรัฐสภา
ทั้งสส., ส.ว. และคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ
โดยคาดว่าจะมีการเสนอส่งหนังสือถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกล
เพื่อให้มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างอนุกรรมการฯ กับพรรคก้าวไกล
เนื่องจากพรรคก้าวไกล ได้ตัดสินใจไม่เข้าร่วมในคณะกรรมการประชามติ
เราจึงเปิดแนวทางนี้ไว้เพื่อให้ได้ความคิดเห็นของพรรคก้าวไกลมาประกอบกับความคิดเห็นประชาชนกลุ่มต่างๆ
ด้วย ต่อมาคือ กลุ่มนักศึกษา
จะมีการกำหนดกรอบการพูดคุยว่าจะไปพูดคุยกับกลุ่มไหนและอย่างไร
โดยจะมีการมอบหมายการประสานงานอย่างชัดเจน และกลุ่มของพี่น้องประชาชนทั่วไป
จะประกอบไปด้วยภาคประชาสังคมกลุ่มต่าง ๆ รวมไปถึงกลุ่ม iLaw (ไอลอว์)
กลุ่มผู้สื่อข่าวและตัวแทนภาคธุรกิจ เป็นต้น” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ