กลุ่มลูกทุเรียนนนท์ต่อต้านเผด็จการ
จัดกิจกรรม “ทุเรียนนนท์ไม่ทนเผด็จการ” ภายใต้ #ให้มันจบที่รุ่นเรา / ถึงฝนตกก็ไม่กลัว
/ ผู้ปราศรัยหลัก “เพนกวิน” ถูกจับ ก็ยืนยันจัดต่อ / ย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง “หยุดคุกคามประชาชน-ร่างรธน.ใหม่-ยุบสภา”
/ เจอกันแน่ 16 ส.ค. นี้
ยูดีดีนิวส์
: 14 ส.ค. 63 เวลา 16.00 น. กลุ่มลูกทุเรียนนนท์ต่อต้านเผด็จการ
นัดหมายทำกิจกรรม ทุเรียนนนท์ไม่ทนเผด็จการ โดยติด #ให้มันจบที่รุ่นเรา
ปรากฏว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดฝนตกหนักมาก ทางผู้จัดงานได้ประกาศเลื่อนไปเป็นเวลา
17.30 น. โดยได้มีการกำหนดผู้ปราศรัยหลักคือ พริษฐ์ ชีวารักษ์ (เพนกวิน) และนายชินวัตร
จันทร์กระจ่าง (ไบรท์)
ต่อมาได้ทราบข่าวการถูกควบคุมตัว
“เพนกวิน” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.ปากเกร็ด
ผู้จัดจึงเรียกร้องพี่น้องที่สะดวกให้เดินทางไป สภ.ปากเกร็ด หรือ สน.สำราญราษฎร์
ซึ่งเป็นต้นเรื่องที่ออกหมายจับ
สำหรับเวทีปราศรัยที่นนทบุรีนี้ยืนยันจะปราศรัยต่อไปแม้จะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่งอันเนื่องมาจากเหตุฝนตก
โดยมีผู้ปราศรัยจากหลากหลาย อาทิ นักเรียนในจังหวัดนนทบุรี, ประชาชนชาวนนทบุรี, กลุ่มนักศึกษาจากภาคีนักศึกษาศาลายา,
นักศึกษาธรรมศาสตร์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นต้น
การปราศรัยท่ามกลางสายฝนวันนี้
ตัวแทนนักเรียนได้ตั้งคำถามว่าประเทศไทยเคยมีคำว่าประชาธิปไตยด้วยหรือ?
สิ่งที่คนที่มีอำนาจอยู่เหนือกฎหมายมันเรียกว่ายุติธรรมหรือ? ทั้ง ๆ
ที่ทุกคนต้องมีคุณค่าความเป็นคนเหมือนกัน และตนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21
ที่ร่างด้วยคนที่ประชาชนเลือกมา
ผู้ปราศรัยอีกท่านขึ้นกล่าวถึงความไม่ยุติธรรมในสังคมไทย
โดยเฉพาะผู้ที่ออกมาเรียกร้องเคลื่อนไหวต่อต้านและเห็นต่างจากรัฐบาลมักถูกคุกคามและดำเนินคดีต่าง
ๆ มากมาย โดยหลังจากวันที่ 18 ก.ค. เป็นต้นมา มีสถิติการคุกคามประชาชนผู้เห็นต่าง
78 ครั้ง เปิดเผยได้ 63 ครั้ง เป็นนิสิตนักศึกษา 22 ครั้ง เป็นนักเรียน 22 ครั้ง
และเป็นประชาชนธรรมดา 19 ครั้ง ถามว่านี่เป็นประเทศประชาธิปไตยหรือ?
จากนั้นนายชินวัตร
(ไบรท์) ได้กล่าวว่าตนเกิดมาเจอการปฏิวัติรัฐประหารโดยทหารถึง 2 ครั้ง คือปี 19
ก.ย. 2549 และ 22 พ.ค. 2557 ซึ่งไม่ได้ทำให้ประเทศชาติพัฒนาทั้งการเมืองการปกครอง
เศรษฐกิจ และสังคมได้เลย สิ่งสำคัญที่สุดคือหนึ่งในข้อเรียกร้องในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยมี
สสร. ที่ยึดโยงกับประชาชนเป็นผู้ร่าง หรือให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้
ต่อมาประชาชนในจังหวัดนนทบุรีอีกท่านหนึ่งได้กล่าวว่าที่ตนออกมาเพราะไม่ไหวกับรัฐบาลชุดนี้
และเรียกร้องให้ประชาชนอย่าโดดเดี่ยวนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กล้าแสดงออกและออกมาเรียกร้องในขณะนี้
ขอประชาชนให้การสนับสนุนนักศึกษาเหล่านั้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีการแสดงเล็ก
ๆ จากนักเรียนนักศึกษากลุ่ม Coconut Republic ต่อด้วยการปราศรัยว่า
กลุ่มของตนให้ความสำคัญกับการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะหากยุบสภาไปแล้วมีเลือกตั้งใหม่
ถ้ายังไม่มีรัฐธรรมนูญใหม่ ผลลัพธ์ก็จะยังเป็นเหมือนเดิม โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ต้องเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน
มาจากประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องไม่มี 250
ส.ว. ที่เข้ามาโหวตนายกฯ และสุดท้ายให้หยุดคุกคามประชาชนที่ออกมาปราศรัยข้อเรียกร้องต่าง
ๆ จากรัฐบาล
ผู้ปราศรัยสุดท้ายคือนายสมยศ
พฤกษาเกษมสุข กล่าวถึงปัญหาสำคัญของประเทศคือการยึดอำนาจการทำรัฐประหารและความพยายามต่าง
ๆ ในการสืบทอดอำนาจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญ 60 หรือร่างกฎหมายต่าง ๆ
ดังที่เห็นในปัจจุบัน
อีกประการหนึ่ง
“ความอยุติธรรม” ในสังคมไทย ยกตัวอย่างกรณีนายบอส อยู่วิทยา ส่วนตนเองถูกหมายเรียกกรณีไปหน้าสถานทูตกัมพูชาเรื่องนายวันเฉลิม
สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ถูกอุ้มหาย กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลา 8
เดือน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ตัดสินจำคุก 8 เดือน แต่อยู่จริงเพียง 2 เดือนครึ่ง
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและพวก พาคนเสื้อแดงเดินขบวนไปหน้าบ้านพล.อ.เปรม อยู่แค่
4 ชม.แล้วกลับ ติดคุก 2 ปี 8 เดือน ถามว่าเป็นธรรมไหมครับ? หมอเหวงนั่งรถเข็นติดคุก
นายวีระกานต์ถือไม้เท้าเดินเข้าไป นี่แหละคือความเป็นจริงที่เจ็บปวด!
การบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นทหารมาโดยตลอดและคณะ
ไม่สามารถนำพาประเทศชาติให้พัฒนาก้าวหน้าทัดเทียมประเทศอื่น ทั้งการเมืองการปกครอง
เศรษฐกิจและสังคม เกิดปัญหาการทุจริตมากมายที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ
นายสมยศกล่าวต่อไปว่า
เป็นความผิดรุ่นพวกผมด้วยนะ ผิดที่ปล่อยให้สังคมนี้อยู่แบบนี้
ปล่อยให้ประยุทธ์เหลิงอยู่ในอำนาจมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ถือว่าพวกเราอ่อนแอในรุ่นของผม
หวังว่าจะสำเร็จและได้รับชัยชนะสมความปรารถนาตั้งแต่คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 14
ตุลาคมเพื่อประชาธิปไตย เพื่อตอบสนองต่อเจตนารมย์ของพี่น้องที่เสียชีวิตในเหตุการณ์
6 ตุลาคม ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 กับพี่น้องคนเสื้อแดงปี 53
เขาเหล่านี้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและต้องการให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงให้ก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม
และการตื่นตัวของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนขณะนี้ นี่คือการเปลี่ยนแปลงแล้ว!
ผู้จัดกิจกรรมได้กล่าวจบงานโดยนัดหมายชุมนุมร่วมกับคณะประชาชนปลดแอกในวันอาทิตย์ที่
16 ส.ค. 63 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
ประมวลภาพรวม