ยูดีดีนิวส์ : 5 เม.ย. 62 วันนี้ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวในการทำ Facebook Live ถึงสิ่งที่ที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้ออกมาพูดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งอ.ธิดาคิดว่าจะผ่านเลยไปโดยไม่ให้ความสนใจต่อสิ่งที่ท่านพูดนั้นก็คงไม่ใช่
สิ่งที่พล.อ.อภิรัชต์พูดนั้นแสดงความคิด ทัศนะที่มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของท่าน รวมทั้งคนอื่น ๆในกองทัพด้วยหรือเปล่า?
เพราะก่อนหน้าที่ท่านจะออกมาพูด ก็มีกรณีการเรียกคืนเกียรติยศจักรดาวของดร.ทักษิณ ชินวัตร และอื่น ๆ เป็นลำดับ ดังนั้นมันจึงทำให้มองเห็นว่าตัวละครสำคัญที่เป็นเป้าหมายนั้น ดร.ทักษิณก็กลายเป็นเป้าหมายที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้ มีความสัมพันธ์โยงอยู่ในระดับหนึ่งแน่นอน
วาทกรรมของพล.อ.อภิรัชต์ที่ขึ้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ก็คือ "ซ้ายจัด ดัดจริต" และ "จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง" ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาพอสมควร
เริ่มจากคำนิยามว่า "ซ้ายจัด" ในประเทศไทยนั้น...ใช่หรือไม่ใช่?
ถ้าท่านวิตกกับขบวนการประชาชน ขบวนการประชาธิปไตย หรือวิตกกับพรรคอนาคตใหม่อยู่ ท่านจะถือว่าเป็น "ซ้ายจัด" ไหม?
ในทัศนะของอ.ธิดา การเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ใช่ "ซ้ายจัด" เขาไม่ได้เรียกร้องสาธารณรัฐค่ะ ถ้าเขาเรียกร้องสาธารณรัฐนั่นหมายถึงว่าเขาเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คุณถึงจะไปเรียกเขาว่า "ซ้ายจัด"
อ.ธิดากล่าวต่อไปว่า แต่ดิฉันไม่คิดว่าพรรคอนาคตใหม่ หรืออ.ปิยบุตร แสงกนกกุล หรือขบวนการประชาชนต่าง ๆ ที่ท่านไม่ค่อยชอบใจ เช่นกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องเรื่องปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรียกร้องปัญหาความโปร่งใสของการเลือกตั้ง ปัญหาการใช้มาตรา 44 อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด หรือไม่พึงพอใจรัฐธรรมนูญ เป็นต้น อย่างนี้เขาไม่เรียกว่า "ซ้ายจัด"
แต่ดิฉันยอมรับว่าถ้าเป็นพวกเรียกร้องสาธารณรัฐ หรือเรียกร้องเป็นการปฏิวัติสังคมนิยม คือเลยประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไปแล้ว อาจจะคิดแบบหนึ่งก็คือไปสู่ประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ หรือประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม
แต่ดิฉันแปลกใจว่า ท่านผู้นำส่วนใหญ่ชอบแบบสังคมนิยมโดยที่ท่านอาจจะไม่เข้าใจแก่นแท้ของมัน เพราะนั้่นแหละคือ "ซ้ายจัด" เช่น ประเทศจีนทำอะไรก็ดีหมด
สำหรับอ.ปิยบุตร ต้องแยกท่านออกเป็น 2-3 ส่วน ปัจจุบันในฐานะ "นักการเมือง" สิ่งที่พรรคอนาคตใหม่เสนอนั้นเป็นการเสนอการเมืองการปกครองในระบอบอะไร ถ้าเขาเสนอการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะเรียกเขาว่า "ซ้ายจัด" ไม่ได้!
แต่บทบาทอ.ปิยบุตรในฐานะ "นักวิชาการ " ในอดีตที่ผ่านมา การวิเคราะห์วิจารณ์ระบอบการเมืองและการเปลี่ยนแปลงสังคมนั้นเป็นอีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งสามารถพูดได้ และตอนนี้เท่าที่เห็นสารพัดกลุ่มต่าง ๆ ออกมาโวยวาย ดูคล้าย ๆ ยุคสมัย 6 ตุลา ที่ออกมามองว่านี่เป็นขบวนการ "ซ้ายจัด"
อ.ธิดากล่าวว่า ถ้าเขามาทำพรรคการเมือง ซึ่งเป็นพรรคการเมืองในระบอบรัฐสภา ที่เขียนกติกาโดยคนของท่านนั่นแหละ จะเรียกว่า "ซ้าย" ไม่ได้นะ ดังนั้นการเข้ามาสู่เวทีรัฐสภา ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญที่ท่านเขียน จะเรียกว่า "ซ้าย" ไม่ได้นะคะ โดยเฉพาะที่ท่านเรียกว่า "ซ้ายจัด"
เมื่อท่านพูดถึงคำว่า "ดัดจริต" อ.ธิดา กล่าวว่า ที่จริงคำว่า "ดัดจริต" มันน่ารักนะ เพราะมันแปลว่าไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากดัดจริต ถ้า"ซ้ายจัด" จริงนะเขาไม่ทำสิ่งที่เรียกว่า "ดัดจริต" เขาจะบอกว่าเป็นพวก "ซ้ายไร้เดียงสา" ทำอะไรไม่เป็นได้แต่ดัดจริต ความหมายมันไม่ได้รุนแรง
แต่เนื้อหาที่ท่านพูดต่อมาว่า
"ใครพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตย"
"สิ่งที่คสช.ทำไม่ใช่ dictatorship"
หรือ "คนเหล่านี้ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองหรือเปล่า?"
หรือ "วาทกรรมประชาธิปไตยกับเผด็จการ"
หรือ "ปัญหาสื่อโซเชียล"
ทั้งหมดนี้ อ.ธิดากล่าวว่า ในเนื้อหาโดยรวมที่ท่านพูดนั้นมันแรงกว่าคำว่า "ซ้ายจัด ดัดจริต" แต่อ.ธิดาจำเป็นต้องให้นิยามว่า
- กลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตย
- กลุ่มที่เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
- กลุ่มที่ไม่ยินดีกับส.ว. 250 คน และไม่ยินดีกับประกาศคำสั่ง คสช.
กลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่ "ซ้ายจัด" แต่เขาเป็นเสรีชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
ยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้พรรคอนาคตใหม่มีแฟนคลับเป็นจำนวนมากที่เป็นเยาวชน หลายคนดูถูกว่าพวกนี้ถูกทำให้เป็นพวกฟ้ารักพ่อ แต่ดิฉันว่าจริง ๆ คนเหล่านี้เป็นพวกเสรีนิยม ไม่มีใครเป็นซ้าย เป็นคนชั้นกลาง เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นปัญญาชน ไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศเป็นสาธารณรัฐหรือสังคมนิยมแน่นอน!!!
สำหรับวาทกรรม "ประชาธิปไตยกับเผด็จการ" และท่านไม่สามารถยอมรับคำว่า "เผด็จการ" หรือ "dictatorship" ได้ โดยที่บอกว่าทุกวันนี้ที่เป็นอยู่มันไม่ใช่ dictatorship อ.ธิดากล่าวว่า ให้ท่านไปถามคนทั้งโลกเลยนะว่าใช่หรือไม่ใช่ (ยกเว้นคณะคสช.และคณะที่โปรท่าน)
การยึดอำนาจด้วยการทำรัฐประหาร
การมีประกาศคำสั่งมาตรา 44
การที่อยู่ในสภาพรัฏฐาธิปัตย์นี้
นี่ไม่ใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะปรากฎว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่ผู้ใช้มาตรา 44
ดังนั้นที่คุณบอก...ใครเปลี่ยนแปลงระบอบ คนที่เปลี่ยนแปลงระบอบก็คือคณะของท่าน เพราะขณะนี้ท่านเป็นเลขาธิการคสช.ด้วย ดิฉันไม่ได้กล่าวหาแต่ว่าไปตามเนื้อผ้าความเป็นจริง ว่าพิจารณาดูให้ดี ในขณะที่ไปโจมตีคนอื่น ที่เขาต้องการการเลือกตั้ง ต้องการนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่มีใครเขาเรียกร้องสาธารณรัฐ แล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องเผด็จการด้วย
ดังนั้นวาทกรรมประชาธิปไตยเผด็จการนั้นเป็นเรื่องจริงที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการที่ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไปเป็นระบอบอื่นมีแต่คนที่เรียกได้ว่าเป็น "ขวาจัด"
คนที่เป็น "ขวา" เป็นอนุรักษ์นิยมเฉย ๆ มีค่ะ
แต่ถ้า "ขวาจัด" เป็นอนุรักษ์นิยมบวกอำนาจนิยม ไม่ยินยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน และยินดีจะอยู่ไปชั่วฟ้าดินสลายเพราะบอกสงบเรียบร้อยดี
ส่วนคำที่บอกว่าไปเอามาจากที่อื่น มันต้องเป็นแบบไทย ๆ นั้น อ.ธิดาเห็นว่าเป็นวาทกรรมที่มีลักษณะชาตินิยมของพวก "ขวาจัด" เพราะคนที่เป็นเสรีนิยมวัฒนธรรมอารยธรรมเป็นของกลาง
อ.ธิดากล่าวว่า คนที่เรียกร้องประชาธิปไตยจะไม่ใช่เป็นคนที่ก่อสงครามกลางเมืองแน่นอน แต่คนที่ไม่ต้องการให้กงล้อประวัติศาสตร์หมุนไปข้างหน้าต่างหากที่ต้องการสงครามกลางเมือง ถ้าเราไปศึกษาประวัติศาสตร์อารยธรรมของมนุษย์ทั้งโลก คนที่เข้าใจเขาจะไม่ฝืนกงล้อประวัติศาสตร์ เพราะความเจริญอารยธรรมความรู้มันได้เรียนรู้เท่าทันกันหมด ความเท่าเทียมมันจึงพัฒนา
คนที่มองไปข้างหน้า คนที่ต้องการให้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ลักษณะที่ก้าวหน้าก็คือลักษณะที่คืนอำนาจให้กับประชาชน และนี่ไม่ใช่ "ซ้าย"
ในเวลานี้คำว่า "ซ้ายจัด" ในทัศนะของท่านน่าจะหมายถึงคนที่เรียกร้องสาธารณรัฐ ถ้าจะพูดว่าเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐหรือเป็นสังคมนิ ยมแบบจีน อาจจะเรียกว่า "ซ้ายจัด" และบอกได้เลยว่าในประเทศไทยขบวนการเหล่านี้ที่ท่านบอกว่าเป็นพวกซ้ายจัดอยากจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ดิฉันตอบได้เลยว่าไม่ใช่! เขาไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตรงกันข้าม กลุ่ม "ขวาจัด" นี่แหละเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาเป็นระบอบเผด็จการ เผด็จการในประเทศไทยมีลักษณะอนุรักษ์นิยมและอำนาจนิยม ซึ่งไม่เหมือนกับประเทศอื่น
ส่วนปัญหาสื่อโซเชียลที่ท่านบอกว่ามีอานุภาพ และนี่คือสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนนั้นเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าคุณเป็นเจ้าของสื่อแล้วจะครอบงำความคิดคนได้ นี่กลายเป็นอาวุธที่มีพลานุภาพซึ่งสามารถจุดประกายความคิดและส่งข้อมูลให้แก่ผู้คนได้อย่างมีอนุภาพ
สุดท้ายอ.ธิดากล่าวว่า ที่บอกว่า "ซ้ายจัด ดัดจริต" ความจริงไม่ดัดจริตยิ่งกว่าถ้ามีซ้ายจัดจริง แต่ในประเทศไทยสิ่งที่เป็นอยู่เป็นขบวนการและพรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่ใช่ซ้าย
แต่ "ขวาจัด" ต่างหากที่มีอยู่จริง เป็นกลุ่มคนซึ่งมีอำนาจจริง ใช้อำนาจอยู่จริง และกำลังบังคับให้คนอื่นคิดและทำเหมือนตัวเอง และ "ขวาจัด" นี้แหละมันร้ายกาจมาก ยิ่งกว่าดัดจริตเสียอีก ในการที่จะไม่ต้องการให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า