ยูดีดีนิวส์ : 4 ธ.ค. 62 การสนทนาถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยผ่านทางเฟสบุ๊คไลฟ์ของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ วันนี้ ได้กล่าวในประเด็น
"วิ่ง-ไล่-ลุง" กับ "วิ่ง-ตาม-ลุง"
อ.ธิดากล่าวว่า ในส่วนของประชาชน แคมเปญ "วิ่ง-ไล่-ลุง" เราก็ได้ยินมาพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นที่ทราบทั่วกันว่า บอล หรือ ธนวัฒน์ วงศ์ไชย หนึ่งในแกนนำสหภาพนักศึกษาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงตั้งต้น จากนั้นน่าจะมีคนเห็นด้วย ก็มาร่วมเป็นกองเชียร์ และการร่วมเป็นกองเชียร์ หรือ ประกาศเจตนาร่วมด้วย ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
แล้วใครคือ "ลุง" อ.ธิดากล่าวว่า ตอนนี้มีคนรับมาแล้ว โดย อ.ธิดาอ้างถึงโพสต์ของ "วาสนา นาน่วม" ดังนี้
"วิ่ง ให้ ทัน ก็ แล้ว กัน"
"บิ๊กตู่" เมิน แคมเปญ "วิ่ง.ไล่.ลุง" 12 มค. ของ คนเสื้อแดง ... เย้ย !! วิ่ง ให้ ทัน ก็ แล้ว กัน"
พลเอกประยุทธ์ กล่าว เมื่อถูกถามถึง กิจกรรม "วิ่ง-ไล่-ลุง" ของคนเสื้อแดง-นศ. 12 มค.2563 โดย นายกฯ กล่าว แต่ว่า "วิ่ง ให้ ทัน ก็ แล้ว กัน"
ดังนั้นความหมายก็แปลว่า "ลุง" ที่ว่านี้ก็หมายถึง "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ นั่นแหละ ไม่ต้องมาเถียงกันว่าลุงคือใคร? ลุงรับแล้ว แต่บอกว่าวิ่งไล่ให้ทันก็แล้วกัน
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า แคมเปญนี้ความจริงเป็นแคมเปญที่มีลักษณะกึ่งล้อเลียน ในประเทศที่เจริญแล้วแคมเปญของการวิ่งและมีลักษณะล้อเลียน จริง ๆ มันไม่ใช่การประท้วง เป็นเรื่องทำได้ เป็นเรื่องขำขัน เพราะการประท้วงนั้นโดยปกติเขาไม่ใช่แคมเปญเพื่อสุขภาพ เรียบร้อย ได้ประโยชน์ มีแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่การประท้วงจริง ๆ ต้องโกรธเกรี้ยว มีด่าทอ
ดังนั้นแคมเปญ "วิ่ง-ไล่-ลุง" ถ้าจะบอกว่าเป็นการชุมนุมประท้วงจึงไม่ตรงกับลักษณะ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีป้ายขับไล่ ผู้คนก็จะโกรธและพูดถึงความทุกข์ยากต่าง ๆ แล้วเขาจะใช้คำว่า "ขับไล่" แต่นี่เขาใช้ภาษาสุภาพ "วิ่ง-ไล่-ลุง"
แคมเปญ "วิ่ง-ไล่-ลุง" ดูออกแนวขำขัน แนวคนรักสุขภาพ ไม่มีลักษณะของความรุนแรง แม้แต่โลโก้ก็ยังไม่รู้จะเป็นโลโก้ไหน
บรรดากองเชียร์ พวกที่ได้ประโยชน์ พวกที่สนับสนุนการทำรัฐประหาร พวกที่เกาะ คสช. เกาะแขน เกาะขา "ลุงตู่-ลุงป้อม-ลุงป็อก" ได้มีเพจกองเชียร์ลุงตู่และเตรียมทำกิจกรรม "วิ่ง-ตาม-ลุง"
ขณะนี้ดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่ มีความเชื่อมั่นตัวเองมาก ส่วนนักข่าวก็พยายามจะถาม พล.อ.ประวิตร ว่าผิดกฎหมายหรือเปล่า? กรณีดังกล่าวอ.ธิดาแสดงทัศนะว่า "การวิ่งมันไม่ใช่การชุมนุม ดังที่ดิฉันได้บอกแล้วว่าจะต้องมีเป้าหมายว่าประท้วงเรื่องอะไร จะต้องเป็นการชุมนุมที่มีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งเหตุผลในการประท้วงรวมทั้งอารมณ์ที่ไม่พึงพอใจ แต่วิ่งในลักษณะเพื่อสุขภาพนี้ ไม่ควรจะต้องไปตีความว่าเป็นการชุมนุมประท้วง"
ล่าสุดเพจเชียร์ลุงตู่ได้มีการโพสต์ข้อความว่า
สมาคมคนรักลุง
เจอกันแน่นอนที่คุณอยากจะวิ่ง
ใครจะวิ่งไล่ลุงก็วิ่งไป
แต่...เราจะวิ่งตามลุง
12มกราคม เป็นต้นไป วิ่งตามลุง
#พบกันที่..
สวนสุขภาพใกล้บ้านท่านนะครัช
พร้อมใจกัน..วิ่งตามลุง..
เราคนดี..วิ่งเป็นที่เป็นทาง
#ผมรักลุงตู่ ครับ
อ.ธิดากล่าวว่า แคมเปญ "วิ่ง-ตาม-ลุง" นี้ เราไม่รู้ว่าใครทำ ไม่ได้เปิดเผย ที่ดิฉันอยากจะตั้งข้อสังเกตก็คือว่า กรณีการทำแคมเปญ "วิ่ง-ตาม-ลุง" ขึ้นมา หมายความว่าเขามองว่า "วิ่ง-ไล่-ลุง" เป็นม็อบหรืออย่างไร? แล้วก็จะต้องมี "วิ่ง-ตาม-ลุง" ขึ้นมา มันก็เหมือนเป็นการจัดม็อบอีกม็อบหนึ่ง ซึ่งดิฉันคิดว่า อันนี้เป็นเรื่องที่มักจะเกิดขึ้นสำหรับคนที่หวาดกลัวประชาชนที่เห็นต่าง ไม่มีวัฒนธรรมของคนในระบอบประชาธิปไตย ความหวาดกลัวของแนวคิดของกลุ่มคนอนุรักษ์นิยมก็จะพยายามต่อต้านความคิดเห็นต่าง คนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลอนุรักษ์นิยม ไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารหรือสืบทอดอำนาจรัฐประหาร คือมันชัดเจน ก็กลัวประชาชนจะต่อต้าน แค่เขาใช้แคมเปญ "วิ่ง-ไล่-ลุง" ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะไปวิ่งที่ไหน คนจัดก็เป็นนักศึกษาธรรมดา ไม่มีพรรคการเมืองเป็นเจ้าภาพ
แล้วพอใช้คำว่า "คนเสื้อแดง" ดิฉันก็อยากจะบอกว่ามันเป็นการใช้คำนี้มากเกินไป หรือเว่อร์เกินไป หรือเปล่า? บางคนก็ไปตีความว่าคนในพรรคอนาคตใหม่มาหนุน เพราะคำว่า "คนเสื้อแดง" มักจะโฟกัสไปในขบวนการคนเสื้อแดงเดิม ซึ่งหมายถึงคนเสื้อแดงที่ร่วมกับ นปช. หรือเปล่า?
แต่สำหรับดิฉัน ถ้าคำว่า "คนเสื้อแดง" หมายถึงคนรักประชาธิปไตยและรักความยุติธรรม คนรุ่นใหม่ที่รักประชาธิปไตย รักความยุติธรรม ก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่บางคนเขาไม่อยากใช้คำว่า "คนเสื้อแดง" เพราะอาจจะถูกมองว่าเป็นการขยายความขัดแย้ง หรือมองว่าเป็นขบวนการเดิม
เอาว่าในทัศนะของดิฉัน คนที่ต่อต้านการทำรัฐประหาร ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เป็นคนรักประชาธิปไตย และรักความยุติธรรม จะใส่เสื้อสีอะไรก็ได้ หรือคุณจะเรียกว่าเขาเป็นคนเสื้อแดงในความหมายนี้ก็ได้ แต่เขาเป็นคนรุ่นใหม่ อย่าไปเหมา!
ที่น่ากังวลมากกว่าก็คือวิธีคิดของ "ม็อบชนม็อบ" ดิฉันไม่อยากจะขยายความให้มันเลยเถิดไป แต่อยากบอกให้คนฝ่ายอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม รู้ว่า วิธีคิดเอา "ม็อบชนม็อบ" นี้ มันสร้างความเสียหายให้กับประเทศมาก ตั้งแต่ในกรณีหลัง 14 ตุลา 16 เกิด "ม็อบชนม็อบ" แล้วอ้างว่าเข้าไปปราบแม้นผู้ชุมนุมจะอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยและเป็นนักศึกษาก็ตาม
พฤษภาคม 2535 ไม่มี "ม็อบชนม็อบ" แต่มาเกิดขึ้นอีกครั้งก็คือเมื่อมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม. มาเป็นม็อบของฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสู้กับม็อบของรัฐบาล การอ้างเหตุผลในการทำรัฐประหารของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ปี 2549 ก็อ้างเรื่องจะมีม็อบมาตีกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเค้าเลย และเกิดขึ้นอีกครั้งคือกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. การอ้างเหตุผลในการทำรัฐประหาร ปี 2557 เกิดม็อบ กปปส. ทหารไม่มีการจัดการอะไร ก็มีการอ้างว่าจะมีม็อบมาปะทะกันอีก
นี่คือวิธีคิดที่ว่า ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยมีม็อบขึ้นมา ฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องสร้างม็อบขึ้นเพื่อมาชน!!! แล้วอ้างว่ามีความรุนแรงเกิดขึ้น...หรือเปล่า?
ดิฉันมองในแง่ดีนะ เพราะที่ขู่ ๆ กันนี่คือ "ปรับรัฐมนตรี" กับ "ยุบสภา" แต่พวกอำนาจนิยมและกองเชียร์ยังมีแนวคิดแบบนี้อยู่ นั่นก็คือ จะไม่ยอมให้ประชาชนเผยอหน้าขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ไม่มีมาตรา 44 ตอนนี้ไม่ใช่ยุคของการทำรัฐประหาร เป็นเวลาที่ประชาชนสามารถลืมตาอ้าปากพูดอะไรบ้าง
ก็นี่แค่วิ่ง... ยังกลัวเหรอ?... ทำไมต้องทำม็อบมาโต้
"ประเทศกูดี" ถ้าประเทศกูดี...แล้วกลัวทำไม? ทำไมต้องกลัว?
เขาออกมาวิ่ง แล้วใช้คำว่า "วิ่ง-ไล่-ลุง"
แค่มีการ "วิ่ง-ไล่-ลุง" แล้วกลัวถึงขนาดจะต้องทำ "วิ่ง-ตาม-ลุง"
แสดงว่าไม่มีการเก็บรับบทเรียน ยังยืนยันที่จะใช้ความรุนแรงกระทำต่อผู้เห็นต่าง แปลว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม ไม่พัฒนาเลย
ดิฉันอยากบอกเอาไว้ว่า อายุก็มากขึ้นกันแล้วทั้งนั้น ประวัติศาสตร์ได้สอนให้เรารู้ว่า เมื่อไหร่ถ้าสร้างม็อบมาชนม็อบ มักจะมีปัญหาใหญ่ตามมา อันนี้อาจจะไม่ใช่ม็อบ แต่วิธีคิดยังเหมือนเดิมค่ะ ดิฉันขอเตือนเอาไว้นะคะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด