นายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด‘เต้น’’ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.
63 ว่า
‘ข่าวพรรคการเมืองมีความขัดแย้งเกิดแรงกระเพื่อมปรากฏขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลานี้
ทั้งฝ่ายรัฐบาลโดยพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำ ประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่ที่สุด หรือกระทั่งรวมพลังประชาชาติไทย พรรคน้องใหม่ของลุงกำนัน
ทางฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทยก็มีข่าวกระทบกระทั่งกระฉอกออกมาเหมือนกัน
ถ้ามองจากภาพรวมเรื่องนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับคณะรัฐประหารที่ตั้งคุณมีชัยกับพวกมาร่างรัฐธรรมนูญ
นอกจากต้องการสืบทอดอำนาจแล้ว สิ่งที่อยากเห็นก็คือ ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง
คุณมีชัย
คุณวิษณุในฐานะผู้รับเหมาร่างรัฐธรรมนูญ ผลงานได้เรื่องนะครับ ตั้งรัฐบาลมาปีเดียว
เละเทะกันได้ขนาดนี้ ความเข้มแข็งของพรรคการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการมีเสถียรภาพทางการเมืองและพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย
แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง
เกิดมีพรรคเล็กพรรคน้อยกลายเป็นเบี้ยหัวแตกในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลผสม 20 พรรค
จะเอาเสถียรภาพมาจากไหน
ส.ส.ในพรรคการเมืองมีโอกาสปันใจเป็นงูเห่ากันได้ง่ายๆ
เพราะถ้าพรรคขับออกก็เข้าทาง เดินเข้าไปหาพรรคใหม่ได้ทันที
ถ้าไม่ขับออกก็ทู่ซี้อยู่ไป แต่ยกมือให้อีกฝ่ายหนึ่ง ถึงเวลาเลือกตั้งใหม่
พรรคเดิมจะไม่ส่งลงสมัคร เขาก็คิดไม่ยาก
แค่ย้ายไปอยู่พรรคอื่นหรือไม่ก็ตั้งพรรคขึ้นมาเอง
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้พรรคการเมืองลงสมัครได้คะแนนรวมกันทั้งประเทศ
30,000 คะแนนก็มีผู้แทนราษฎร
ฟันธงไปได้เลยว่า
ถ้ายังบังคับใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีทางปฏิรูปการเมือง
ไม่มีทางเห็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
การเมืองจะย่ำอยู่กับที่และมีเงื่อนไขความขัดแย้ง จะกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ได้ง่าย ๆ
สิ่งเดียวที่จะมีเสถียรภาพ
ก็คืออำนาจต่อท่อมาจากคสช. กลุ่ม 3 ป.ยังคงกุมความได้เปรียบทางการเมืองทุกประตู
ส.ว.
250 คน พร้อมที่จะยกมือโหวตพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทุกครั้งตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้และเมื่ออำนาจคสช.เข้มแข็งก็ชัดเจนนะครับว่าระบบการเมืองของฝ่ายเสรีนิยมจะถูกแทนที่โดยรัฐราชการอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ทำอยู่ในสถานการณ์โควิด-19
แล้วก็เชื่อว่าหลังจากนี้จะเห็นภาพรัฐราชการมากขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น
นี่ไม่ใช่เรื่องพรรคการเมืองทะเลาะกันแล้วผมมานั่งใส่ร้ายรัฐธรรมนูญนะครับ
แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้เกิดผลอย่างที่ปรากฏจริงๆ ต่อให้รัฐบาลกุมสภาพได้ทั้งหมด
ดูเหมือนมีเสถียรภาพทางการเมือง
ความขัดแย้งก็จะต้องเกิดเพราะนี่คือกติกาที่โกงอำนาจประชาชนเอาไปไว้ที่คนกลุ่มเดียวได้เปรียบตลอดกาล
แต่เมื่อมองดูเข้าไปในเงื่อนไขของแต่ละพรรค
ถามว่าทำไมแต่ละพรรคถึงเกิดความขัดแย้งขึ้นพร้อมๆ กัน
ก็ตอบว่าในซีกรัฐบาลเค้าแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันครับ
- พปชร.
ครม.ชุดนี้ทำหน้าที่มาแล้ว
1 ปี สถานการณ์การเมืองยามนี้ไม่มีใครกล้ายืนยันหรอกครับว่าจะอยู่ยาวครบวาระ
4 ปีได้
ดีไม่ดีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไม่ช้าไม่นานนี้ด้วยซ้ำไป
บรรดาว่าที่รัฐมนตรีที่เข้าคิวรออยู่เขาก็อยากจะเข้าไปทำหน้าที่บ้าง
ในพลังประชารัฐก็เลยต้องไล่หัวหน้า ไล่เลขาธิการพรรค
เพื่อเพิ่มเงื่อนไขในการปรับครม. แม้พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าจะยังไม่ปรับในช่วงนี้
แต่ข่าวที่ออกมา
เค้าจัดสรรเก้าอี้แบ่งกันเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำไป บางกระแสบอกว่า 4 กุมารจะรอลุ้นผลโหวตในที่ประชุมใหญ่ของพรรค
ผมว่าเป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายาก เพราะลงมือขนาดนี้
ผู้มีบารมีตัวจริงในพลังประชารัฐเค้าจัดการไว้เบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะครับ
- ปชป.
ส่วนในประชาธิปัตย์สถานการณ์ซับซ้อนกว่านี้
นอกเหนือจากเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีซึ่งคงมีคนรอคิวอยู่บ้างแล้ว
ก็ยังเป็นเรื่องการทำงานขับเคลื่อนการนำพาพรรคไปสู่สถานการณ์ที่ดีกว่าในปัจจุบัน
คุณจุรินทร์
หัวหน้าพรรค แม้ว่าเป็นเด็กปั้นคุณชวน หลีกภัยอีกคนหนึ่ง
แต่ว่าซีกที่สนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังหมายมั่นปั้นมือจะให้หัวหน้าคนเดิมกลับมามีบทบาทอีกครั้ง
ตัวคุณอภิสิทธิ์ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เนี่ย
ลาออกด้วยความจำใจในสภาพทางการเมืองนะครับ แต่ในหัวใจจริงๆ
ผมเชื่อว่าอยากจะกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมตลอดเวลา
ก็ดูความเคลื่อนไหวของทีมงานคุณอภิสิทธิ์ในพรรค พยายามเหลือเกินนะครับที่จะเปิดพื้นที่ให้คุณอภิสิทธิ์เข้ามามีบทบาทสำคัญ
เริ่มตั้งแต่การเป็นประธานคณะกรรมาธิการรับฟังแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ซึ่งสุดท้ายพลังประชารัฐไม่เอาด้วย ตีตกไป
แล้วก็ให้คุณพีระพันธุ์
ซึ่งย้ายมาจากประชาธิปัตย์นี่ล่ะครับไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแทน กลุ่มคุณอภิสิทธิ์คงรู้ชัดล่ะครับว่า
บทบาทหรือสถานะทางการเมืองใดก็ตามที่จะต้องได้รับความยินยอมพร้อมใจจากพรรคแกนนำ
หรือต้องการเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร รับรองว่าเป็นไปไม่ได้
นายทหาร
3 ป. ที่มีอำนาจอยู่เวลานี้ เค้ารู้จักคุณอภิสิทธิ์ดีครับเพราะ 3 คนนี้เป็นคนอุ้มคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีในค่ายทหาร
ได้ข่าวว่าตอนที่ทำงานด้วยกัน
รู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดีเข็ดขี้อ่อนขี้แก่กันไปแล้ว
คุณอภิสิทธิ์จึงต้องหันกลับมาในพรรคประชาธิปัตย์
งานนี้จะเกิดศึกสายเลือดลูกศิษย์คุณชวนหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
- รปช.
ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทยต้องยอมรับนะครับว่า
หม่อมเต่าหัวหน้าพรรคเนี่ย ไม่ธรรมดา ชื่อแกช้าครับชื่อเต่า แต่บทจะตัดสินใจ
ไวกว่าใครเค้าเพื่อน ชิงลาออกสวนหมัดมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค
ที่มีมติให้หม่อมเต่าสอบตกในการทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน
หม่อมเต่าทิ้งท้ายไว้บาดใจนะครับ
บอกเหมือนผัวเมียที่หย่าขาดจากกัน ก็มีผลในทันที
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีถ้าเค้าปรับให้ออกก็ออกเลยไม่มีปัญหา ไม่ว่ากัน บทจะแยกทางกัน
หม่อมเต่าไม่ยอมเจ็บคนเดียว ออกมาสวนหมัดรักษาศักดิ์ศรี ผมว่า 4 กุมาร
ดูพี่เต่าเค้าไว้บ้างก็ดีนะครับ
งานนี้ไม่รู้ใครเสียทีใครนะครับ
เพราะตอนมาเป็นหัวหน้าพรรค
หลายคนมองบทบาทหม่อมเต่าแล้วก็สรุปตรงกันว่าหัวหน้าตัวจริงคือลุงกำนัน
ลุงกำนันคนเดียวกับที่ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนเวทีชุมนุมนั่นล่ะครับว่าเลิกแล้ว
ไม่เอาแล้วการเมือง ไม่ข้องเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น
จากสภาพที่เห็นอยู่
ชัดเจนว่า วาทกรรมปฏิรูปก่อนเลือกตั้งล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง
ไม่มีพัฒนาการทางการเมือง ไม่มีความหวังของระบอบประชาธิปไตย นี่ไม่ใช่นิวนอร์มอล
แต่ทำให้สังคมไทย
ถอยหลังออกไปหลาย 10 ปีและเชื่อเหลือเกินว่า จะไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์นี้
พลังประชารัฐ
ประชาธิปัตย์ รวมพลังประชาชาติไทย จะเป็นอย่างไรคอยดูกันต่อ
แต่ความบอบช้ำเสียหายของสังคมไทยที่เกิดขึ้น
นี่ล่ะครับเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันคิด หยุดการแทรกแซงของอำนาจนอกระบบ
หยุดเปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร หยุดเชื่อมั่นว่าเผด็จการจะมาสร้างประชาธิปไตย
กี่ครั้งแล้วล่ะครับที่คนไทยเผลอใจไปเรียกรถถัง
กี่ครั้งแล้วที่ต้องมานั่งเจ็บใจเสียใจกับความเป็นจริงที่สวนทางกับสิ่งที่ประกาศกัน
นี่ไม่ใช่การเยาะเย้ยเสียดสี แต่เป็นการชี้ความจริงให้เห็น
เพื่อให้ทุกคนมองไปข้างหน้า
คสช.
ต้องเป็นเผด็จการชุดสุดท้าย รัฐประหาร 22 พฤษภา 2557 ต้องไม่มีเกิดขึ้นอีกต่อไป
ความขัดแย้งทางการเมืองต้องแก้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
อำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน
ไม่มียอดมนุษย์ที่ไหนจะขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องจนถึงขั้นถืออำนาจเด็ดขาดสูงสุดเพียงคนเดียว
แล้วกำหนดอนาคตประเทศไทยตามที่เขาต้องการ
ผมเชื่อในความดีครับ
แต่ผมไม่เชื่อในคนดีที่ตรวจสอบไม่ได้
รัฐบาลชุดนี้เกิดจากกลุ่มคนที่ประกาศตัวเองว่าเป็นคนดี
ชุมนุมไล่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง เปิดทางให้มีการรัฐประหาร
แล้วเอาคนดีมาบริหารประเทศ ตั้งคนดีมาเป็นแม่น้ำ 5 สาย
ตั้งคนดีมาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วก็เกิดปัญหาเป็นสงครามคนดีในปัจจุบัน
คณะผู้มีอำนาจตั้งพรรคการเมือง
นัยว่าเป็นศูนย์รวมคนดี ทำงานไปได้ 1 ปี เกิดเหตุคนดีไล่คนดี
จนดร.สมคิดบอกว่า คนดีอยู่ในการเมืองไม่ได้ ตกลงไม่รู้ใครดีกว่าใคร
วิถีการเมืองแบบนี้ไม่ใช่ทางแห่งความเจริญของประเทศนะครับ
- พท.
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยมีข่าวความขัดแย้งออกมา
เหตุปัจจัยคงต่างกันเพราะที่นั่นไม่มีเก้าอี้ให้แย่ง
เป็นฝ่ายค้านจะไปแย่งตำแหน่งอะไรกันล่ะครับ
แต่ต้องยอมรับกันว่าความไม่ลงลอยของแกนนำผู้มีบทบาทสำคัญในพรรค
เกิดเป็นข่าวมาแล้วยาวนานก่อนหน้านี้
ส่วนจะมีผลถึงขั้นต้องไปตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่
ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่หรือไม่ ผมคิดว่าเหตุผลคงไม่ใช่เรื่องนี้ทีเดียวนัก
เพราะสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยอยู่อีกข้างหนึ่งของกระดานหกทางอำนาจโดยรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
เมื่อรัฐธรรมนูญ
60 เอื้อโอกาส เอื้อประโยชน์ให้พรรคพลังประชารัฐมากแค่ไหน
ก็ต้องทำลายโอกาสและปิดกั้นประโยชน์ของเพื่อไทยมากเท่านั้น
พรรคเพื่อไทยจึงเป็นพรรคอันดับ
1 จากการเลือกตั้ง
แต่ไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อและการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดผลแบบเดียวกัน
ดังนั้น ความขัดแย้งขบเหลี่ยม แม้จะมีอยู่จริง
แต่เท่าที่เห็น เค้าก็ทำงานกันมาได้
แต่เท่าที่เห็น เค้าก็ทำงานกันมาได้
ที่ต้องไปตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่
เป็นผลจากกติกาเป็นสำคัญ ต่อให้รักกันเหนียวแน่นดูดดื่มแค่ไหน
แต่ภายในพรรคเพื่อไทย เค้าก็ต้องคิดเอาชนะกติกานี้ได้ และการจะเอาชนะกติกานี้ได้
สำหรับพรรคเพื่อไทย การมีพรรคการเมืองมารองรับคะแนนบัญชีรายชื่อ ก็คงเป็น 1 ในสูตรที่เค้าคิดกัน
ส่วนจะมีสูตรพิสดารขนาดที่ข้ามฟากไปจับมือกับพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลหรือเปล่า
ผมไม่รู้นะครับ แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า ถ้าเกิดแบบนั้น อำนาจ
ผลประโยชน์ทางการเมือง ก็คงมีล่ะครับ แต่ศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชน
หมดตูดแน่นอน
การจะนำพาสังคมไทยและสภาพการเมืองไทยออกพ้นสถานการณ์เช่นนี้ได้
มีวิธีการเดียวคือต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จากประชาชน
อย่าได้กล่าวหานะครับว่าผมเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกตน
ไม่ใช่อ่ะครับ
แต่ผมต้องการทลายแหล่งผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายรัฐประหาร
คืนกลับมาให้ประชาชนมากกว่า'นายณัฐวุฒิกล่าว
(ทีมงาน)