วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564

ยูดีดีนิวส์ร่วมกับญาติวีรชนจัดรำลึกวีรชนวาระ #11ปี10เมษา53 กลุ่มคนรุ่นใหม่ร่วมส่งพวงหรีดสดุดี

 


ยูดีดีนิวส์ร่วมกับญาติวีรชนจัดรำลึกวีรชนวาระ #11ปี10เมษา53 กลุ่มคนรุ่นใหม่ร่วมส่งพวงหรีดสดุดี

 

วันนี้ (10 เมษา ) เวลา 13.00 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ยูดีดีนิวส์ร่วมกับญาติวีรชนจัดกิจกรรม 11 ปี10เมษา53

 

เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี 10 เมษา 2553 ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนี้ยังมีการส่งพวงหรีดมาร่วมรำลึกจากกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาที่เคลื่อนไหวการชุมนุมการเมืองในช่วงปี 2563 และปีนี้ ที่ส่งมาร่วมรำลึกด้วยเช่นกัน

 

11.00 น. คนเสื้อแดงร่วมทั้งประชาชนทั่วไปทยอยเข้าบริเวณงาน โดยต้องผ่านจุดจุดคัดกรองโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งบริเวณทางเข้าด้านหน้าจะมีการตรวจวัดอุณหภูมิและบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมษาในปี 53 ด้านหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ผ่านไปมา

 

เวลา 13.00 น. อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ เป็นประธานในพิธี จุดเทียน ก่อนเริ่มพิธีสงฆ์ตามประเพณี โดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นพ.เหวง โตจิราการ, อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.พรรค ประชาชาติ, น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย, ญาติวีรชน และประชาชน ร่วมกันกล่าวคำนมัสการพระรัตนตรัย

 

13.15 น. อาจารย์ธิดา เป็นตัวแทนทำพิธีบังสุกุล ต่อด้วยพิธีถวายสังฆทาน โดยผู้ร่วมงานกล่าวคำถวายสังฆทาน ความว่า ขออุทิศส่วนบุญกุศล ให้ผู้กล้า ในเหตุการณ์สลายชุมนุม 10 เมษายน 2553 โดยมีการอ่านรายชื่อผู้สูญเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น รวมถึงสื่อมวลชนชาวญี่ปุ่น อาทิ นายธนโชติ ชุ่มเย็น, น.ส.วาสินี เทพปาน, พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล, นายมงคล เข็มทอง, Mr. Fabio Polenghi, นายปรัชญา แซ่โค้ว, นายอัฐชัย ชุมจันทร์, นายสุวัน ศรีรักษา, นายเสน่ห์ นิลเหลือง, นางประจวบ เจริญทิน ต่อด้วยการกล่าวบทนมัสการพระรัตนตรัย

เวลา 13.30 น. ได้มีนำรายชื่อผู้ที่จากไป ทำพิธีบังสุกุล ด้วยการเผาชื่อ อุทิศส่วนกุศล ให้ดวงวิญญาณที่เคยเสียชีวิต บริเวณสี่แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่สี่แยกราชประสงค์

 

เวลา 13.35 น. ตัวแทนของแต่ละกลุ่ม ร่วมวางพวงหรีด อาลัยผู้ที่จากไป โดยเริ่มจากพวงหรีดของญาติวีรชน, นปช.กรุงเทพมหานคร, นปช.ปทุมธานี, นปช. สมุทรปราการ, นปช.นนทบุรี, ธิดา ถาวรเศรษฐ , ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, วรชัย เหมะ, พายัพ ปั้นเกตุ, ทีมงาน UDD News, พรรคเพื่อไทย มูลนิธิวีรชนเพื่อประชาธิปไตย และอีกหลายองค์กรกลถ่มเคลื่อนไหวคนรุ่นใหม่ อาทิ ประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย, ราษฎรเอ้ย, สิทธิเสรีภาพพระนครเหนือ, ราษฎรมูเตลู, We Volunteer, ไม่ลืมการเสียสละคนเสื้อแดงนาตาชา, ม็อบเฟสต์, นักเรียนเลว, ราษฎร, ศิลปะปลดแอก, เสรีเทยพลัส, คณะจุฬาฯ, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย,รวมทั้งหรีดจากพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชาติ

 

โดยประชาชนต่างส่งเสียงเฮ ที่มีการประกาศรายชื่อพวงหรีดที่ส่งมาร่วมอาลัยวีรชน จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้พื้นที่ในบริเวณงานแน่นไปด้วยพวงหรีด และนี่นับเป็นปีแรกที่กิจกรรมรำลึกวีรชนปี 53 ได้รับพวงหรีดมากมายจากคนรุ่นใหม่ ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย

 

จากนั้นเริ่มกิจกรรมสนทนา โดยเริ่มต้นจาก อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ ประกาศขอนำตัวคนผิดมารับผิดชอบปราบปรามประชาชน โดยอาจารย์ได้กล่าวร่วมรำลึกเหตุการณ์ 10 เม.ย.53 โดยระบุว่า ปีนี้แม้ COVID-19 ก็จะต้องจัดให้ได้ แต่จะใช้ระยะเวลาสั้น ฝากผู้มีอำนาจให้แก้ปัญหาเชื้อโรค COVID-19 และเชื้อโรคการเมืองของประเทศด้วย

 

เวลาผ่านมา 11 ปี ที่เกิดเหตุการจากความสูญเสีย แต่ยังไม่มีความจริงที่ปรากฎและผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้นำคนผิดมารับผิดชอบในการปราบปรามประชาชน ด้วยการใช้อาวุธจริงในเหตุการณ์นั้น จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

 

พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร ที่ถูกจับกุมอยู่ขณะนี้ โดยนางธิดาเชื่อมั่น กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรและเครือข่าย จะเดินขับเคลื่อนช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศได้

 

ด้านนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ปัจจุบันนี้คนรุ่นใหม่ก่อรูปเป็นขบวนการต่อสู้ใหม่ และน่าดีใจกว่านั้นคือพวกเขาเชื่อมหลอมเป็นกระแสธารเดียวกันกับคนเสื้อแดงเมื่อ 11 ปีก่อน และคนเสื้อแดงก็มีความพร้อมเข้าร่วมกับการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่อย่างมีชีวิตชีวา คนรุ่นใหม่ได้วิเคราะห์และเสนอก้าวย่างให้ประเทศนี้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงจนตกผลึกเป็น 3 ข้อเรียกร้องและ 1 ความฝันซึ่งตนเห็นด้วยทุกประการ คนเสื้อแดงควรต้องเข้าร่วมและสนับสนุนกระแสการต่อสู้ประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่อย่างรับผิดชอบและเอาการเอางานตามสภาพความเป็นจริงของตัวเอง

 

นพ.เหวงกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน พวกเราต้องตามทวงถามความยุติธรรมคืนให้ประชาชนผู้เสียชีวิต การหวังความยุติธรรมจากองคาพยพของผู้กระทำย่อมเป็นไปไม่ได้ ประชาชนต้องต่อสู้ให้ได้รัฐบาลของประชาชนที่แท้จริง เพียงเท่านั้นจึงจะสามารถนำฆาตรกรและผู้สั่งฆ่ามาลงโทษทางกฎหมายได้ หากว่าทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้ในประเทศไทย ก็ต้องเดินเส้นทางสากล ต้องเอากรณีรุมยิงนกในกรงไปดำเนินกคดีอาญาที่ศาลระหว่างประเทศ เราจะดำเนินการให้สำเร็จไม่ว่าจะใช้เวลานานสักเท่าไรก็ตาม

 

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ชี้รัฐต้องรับฟังคนรุ่นใหม่ โดยก่อนเริ่มการสนทนาปราศรัยได้เริ่มจากการถอดหน้ากาก โดยระบุว่า ต้องการให้รัฐและผู้มีอำนาจเห็นหน้าชัดๆ และถามว่ายังจำกันได้อยู่ไหม พร้อมยืนยันว่า ประชาชนต้องการสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน พร้อมระบุว่า ถ้าคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิ่งที่ดีกว่า ทางเดียวที่รัฐต้องทำคือ เปิดใจรับฟังเพราะประเทศนี้กำลังจะอยู่ในอนาคตในวันหน้าเป็นสิทธิ์โดยชอบที่จะเรียกร้องการจัดสรรโครงสร้างอำนาจที่ชอบธรรมและดีกว่าไม่มีประโยชน์ที่รัฐจะจัดการเยาวชนด้วยความโกรธแค้นชิงชัง

 

ทั้งนี้ได้หวังว่า สิ่งที่พยายามสื่อสารจะถูกรับฟัง วันนี้สังคมไทยต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเด็ก ๆ ทำ แต่ข้อเท็จจริงคือ เด็ก ๆ กำลังรับผิดชอบต่อสิ่งคนรุ่นเราทำมาต่างหาก ไม่เป็นธรรมเลย และขอให้ทุกคนช่วยกันและโอบอุ้มรุ่นลูกหลานไว้ และบอกว่า จะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดอีกต่อไป

 

เชื่อมั่นว่า สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงจะกลายเป็นพายุใหญ่ที่จะต้องเกิดขึ้น อยากให้การจัดงานรำลึกนี้ เป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นกับความรุนแรงปี 2553 จะต้องไม่มีความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นอีก นายณัฐวุฒิ ระบุว่าด้วย ขอแสดงความเชื่อมั่นในความกล้าหาญของคนหนุ่มสาว ในการต่อสู้อย่างสันติวิธี

 

ต่อมา หลังจากกิจกรรม พิธีสงฆ์ และการสนทนาปราศรัยเสร็จสิ้น กลุ่มคนเสื้อแดงพากันนำดอกกุหลาบแดงมาวางรำลึกบริเวณป้อมตำรวจจราจร ริมถนนราชดำเนินกลางต่อเนื่องถนนตะนาว ก่อนจะตะโกนพร้อมกันว่า “ที่นี่มีคนตาย” แล้วไปรวมกลุ่มกันที่หน้ารถสวัสดิการของกลุ่มราษฎรนนทบุรีที่เพิ่งเคลื่อนตัวมาถึงเพื่อดำเนินกิจกรรมต่อไป

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ประมวลภาพ