วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564

'ธิดา' รำลึกและสดุดีวีรชน เมษา-พฤษภา53 ในงาน #11ปี10เมษา ขอวีรชนสู่สุคติเถิดเพราะมีคนรุ่นใหม่สืบทอดเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยเยาวชนออกจากเรือนจำ

 


งานรำลึกและสดุดีวีรชน เมษา-พฤษภา53

ณ อนุสรณ์สถาน14ตุลา (แยกคอกวัว)

วันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564


อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานนปช.


ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาในงานนี้ ในฐานะเป็นตัวแทนของผู้จัดงานอันได้แก่ ญาติวีรชน ยูดีดีนิวส์ และแกนนำนปช. รวมทั้งมวลชนทั้งหลาย


ความจริงปีที่แล้วครบ 10 ปี การเสียชีวิต การเสียสละของวีรชน 10 เมษา – 19 พฤษภา แต่ว่าเราไม่ได้จัดเนื่องจากโควิด ปีนี้ก็ยังโควิด แต่ว่าถึงแม้มีโควิดเราก็จะต้องจัดจนได้ เราพยายามทำพิธีให้รัดกุม สั้น เพราะความปริวิตกของผู้มีอำนาจซึ่งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญเสียใน 11 ปีที่แล้วนะคะ ดังนั้นเราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดในเงื่อนไขทั้งของเชื้อโรคและในเงื่อนไขเชื้อโรคการเมืองของประเทศด้วยค่ะ


อย่างไรก็ตามเวลาผ่านมา 11 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานมาก มันน่าขมขื่นแทนวีรชนผู้สูญเสียที่มาจนถึงบัดนี้ 11 ปีแล้ว ยังไม่มีคนรับผิด ยังไม่มีความรับผิดชอบ ยังไม่มีความจริงที่ปรากฎว่ามีอะไรเกิดขึ้นในวันที่ 10 เมษา – 19 พฤษภา แม้ความจริงจะปรากฎบนภาพออนไลน์ แม้ความจริงจะปรากฏมาในคำพิพากษาและคำวินิจฉัยของศาลเป็นจำนวนมากว่า ทั้งวีรชน ทั้งมวลชนคนเสื้อแดงในปี 53 ไม่มีอาวุธ ต่อสู้สันติวิธี ไม่มีครบเขม่าดินปืน ไม่มีการยิงกระสุนสวนมา และไม่มีชายชุดดำ


แต่ว่าความจริงเหล่านี้ยังไม่ปรากฎในหัวใจของคนจำนวนมากและจำนวนหนึ่งในสังคมไทย โดยเฉพาะคนที่ไม่ไม่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เมื่อเป็นเช่นนี้ การต่อสู้ของเราผู้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อกู้เกียรติยศ กู้ศักดิ์ศรี ทั้งของผู้สูญเสียชีวิตและคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่เป็นนักต่อสู้ตัวจริง เป็นนักต่อสู้นิรนาม เป็นภารกิจของเราที่ต้องไม่เหน็ดเหนื่อยในการทำความจริงให้ปรากฎว่า การปราบปรามประชาชนด้วยการใช้อาวุธจริง ใช้กองทหาร 70 กองร้อย กว่า 6 หมื่นคน เบิกกระสุนกว่า 7 แสนนัดในการปราบปรามประชาชน หายไปบ้าง ขายไปบ้าง ยิงจริง ๆ บ้าง จำนวนหนึ่งก็นับแสนนัด ทำให้คนเสียชีวิตร่วมร้อย ทำให้คนบาดเจ็บร่วม 2 พันคน




ความจริงเหล่านี้ยังจะต้องพยายามทำให้ปรากฏให้ได้ นี่คือภารกิจของพวกเราที่มีชีวิตอยู่ เพื่อกู้เกียรติยศ เพื่อสดุดีวีรชนของเรา วีรชน 2553 ช่างน่า...ไม่รู้จะใช้คำพูดอย่างไร

 

ปี 2516 มีอนุสาวรีย์ มีอนุสรณ์สถานที่เราอยู่ตรงนี้ แต่กว่าจะได้ ผ่านมา 20 กว่าปี

ปี 2519 ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังพยายามทำให้ อย่างน้อยก็คือไปใช้สถานที่ในการจัดงานรำลึก

ปี 2535 ก็มีอยู่ที่สวนสันติพร

 

แต่ปี 2553 ยังอยู่เป็นความเลวร้ายที่ความยุติธรรมยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการกระทำตั้งแต่ปี 2553 เราได้พยายามมาหมดทุกทาง ไม่ว่าการต่อสู้ในศาล ไม่ว่าในการต่อสู้ในองค์กรอิสระ ซึ่งพิพากษาแทนศาล และที่สำคัญที่สุดแม้กระทั่งเราจัดงานแต่ละปี เราต้องไปร่อนเร่จัด หลังจากปี 2557 เมื่อมีการทำรัฐประหารโดยคณะที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชนในปี 2553 โดยตรง และขณะนี้ยังครองอำนาจอยู่ เราต้องไปจัดตามวัด ตามออฟฟิศ ไปจัดที่วัดพระก็กลัว อย่าไปสัมภาษณ์ ไม่อยากให้นักข่าวมา

 

ดังนั้น ก็ต้องพูดว่าเป็นความอาภัพของคนเสื้อแดงและวีรชนปี 2553 แต่นี่เป็นภารกิจของคนที่มีชีวิตอยู่ ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ต้องกู้เกียรติยศชื่อเสียงกลับคืนมาให้ได้

 

สำหรับเหตุการณ์ในปีที่ผ่านมา ต้องถือว่าเราขอขอบคุณการตื่นตัว การต่อสู้ของเยาวชน (เสียงปรบมือ) ซึ่งหลายที่ได้พยายามกู้เกียรติยศชื่อเสียงของคนเสื้อแดง เพราะเขาได้มาพบว่า แม้ว่าพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์จะใส่ความคิดแบบไหนก็ตาม แต่เยาวชนปัญญาชนคนรุ่นใหม่เขาได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่คนเสื้อแดง สิ่งที่นปช.ได้ทำมาในการต่อสู้ตั้งแต่ปี 2550, 2552 และ 2553 ล้วนเป็นเส้นทางที่นำประเทศก้าวไปข้างหน้า ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนจริง


มีการทวงถามความยุติธรรม ทวงถามเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน เราต้องการ “หีบลงคะแนน” แต่สิ่งที่ได้ก็คือ “หีบศพ” เยาวชนเหล่านี้ จากที่คุณณัฐวุฒิเคยพูดไว้อายุ 10 ขวบ 11 ขวบในยุคนั้น เขาได้มาเป็นผู้นำในการต่อสู้ยุคใหม่ ในการต่อสู้ยุคใหม่อันนี้ได้กู้เกียรติยศชื่อเสียงของคนเสื้อแดง


ในนามของวีรชน ญาติวีรชน และในนามของประชาชนที่ต่อสู้กับการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ขอขอบใจ ขอขอบคุณ และมีความซาบซึ้งใจต่อการนำพาการเปลี่ยนแปลงประเทศของเยาวชนรุ่นใหม่ทุกคน (เสียงปรบมือ)


เมื่อเขารำลึกถึงคนเสื้อแดง เมื่อเขารำลึกถึงเยาวชนปี 2553 เราจะเห็นพวงหรีดวันนี้มาหมดเลย ขอบคุณอีกครั้งสำหรับพวงหรีดที่ปรากฏ และนี่คือสิ่งใหม่ในการจัดงานรำลึกที่ไม่ใช่เป็นงานเช็งเม้ง! เพราะมันเป็นงานที่ชี้ให้เห็นว่าวีรชน 2553 ได้รับการคารวะและได้รับการยกย่องจากคนรุ่นใหม่ซึ่งจะต้องการนำพาให้เปลี่ยนแปลงประเทศไปข้างหน้า


ดังนั้น ก็ขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อเยาวชนเขาพยายามจะกู้เกียรติยศ เขาเสียสละตัวเองเพื่อออกมาต่อสู้ บัดนี้เขาอยู่ในคุกเป็นจำนวนมาก คนที่สู้มาก่อน คนเสื้อแดงทั้งหลาย จะปล่อยให้เด็ก ๆ ติดกรงขังอยู่อย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นอนาคตของประเทศได้อย่างไร? (เสียงปรบมือ) เมื่อเยาวชนกู้เกียรติยศของคนเสื้อแดง เขารู้ว่าเส้นทางนั้นเดินไปด้วยกัน ก็เป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่ว่ามันก็ต้องจบที่รุ่นเรา (เสียงปรบมือ) “รุ่นเรา” ไม่จำเป็นต้องอายุ 20 ปี รุ่นเราอายุ 60, 70 ก็ได้ (เสียงปรบมือ)




นี่ก็คือวิถีทางประวัติศาสตร์ ผ่านมา 11 ปี จึงมีเยาวชนมากู้เกียรติยศ นั่นจึงเป็นการเปิดเส้นทางสายใหม่ที่มีเยาวชน มีคนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น ทุกวัย จะเดินทางไปด้วยกัน ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นปีที่ดีอย่างยิ่งในการจัดการรำลึกวีรชน เมษา-พฤษภา53 เพื่อบอกดวงวิญญาณเขาว่า


“ขอให้ไปสู่สุคติเถิด เพราะมีคนรุ่นใหม่ในการที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ ในการที่จะผลักดันประเทศ เปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว ดังนั้น ขอให้หลับอย่างเป็นสุขเถิด” มีคนเสื้อแดงหลายคนที่ตายไป ไม่ได้มีภาพอยู่ที่นี่ หลายคนเหล่านั้นรู้จักเป็นการส่วนตัวเพราะอาจารย์ธิดาไปงานศพคนเสื้อแดงมา 11 ปี “ขอให้ทุกคนจะมีรูปที่นี่หรือไม่ก็ตาม ขอให้หลับอย่างเป็นสุขเถิด เพราะคนรุ่นใหม่ได้มารับช่วงการต่อสู้แทนพวกท่านไปแล้วค่ะ”


สุดท้ายก็คือ ขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวอนาคตของชาติที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ปล่อยตัวนักโทษการเมืองที่เห็นต่าง ให้ประกันตัวสำหรับกฎหมายหมิ่นทุกอย่าง


ลองไปดูว่าขณะนี้กองทัพไทยเป็นสายอะไร ในสมัยโบราณเขามี “สายเหยี่ยว” กับ “สายพิราบ” สายพิราบมีหน้าที่เจรจา สายเหยี่ยวมีหน้าที่ฆ่าอย่างเดียว นั่นคือเหตุการณ์ในอดีตตั้งแต่สมัย 2516 อาจารย์เป็นคนยุคนั้น ดังนั้น เราจึงมีทหาร ทหารที่เป็นประชาธิปไตยที่สุดก็คือ “พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา” นอกจากนั้นก็มีสายเหยี่ยวสายพิราบ จนทำให้การต่อสู้ด้วยอาวุธหยุด


แต่ว่านายทหารยุคใหม่ไม่มีสายพิราบ อาจจะมีสายเหยี่ยวกับแร้งอย่างเดียวหรือเปล่า? ไม่เคยรู้ว่าสงครามประชาชนในอดีตที่ผ่านมา หลัง 6ตุลา19 ปัญญาชนไปอยู่ในป่าเป็นจำนวนเวลานับเกือบ 10 ปี และเป็นจำนวนนับหมื่นคน ดังนั้นประเทศยังเปลี่ยนมาสงบได้ แต่ว่าพวกสายเหยี่ยว, สายแร้ง อาจจะไม่เข้าใจว่าจะต้องเจรจาอย่างไรจึงจะทำให้ประเทศนี้เดินต่อไปได้


ดังนั้น นี่จึงเป็นสิ่งทิ้งท้ายว่า ปล่อยตัวเยาวชนออกจากเรือนจำทุกคนค่ะ อ.ธิดา กล่าวในที่สุด