ยูดีดีนิวส์ : 20 ธ.ค. 62 เที่ยงวันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้มาสนทนาผ่านเฟสบุ๊คแฟนเพจในประเด็น "ปรากฏการณ์รัฐประหารต่อเนื่อง"
อ.ธิดากล่าวว่า เราได้ยินคำว่า "ฆาตกรต่อเนื่อง" แน่นอนว่ามันน่ากลัว ประชาชนก็ชูป้ายว่าให้ประหารชีวิตเพราะฆ่าคนมา 6 คนแล้ว แต่ในทัศนะของดิฉัน เราอยู่ในสถานการณ์ของการทำรัฐประหารต่อเนื่องจาก 2549 มาจนถึงปัจจุบัน 13 ปีมาแล้ว
ดิฉันอยากจะถามทุกท่านว่า "รัฐประหารต่อเนื่อง" กับ "ฆาตกรต่อเนื่อง" อันไหนมันรุนแรงและร้ายกาจ ส่งผลสะเทือนที่เลวร้ายต่อประชาชน ต่อสังคมมากกว่า ในขณะที่เรากำลังตื่นเต้นกับนายสมคิด พุ่มพวง ดิฉันอยากให้มองภาพใหญ่ ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจฆาตกรต่อเนื่อง แต่เราต้องสนใจการทำ "รัฐประหารต่อเนื่อง"
อาจจะไม่ใช่เป็นการทำลายชีวิต แต่ว่าการทำลายเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของคนหมู่มากในประเทศไทย รวมทั้งการทำลายอนาคตประเทศไทย ถ้าถามดิฉัน มันรุนแรงและหนักหน่วงกว่าฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งฆ่าทีละคน สร้างความหวาดกลัวให้กับสังคม
สำหรับปรากฏการณ์รัฐประหารต่อเนื่อง 13 ปี ดิฉันอยากจะให้พวกเรามองให้เห็นภาพ แน่นอนว่าเรามีรัฐบาล ซึ่งในทัศนะของดิฉันมันเป็นเหมือนโรงละครจอมปลอมของระบอบประชาธิปไตย มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตจจริง เป็นการแสดง
สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการทำรัฐประหารต่อเนื่องนั่นก็คือ แม้นมีรัฐสภา แม้นมีการเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ แม้นมีวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งแล้วมายกมือให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นคณะผู้ทำรัฐประหาร เพียงแค่นี้มันก็เห็นชัดเจนว่า มันเป็นการทำรัฐประหารต่อเนื่อง ก็คือคงอำนาจที่ต่อเนื่องของคณะรัฐประหาร แค่ประเด็นวุฒิสมาชิก
ยังไม่ต้องพูดถึงองค์กรอิสระ!
ยังไม่ต้องพูดถึงศาลรัฐธรรมนูญ!
ยังไม่ต้องพูดกลไกอื่น ๆ แม้กระทั่งกองทัพ!
ในการที่จะทำให้หนุนเนื่องการทำรัฐประหาร
ก็คือจาก 2557 มาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แต่ว่าเราไม่รู้สึกแตกต่างเลย โดยเฉพาะดิฉัน ยังรู้สึกว่าเราเหมือนกับอยู่ในการทำรัฐประหาร ก็ง่าย ๆ คือวันที่เราไปจัดงานมิตติ้งแฟนเพจ ปรากฎว่ายังมีคณะซึ่งพยายามที่จะเข้าไปรับฟัง ไปอัดเทป สอดแนม ดิฉันก็ถามว่าใช้กฎหมายฉบับไหน จนกระทั่งมีรัฐบาลประชาธิปไตยแม้จะปลอม ๆ แล้วก็ตาม แต่การใช้อำนาจยังเหมือนเดิม
เราจะเห็นว่าแม้กระทั่งในการโหวตคณะกรรมาธิการวิสามัญในการที่จะเอาผิดตรวจสอบการใช้อำนาจมาตรา 44 ตรวจสอบผลจากประกาศคำสั่ง คสช. ที่โหวตแพ้ไปแล้วก็ยังโหวตใหม่จนได้ นี่แสดงให้เห็นถึงการปกป้องการใช้อำนาจของ คสช. เดิม
สืบทอดแสดงให้เห็นในรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นปรากฏการณ์ของการที่หัวหน้า คสช. มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยแบบเก๊ ๆ ก็ยังแสดงความต่อเนื่องของอำนาจโดยการที่พยายามที่จะปกป้องไม่ให้ตัวนายกรัฐมนตรีมีความผิด
แม้กระทั่งการถวายสัตย์ ก็ไม่ไปมันดื้อ ๆ นั่นแหละ ในคณะกรรมาธิการที่ปราบปรามทุจริตที่ต้องการให้ท่านไปตรวจสอบ และการตรวจสอบอำนาจ คสช. กลัวแพ้ ก็โหวตใหม่ดื้อ ๆ เพราะฉะนั้นความพยายามที่จะปกป้องมันชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการทำรัฐประหารต่อเนื่อง
ล่าสุดการตั้งกรรมาธิการในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือโหมดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ทำไม่ได้ เพราะประชาธิปัตย์ไม่ยอม ยังไงก็ต้องทำ! แต่จะทำอย่างไร?
ถ้าเรามาดูตัวแสดงว่าเขาส่งใครไป ส่งตัวเอ้เลยอย่าง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ซึ่งทำเนชั่น ที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าผมเป็นแฟนคลับทั้งพิธีการ ทั้งรายการต่าง ๆ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่พูดอย่างนี้ แล้วไม่มีนายสนธิญาณไป เราก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน
แต่พอดีในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตรงไปตรงมาอย่างหนึ่งคือ เวลาไปถวายสัตย์ฯ ก็ไม่พูดเรื่องจะปกป้องรัฐธรรมนูญ แล้วก็เป็นแฟนคลับเนชั่น ก็พูดตรง ๆ แล้วก็ส่งนายสนธิญาณเข้ามาเป็นกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน, มีนายอุดม รัฐอมฤต, นายสิระ เจนจาคะ, นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นต้น
แค่ดูรายชื่อเหล่านี้เราก็จะเห็นว่า จริงใจที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญนี้ทำให้คณะรัฐประหารสามารถอยู่ได้ต่อเนื่อง และเมื่อท่านต้องการที่จะอยู่ยาว มันไม่มีเหตุผลที่ท่านจะไปทำลายรัฐธรรมนูญ ซึ่งกว่าจะได้มาแทบตาย ดังนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ
พอท่านตั้งนายสนธิญาณและท่านบอกท่านเป็นแฟนคลับ มันเป็นอะไรที่มันสะท้อนบอกมาชัด ๆ ว่าสถานการณ์การเมืองและความคิดของคณะ คสช. และรัฐบาลปัจจุบันนี้ ขึ้นมายังจุดที่พีคของการต่อต้าน คือระดับของการต่อต้านฝ่ายที่เห็นต่างขึ้นมาอยู่ในระดับสูงมาก
กล้าที่จะบอกว่าเป็นแฟนคลับของเนชั่นทีวี
กล้าที่จะแต่งตั้งคนเหล่านี้มาเป็นกรรมาธิการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
กล้าที่จะปฏิเสธและกล้าที่จะปกป้องตัวเอง แม้กระทั่งคุณปารีณา เมื่อเช้านี้ดูข่าวก็ทราบมาว่าคดีรุกป่า ตำรวจในพื้นที่ทำคดีไม่ได้แล้ว ต้องกลายเป็นว่ามาส่งให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ซึ่งไม่รู้ว่าจะเอามาดองกันท่าไหน นี่ก็คือความพยายามที่จะปกป้อง ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์, ทั้งตัวคุณปารีณาซึ่งกลายเป็นคนมีความสำคัญ คือมีลักษณะกล้าชนก็จะถูกเชิดชู ถูกนำเอามาใช้ในการที่จะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม
ถ้าเรามามองในกลุ่มของเครือข่าย "สถาบันทิศทางไทย" ซึ่งมี นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, ดร.สุวินัย ภรณวลัย, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, นายฉาย บุญนาค คนเหล่านี้เป็นจำนวนมากซึ่งเคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาก่อน พูดตรง ๆ ว่าพยายามจะตั้งสถาบันเพื่อเป็นฝ่ายวิชาการหัวหอกของพวกสุดโต่ง นอกจากนั้นก็มีค่ายเนชั่นทีวี แล้วก็ลุงกำนัน ซึ่งหนีบหมอวรงค์ในการที่จะเดินสายปลุกม็อบ
รวมความทั้งหมดมันเป็นปรากฏการณ์ซึ่งจะเรียกว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ มันต้องเกิดขึ้นมาจากการที่มีการตระเตรียม แน่นอน...ยุทธศาสตร์ ก็คือยังไม่พร้อมที่จะคืนอำนาจ และยังไม่พร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ว่าตัวเป้าหมายยุทธศาสตร์ตัวใหม่ที่ดิฉันเคยพูดไปแล้วก็คือพรรคอนาคตใหม่ คุณธนาธร แต่ไม่ได้ทิ้งเป้าหมายเก่านะ ทั้งคุณยิ่งลักษณ์ - ดร.ทักษิณ, พรรคไทยรักไทย, นปช. คนเสื้อแดง ทั้งหมดนี้ยังเป็นเป้าหมายยุทธศาสตร์เก่า ไม่ทิ้ง! อย่านึกว่าเขาไปโฟกัสที่คุณธนาธรแล้วพรรคเพื่อไทยจะสบาย ไม่ใช่ค่ะ เขากลัวว่ามันจะบวกกันแล้วจะยิ่งหนักเข้าไปอีก
ดังนั้นเป้าหมายยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้นมา เขาจึงต้องตระเตรียมตัวแสดงมากขึ้น นั่นก็คือสิ่งที่เตรียมไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในองค์กรอิสระ มันไม่เพียงพอ จึงต้องเตรียมจัดม็อบ เตรียมมีสถาบันทิศทางไทย แล้วใช้ตัวเอ้ ๆ เข้ามาประกบและป่วน ไม่ให้รัฐสภา ไม่ให้กรรมาธิการสามารถเดินหน้าได้
ทั้งหมดนี้แสดงออกถึงธาตุแท้ ดังที่ดิฉันบอกก็คือ คงไว้ซึ่งยุทธศาสตร์ ไม่คืนอำนาจให้กับประชาชนและประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทย ๆ ทั้งหมดนี้เป็นละครการแสดง แต่หัวใจสำคัญก็คือการทำรัฐประหารทั้งแต่ปี 2549 แต่ไม่สามารถจัดการเป้าหมาย คือ ดร.ทักษิณ และคณะได้ จึงมีการทำรัฐประหารในปี 2557 แต่เครื่องไม้เครื่องมือของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ทำเอาไว้ตั้งแต่รัฐประหารรอบก่อนและรอบนี้ ยังคงอยู่เหมือนเดิมทุกประการ
ดิฉันจึงของใช้คำว่า "รัฐประหารต่อเนื่อง" ร้ายกาจ รุนแรง สร้างความเสียหายยิ่งกว่าฆาตกรต่อเนื่องค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด
สืบทอดแสดงให้เห็นในรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นปรากฏการณ์ของการที่หัวหน้า คสช. มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยแบบเก๊ ๆ ก็ยังแสดงความต่อเนื่องของอำนาจโดยการที่พยายามที่จะปกป้องไม่ให้ตัวนายกรัฐมนตรีมีความผิด
แม้กระทั่งการถวายสัตย์ ก็ไม่ไปมันดื้อ ๆ นั่นแหละ ในคณะกรรมาธิการที่ปราบปรามทุจริตที่ต้องการให้ท่านไปตรวจสอบ และการตรวจสอบอำนาจ คสช. กลัวแพ้ ก็โหวตใหม่ดื้อ ๆ เพราะฉะนั้นความพยายามที่จะปกป้องมันชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการทำรัฐประหารต่อเนื่อง
ล่าสุดการตั้งกรรมาธิการในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือโหมดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ทำไม่ได้ เพราะประชาธิปัตย์ไม่ยอม ยังไงก็ต้องทำ! แต่จะทำอย่างไร?
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมในงานเครือเนชั่นเมื่อ 19 ธ.ค. 62 |
แต่พอดีในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตรงไปตรงมาอย่างหนึ่งคือ เวลาไปถวายสัตย์ฯ ก็ไม่พูดเรื่องจะปกป้องรัฐธรรมนูญ แล้วก็เป็นแฟนคลับเนชั่น ก็พูดตรง ๆ แล้วก็ส่งนายสนธิญาณเข้ามาเป็นกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน, มีนายอุดม รัฐอมฤต, นายสิระ เจนจาคะ, นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นต้น
ไพบูลย์ นิติตะวัน, สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, สิระ เจนจาคะ, อุดม รัฐอมฤต, สิระ เจนจาคะ |
พอท่านตั้งนายสนธิญาณและท่านบอกท่านเป็นแฟนคลับ มันเป็นอะไรที่มันสะท้อนบอกมาชัด ๆ ว่าสถานการณ์การเมืองและความคิดของคณะ คสช. และรัฐบาลปัจจุบันนี้ ขึ้นมายังจุดที่พีคของการต่อต้าน คือระดับของการต่อต้านฝ่ายที่เห็นต่างขึ้นมาอยู่ในระดับสูงมาก
กล้าที่จะบอกว่าเป็นแฟนคลับของเนชั่นทีวี
กล้าที่จะแต่งตั้งคนเหล่านี้มาเป็นกรรมาธิการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
กล้าที่จะปฏิเสธและกล้าที่จะปกป้องตัวเอง แม้กระทั่งคุณปารีณา เมื่อเช้านี้ดูข่าวก็ทราบมาว่าคดีรุกป่า ตำรวจในพื้นที่ทำคดีไม่ได้แล้ว ต้องกลายเป็นว่ามาส่งให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ซึ่งไม่รู้ว่าจะเอามาดองกันท่าไหน นี่ก็คือความพยายามที่จะปกป้อง ทั้งตัวพล.อ.ประยุทธ์, ทั้งตัวคุณปารีณาซึ่งกลายเป็นคนมีความสำคัญ คือมีลักษณะกล้าชนก็จะถูกเชิดชู ถูกนำเอามาใช้ในการที่จะปะทะกับฝ่ายตรงข้าม
เปิดตัว "สถาบันทิศทางไทย" |
ถ้าเรามามองในกลุ่มของเครือข่าย "สถาบันทิศทางไทย" ซึ่งมี นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, ดร.สุวินัย ภรณวลัย, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, นายฉาย บุญนาค คนเหล่านี้เป็นจำนวนมากซึ่งเคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มาก่อน พูดตรง ๆ ว่าพยายามจะตั้งสถาบันเพื่อเป็นฝ่ายวิชาการหัวหอกของพวกสุดโต่ง นอกจากนั้นก็มีค่ายเนชั่นทีวี แล้วก็ลุงกำนัน ซึ่งหนีบหมอวรงค์ในการที่จะเดินสายปลุกม็อบ
รวมความทั้งหมดมันเป็นปรากฏการณ์ซึ่งจะเรียกว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ มันต้องเกิดขึ้นมาจากการที่มีการตระเตรียม แน่นอน...ยุทธศาสตร์ ก็คือยังไม่พร้อมที่จะคืนอำนาจ และยังไม่พร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ว่าตัวเป้าหมายยุทธศาสตร์ตัวใหม่ที่ดิฉันเคยพูดไปแล้วก็คือพรรคอนาคตใหม่ คุณธนาธร แต่ไม่ได้ทิ้งเป้าหมายเก่านะ ทั้งคุณยิ่งลักษณ์ - ดร.ทักษิณ, พรรคไทยรักไทย, นปช. คนเสื้อแดง ทั้งหมดนี้ยังเป็นเป้าหมายยุทธศาสตร์เก่า ไม่ทิ้ง! อย่านึกว่าเขาไปโฟกัสที่คุณธนาธรแล้วพรรคเพื่อไทยจะสบาย ไม่ใช่ค่ะ เขากลัวว่ามันจะบวกกันแล้วจะยิ่งหนักเข้าไปอีก
ดังนั้นเป้าหมายยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้นมา เขาจึงต้องตระเตรียมตัวแสดงมากขึ้น นั่นก็คือสิ่งที่เตรียมไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในองค์กรอิสระ มันไม่เพียงพอ จึงต้องเตรียมจัดม็อบ เตรียมมีสถาบันทิศทางไทย แล้วใช้ตัวเอ้ ๆ เข้ามาประกบและป่วน ไม่ให้รัฐสภา ไม่ให้กรรมาธิการสามารถเดินหน้าได้
ทั้งหมดนี้แสดงออกถึงธาตุแท้ ดังที่ดิฉันบอกก็คือ คงไว้ซึ่งยุทธศาสตร์ ไม่คืนอำนาจให้กับประชาชนและประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทย ๆ ทั้งหมดนี้เป็นละครการแสดง แต่หัวใจสำคัญก็คือการทำรัฐประหารทั้งแต่ปี 2549 แต่ไม่สามารถจัดการเป้าหมาย คือ ดร.ทักษิณ และคณะได้ จึงมีการทำรัฐประหารในปี 2557 แต่เครื่องไม้เครื่องมือของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ทำเอาไว้ตั้งแต่รัฐประหารรอบก่อนและรอบนี้ ยังคงอยู่เหมือนเดิมทุกประการ
ดิฉันจึงของใช้คำว่า "รัฐประหารต่อเนื่อง" ร้ายกาจ รุนแรง สร้างความเสียหายยิ่งกว่าฆาตกรต่อเนื่องค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด