‘พิธา’ แจงเหตุลาออกหัวหน้าพรรค เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ฝากประชาชนเจอกันได้ทั่วประเทศ รับ"ศิริกัญญา" เป็นหนึ่งในแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่
วันนี้ (15 ก.ย. 66) เวลา 15.15 น. ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า การเห็นส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว คือสำนึกของนักการเมือง ซึ่งในบริบทการเมืองปัจจุบัน ฝ่ายค้านต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในเชิงทั้งมหภาค และจุลภาค ซึ่งมหภาคฝ่ายค้านต้องเป็นเรือหลักในการกำหนดทิศทางการอภิปรายสำคัญฯ ทั้งเรื่องงบประมาณ อภิปรายแนะรัฐบาล และอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องจุลภาค คือการแต่งตั้งวิปฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ไม่ต้องห่วงตน ขอให้ห่วงประชาชน ห่วงบ้านเมืองจะดีกว่า
สำหรับส่วนตัวนั้น ตนยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ยึดติดกับหัวโขนหรือตำแหน่ง ซึ่งปัจจุบันตนสามารถทำงานได้ถึงแม้จะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ตนยังเป็น สส.ที่ไม่สามารถเข้าสภาได้ เนื่องจากถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนยังยืนยันว่าจิตใจยังเต็มร้อย และยังเดินหน้าทำงานในช่วงที่รอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงนี้อาจจะเจอตนมากกว่าเดิม และจะเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย เขย่าปัญหาของประชาชน ผ่านตะแกรงร่อนเพื่อส่งต่อให้กับสส.พรรคก้าวไกล และฝ่ายค้าน ที่ยังอยู่ในสภาฯ รวมถึงเตรียมเดินทางไปทั่วประเทศ และต่างประเทศ
นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ตามกฎหมายขณะนี้ตนเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล กระทั่งวันที่ 23 ก.ย.นี้ ที่จะมีการประชุมวิสามัญพรรคก้าวไกล ที่จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งหลังจากมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายค้านเชิงรุก ตามที่ตนได้ประกาศไว้
เมื่อถามถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ นายพิธา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการประชุมวิสามัญพรรคฯ รวมถึงคนที่ถูกเสนอชื่อจะยอมรับตำแหน่งหรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามีบุคคลที่เหมาะสมที่จะนำพรรคกว่า 4 – 5 คน ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาคนบู๊หรือบุ๋น ซึ่งตนไม่กังวลใจอะไร แต่พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นพรรคที่มีเจ้าของที่ไม่สามารถสืบทอดอำนาจได้ ซึ่งเรื่องนี้มีระบบ มีกฎหมาย มีข้อบังคับรับรอง เชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีความพร้อม
เมื่อถามต่อว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความเหมาะสมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีเหมาะสม 4 – 5 คน ซึ่งน.ส.ศิริกัญญา เป็นหนึ่งในนั้น
สำหรับกระแสข่าวที่พรรคก้าวไกลจะขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ นายพิธา กล่าวว่า หลังจากประชุมวิสามัญพรรรคฯ เป็นหน้าที่ของกก.บห.พรรคชุดใหม่ที่จะหารือกับนายปดิพัทธ์ ฉะนั้น ต้องรอเวลา และฟังความเห็นของนายปกิพัทธ์ด้วยตัวเขาเอง
เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกลจะรักษาไว้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภาฯ และผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอกก.บห.พรรคชุดใหม่ รวมถึงฟังความเห็นของนายปดิพัทธ์ด้วย
เมื่อถามว่า หากในอนาคตศาลรัฐธรรมนูญคืนสถานะให้จะมีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ไม่ได้เป็นเรื่องของตนเพียงคนเดียว แต่เป็นเรื่องของข้อบังคับพรรค และสมาชิกพรรค
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ปฏิเสธใช่หรือไม่ว่าจะกลับมารับตำแหน่งอีกรอบ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เป็นเรื่องของอนาคต
เมื่อถามว่า การประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคไว้ก่อน สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน ฝั่งเรายังมีความมั่นใจเรื่องการขับเคลื่อนพรรคในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก ในฐานะพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ยืนยันว่ามั่นใจเต็มร้อย ส่วนเรื่องของรูปคดี ฝ่ายกฎหมายของเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ คาดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นกระบวนการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ว่าจะเป็นตัวไอทีวีเอง หรือตัววัตถุประสงค์รายได้สัมปทาน ซึ่งสามารถเทียบได้ว่าเป็นสื่อหรือไม่เป็นสื่อ
ส่วนกรณีที่นายพิธาติด 1 ใน 100 ผู้มีอิทธิพลในนิตยสาร Time นายพิธา กล่าวว่า ดีใจที่ทั่วโลกเห็นความพยายามที่จะเขย่าการเมืองไทย พร้อมที่จะขยับเขยื้อนให้ประเทศไทยมีส่วนสำคัญในบริบทอาเซียน และบริบทโลก รวมถึงการถ่วงดุลอำนาจเพื่อนำประเทศไทยสู่อนาคตได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากให้คำนิยามการเมืองไทยรอบนี้จะให้ว่าอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าเป็นการเมืองของคน 1% กับการเมืองของคน 99% และพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะรับรองคน 99% เพื่อต่อสู้กับคน 1%
เมื่อถามว่ามีการมองว่านายพิธา ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้พร้อมเดินเกมนอกสภาฯเต็มรูปแบบ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการเดินเกมแต่อย่างใด ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ รัฐธรรมนูญที่เราต้องการเปลี่ยนเป็นมาแบบนี้ ก็จะเป็นที่จะต้องเอาส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว ซึ่งในเชิงส่วนตัวตนสามารถทำงานได้โดยที่ไม่มีตำแหน่งอะไร การเป็นผู้แทนราษฎรที่จะพูดแทนราษฎร ตนก็ยังเชื่อว่าไม่ว่าตนจะลงไปในพื้นที่ อ.อมก๋อย ที่มีปัญหาเหมือง หรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหาสันติสุข สันติภาพ ตนเชื่อว่าเวลาตนพูดอะไรก็มีคนฟัง และน่าจะแก้ปัญหาได้
เมื่อถามว่ามีอะไรฝากถึงด้อมส้มหรือผู้สนับสนุนนายพิธา ที่กำลังขวัญเสียกับการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่นายพิธา กล่าวว่า “เจอกันทั่วประเทศ เจอกันทั่วโลก และจนกว่าเราจะกลับมาเจอกันใหม่”