วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566

ตำรวจสันติบาลคลั่ง ยิงปืนหลายนัด หลังมีข้อมูลว่าหน่วยงานต้นสังกัด เข้ามาพาตัวไปรักษาอาการป่วย แต่เจ้าตัวไม่ยอม เบื้องต้นยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นกว่า 20 นัด พร้อมเสียงตะโกนโวยวาย “มึงออกไป! กูไม่คุยกับใคร”

 


ตำรวจสันติบาลคลั่ง ยิงปืนหลายนัด หลังมีข้อมูลว่าหน่วยงานต้นสังกัด เข้ามาพาตัวไปรักษาอาการป่วย แต่เจ้าตัวไม่ยอม เบื้องต้นยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นกว่า 20 นัด พร้อมเสียงตะโกนโวยวาย “มึงออกไป! กูไม่คุยกับใคร”


วันที่ 14 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 11.00 น. เกิดเหตุชาย ทราบชื่อภายหลังคือ พันตำรวจโทกิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าวของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล คลุ้มคลั่งยิงปืนหลายนัด ภายในบ้านมั่นคง ซอยจิระมะ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร


ล่าสุดผ่านมาแล้วกว่า 2 ชั่วโมง ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยตำรวจพื้นที่ได้ประสานกำลังหน่วยอรินทราชเข้ามาร่วมควบคุมสถานการณ์มากกว่า 20 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้ามากระชับพื้นที่บ้านเกิดเหตุ และยังใช้รถกระบะสีขาวมาจอดขวางทางแยกบริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์


ขณะที่​หน่วยอรินทราช เริ่มเข้าประชิดบ้านหลังเกิดเหตุ ปรากฏว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง 19 นัด และมีจังหวะหนึ่งที่เสียงปืนและแนวกระสุนเข้ามาใกล้ทางฝั่งทิศทางของสื่อมวลชน ทำให้สื่อมวลชนวิ่งหนีและหลบเข้าพื้นที่ปลอดภัยทันที


จากนั้นเวลา 13.50 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด และได้ยินเสียงคนตะโกนโวยวายพร้อมระบายความอัดอั้นทำนองว่า “มึงออกไป! กูไม่คุยกับใครทั้งนั้น!” ก่อนที่ในช่วงเวลา 14.01 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด


นอกจากชุดจู่โจม ของตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 หรือหน่วยอรินทราช 26 ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วเจ้าหน้าที่ยังมีการเรียกเสริมชุดปฏิบัติการพิเศษ ชุดหนุมาน​ ของกองปราบปราม เข้ามาเป็นกำลังเสริมด้วย


ทั้งนี้กำลังตำรวจของกองบังคับการ​ตำรวจนครบาล​ 2 และตำรวจสายตรวจของสน.สายไหม ยังได้กระจายกำลังปิดล้อม พื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุในรัศมี 1 กิโลเมตร และมีการวางกำลัง ออกเป็น 3 ชั้น


ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุ มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหน่วยงานต้นสังกัด ได้พยายามจะเข้ามานำตัวสารวัตรคนนี้ออกไปรักษาอาการป่วย เนื่องจากมีอาการเครียด แต่ไม่ทันจะเข้าไปนำตัวออกมา ปรากฎว่า สารวัตรคนนี้ก็โวยวายและเกิด อาการคุ้มคลั่ง ไม่ยอมไปรักษาตัว ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.


14.30 น. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดจู่โจมอรินทราช 26 ของ191 สังกัดนครบาล ยังคงปิดล้อมพื้นที่จุดเกิดเหตุ รัศมี 1 กม. วางแนวสกัด 4 ชั้น ชั้นนอกสุดหน้าหมู่บ้านมั่นคง 2 / ชั้นที่ 2 ภายในซอยหมู่บ้าน ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร / ชั้นที่ 3 บริเวณใกล้เคียงบ้านผู้ก่อเหตุ ห่าง 100 เมตร / ชั้นที่ 4 ห่างตัวบ้าน 20 เมตร / ตำรวจบล็อกทั้งด้านหน้าและหลัง ห้ามบุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ซึ่งตำรวจพยายามเจรจา และทำตามยุทธวิธี


นอกจากนี้ยังมีกำลังของกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เข้าไปกระจายตัวด้านข้างของบ้านที่เป็นพงหญ้า หวั่นว่าตัวผู้ก่อเหตุจะกระโดดหน้าต่างหลบหนีไป ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่วางมาตรการเข้มเนื่องจากมีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุมีความชำนาญการในการใช้อาวุธปืนและยุทวิธี เนื่องจากเป็นครูฝึกตำรวจมาก่อน และจากที่ตำรวจนับ พบว่ายิงไปแล้วกว่า 48 นัด


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ตำรวจพื้นที่ได้ประสานกำลังสนับสนุนจากชุดหนุมาน ซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาถึงประมาณ 15.00

.      

เวลา 15.30 น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า นครหลวง 2 นาย ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อเตรียมดำเนินการตัดไฟ บริเวณบ้านที่เกิดเหตุโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ


จากนั้นเวลา 15.50 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมการทำงานของตำรวจชุดปฏิบัติการบริเวณที่เกิดเหตุ โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่าขณะนี้รับรู้ข้อมูลคร่าว ๆ กับสื่อมวลชน จึงต้องเดินทางเข้ามา เพื่อติดตามสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ขอหารือกับทางผู้ปฏิบัติงานก่อน แต่จะพยายามควบคุมสุถานการณ์ให้ได้ภายในค่ำคืนนี้ โดยจะพยายามไม่ให้เกิดความสูญเสียกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด


ต่อมา 16.10 น. พล.ต.ต.นพสินธ์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สืบมือหนึ่งตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้ามาที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล ระบุ เดิมผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องเก่าของตน ก่อนหน้านี้มีอาการลักษณะนี้มาแล้ว แต่ไม่หนักเท่าครั้งนี่ เดิมทำที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ก่อนโยกย้ายไปประจำที่กองบัญชาการศึกษา กระทั่งย้ายมาที่สันติบาล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.34 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมใช้แก๊สน้ำตาระงับเหตุโดยผู้ก่อเหตุยังหลบอยู่ในบ้าน และต่อมาเวลา 18.55 น. ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าไปในบ้านผู้ก่อเหตุ


เวลา 20.35 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษคอมมานโดร่วม 10 นาย มาพร้อมอุปกรณ์และกล้อง Night Vision ติดหมวก เข้าประจำจุดเกิดเหตุ อยู่ระหว่างปิดล้อมด้านหน้าบ้านพัก ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ


เวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ยังระดมกำลังปิดล้อมบ้านผู้ก่อเหตุย่านสายไหม ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ออกนอกพื้นที่ และยังไม่สามารถจับกุมตัวได้


เวลา 22.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเสียงประกาศตามสายดังขึ้นในหมู่บ้าน ประกาศให้ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือบ้านที่มีเด็ก ให้ออกห่างรัศมีจากบ้านผู้ก่อเหตุ 100 เมตร หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะมีปฏิบัติการ


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. กล่าวภายหลังการประชุมหารือกับชุดทำงานเกลี้ยกล่อมว่า ขอยืนยันว่าจะไม่ทำตามกระแสสังคมที่ให้เร่งดำเนินการชาร์จตัว เพราะการใช้ชุดจู่โจมไม่ได้แปลว่าจะมีการชาร์จตัวเข้าจับกุมเพียงอย่างเดียว เพราะตามยุทธวิธีนั้นมีขั้นตอนหลากหลาย ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาชุดที่ 2 อีก แต่ได้มีการตระเตรียมไว้ เพราะต้องการที่จะให้ทางสารวัตรกานต์มีท่าทีที่อ่อนลง โดยประสานให้ทางนักจิตเวช นักจิตบำบัดมาคุยกับสารวัตรกานต์ ขอให้ได้ระบาย ถ้าพูดระบายเสร็จเป็นผล เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง การเจรจาที่ผ่านมาสานวัตรกานต์ระบายออกความเครียดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน แต่บางครั้งพูดไปไกลเกินคนทั่วไป สำหรับสารวัตรกานต์มีผู้บังคับบัญชาเห็นพฤติกรรมแล้วว่ามีอาการป่วยและไม่ได้กินยาต่อเนื่อง จึงเฝ้าระวังและพยายามให้การรักษามาตลอด แต่การขาดยาทำให้มีอาการดังกล่าว สุดท้ายขอฝากไปถึงประชาชน อย่าเพิ่งเข้าไปยังที่พักใกล้จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางสำนักงานเขตสายไหม เพื่อหาที่พักผ่อนและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้เบ็ดเสร็จก่อน


เวลา 22.49 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงาน ยังไม่มีผู้บาดเจ็บ/เสียชีวิต และยังไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สายไหม #ตำรวจคลั่ง