“ศิริกัญญา” มองเป็นข่าวดีได้ภาษีสหรัฐ 19% จี้รัฐบาลเปิดเงื่อนไขปิดดีล
สินค้าใดกระทบ แนะเตรียมเงินเยียวยาไว้เลย คาด ถ้า “ไทย-กัมพูชา”
ปะทะอีกโดนขู่ขึ้นภาษีอีกแน่ เหตุ การเสนอชื่อรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ยื่นได้ถึง
ต.ค. เชื่อ “ทรัมป์” หวังเป็น 1 คนที่ถูกเสนอชื่อ
วันที่
1 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 09.30 น.
ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน
ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ ที่ประเทศไทยได้ 19% ว่า หลังจากที่เราเห็นของประเทศอื่นด้วย 19% ถือเป็นข่าวดี
เพราะอยู่ในระดับเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
มาเลเซีย และกัมพูชา ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 20% ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
แม้ว่า 19% จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
แต่สิ่งที่น่ากังวลต่อไปคือเงื่อนไขต่างๆ ที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย
ซึ่งไม่ใช่ของประเทศไทยประเทศเดียว แต่รวมถึงประเทศอื่น
และเงื่อนไขที่ต้องมีทุกประเทศคือเงื่อนไขของสินค้าที่ต้องผ่านทางที่จะต้องถูกเก็บภาษีมากกว่านี้
แต่กลับไม่มีรายละเอียดว่าสินค้าประเภทไหนที่จะต้องผ่านทาง
โดยทางสหรัฐอเมริกาก็มีแนวคิดเข้มงวดในการตรวจสอบองค์ประกอบข้างในว่าเป็นของประเทศไหนมากกว่า
คือมีสัดส่วนที่ผลิตในภูมิภาคนั้นเท่าไหร่ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราขึ้น
รวมถึงกลไกต่างๆ ที่จะใช้ช่วยเหลือเยียวยา ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
ซึ่งไม่ใช่เกิดเฉพาะผู้ส่งออก
แต่รวมไปถึงเกษตรกรและการที่กำหนดสัดส่วนของวัตถุดิบภายในภูมิภาคสูงมากเกินไป
ก็อาจจะกระทบกับห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคนี้
เมื่อถามว่านายพิชัย
ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่ามีการเสนอนำเข้า 0% แต่อาจไม่ครบทุกรายการ
มีสินค้าใดบ้างที่น่ากังวล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า
สินค้าที่ถูกนำไปเปิดตลาดให้ลดภาษีลงเหลือ 0% ตนยังไม่แน่ใจว่ามีสินค้าอะไรบ้าง
แต่ที่น่าจับตามอง แน่นอนว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่ใช่จะลดภาษีนำเข้าเหลือ 0%
แต่คงจะมีการกำหนดเลยว่าจะนำเข้ากี่ล้านตันต่อปี เป็นต้น
หรือสินค้าเกษตรอื่นๆ ที่น่ากังวล จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู
เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว ที่มีความอ่อนไหว หากจะมีการเปิดตลาดให้กับสหรัฐ
แต่เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา
ก็มีการเปิดเผยว่าสินค้าสำคัญๆ จะไม่มีการเปิดตลาด เช่น ข้าว น้ำตาล เป็นต้น
แต่สุดท้ายคงต้องรอฟังเงื่อนไขทั้งหมดว่ามีการนำอะไรไปเจรจาบ้าง
รวมถึงเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการค้าด้วย
ซึ่งเราต้องให้ทางรัฐบาลเร่งรัดเปิดเผยโดยเร็ว เพราะเงื่อนไขต่างๆเหล่านี้ต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่ส่วนได้ส่วนเสีย
ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร หรือผู้ประกอบการอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ต้องทำให้เป็นไปตามมาตรา 178
ของรัฐธรรมนูญ การตกลงกันเรื่องการลงทุน การค้าต่างๆ
ที่อาจเกิดผลกระทบอย่างมหาศาลในระบบเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีการรับฟังความคิดเห็น
ในที่สุดต้องผ่านรัฐสภาให้ความเห็นชอบ
เมื่อถามถึงสินค้าบางประเภทที่สหรัฐใช้ต้นทุนสูง
ไทยอาจจะเปิดให้เข้ามาแข่งขัน เช่น ปลานิล เพราะไม่ค่อยกระทบคนไทย
แต่ขณะเดียวกันสินค้าที่กระทบคนไทย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อาจจะจำกัดมากขึ้น เช่น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เปลี่ยนจากรับของประเทศเพื่อนบ้านมารับจากสหรัฐแทน
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนว่าจะเป็นเงื่อนไขต่อมา
ในท้ายที่สุดเราจะไม่มีทางทราบเลยว่าหากเปิดจริงจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง โดยสินค้า 0% ตนคิดว่าทางรัฐบาลคงจะระมัดระวังอย่างที่สุด
เพื่อให้เกิดผลกระทบกับคนในประเทศน้อยที่สุด แต่เรายังไม่ทราบอยู่ดีว่า 90%
ของสินค้าทั้งหมดที่ไปเปิด 0% มีอะไรบ้าง เช่น
ปลานิล จริงๆ ก็มีชื่อว่าทิลาเพีย ไม่ได้มีแค่ปลานิลอย่างเดียว
อาจจะรวมถึงปลาทับทิมหรือปลาอื่นๆ ในวงศ์นั้นด้วย
ซึ่งต้องมาตรวจสอบรายละเอียดกันอีกครั้ง หากเป็นพิกัดศุลกากรของทิลาเพียนี้
จะมีสินค้าตัวไหนที่กระทบกับปลาภายในประเทศบ้าง เพราะบางครั้งก็ไม่ได้สู้กันตรงๆ
กับประเภทสินค้า หากนำมาแล้วเป็นสินค้าทดแทนได้และราคาถูกกว่า
ก็เป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น
ตอนที่มีปลาดอลลี่เข้ามาแล้วราคาถูก ทำให้ปลาอื่นๆ
ที่เป็นปลาน้ำจืดเกิดผลกระทบเช่นเดียวกัน
น.ส.ศิริกัญญา
กล่าวว่า ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ต้องรอฟังอย่างเดียวว่าจะเยียวยาให้เกษตรกรอย่างไร
เพราะที่ผ่านมามีการพูดถึงเรื่องนี้น้อยมากว่าการนำข้าวโพดจากสหรัฐเข้ามาจะกระทบกับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศแน่นอน
มีเพียงการกำหนดราคารับซื้อที่สูงขึ้นกว่าราคาตลาดนิดหน่อย
แต่กลายเป็นว่าผู้ประกอบการก็ไม่รับซื้อจากเกษตรกร ฉะนั้น
ต้องเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกรและพูดถึงเรื่องมาตรการเยียวยา
หากเราไปดูมาตรการที่อยู่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนใหญ่แล้วหมื่นกว่าล้านเป็นการให้สินเชื่อผู้ประกอบการที่อยู่ในภาคส่งออก เพื่อพยุงการก้าวงาน
แต่เกษตรกรกลับได้รับโดรนเพื่อการเกษตร
แต่ไม่ได้เยียวยาอย่างแท้จริงในเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
เมื่อถามว่าควรตั้งงบไว้เท่าไหร่
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตอนนี้จาก 1.57 แสนล้านบาทที่เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม
เพิ่งมีการอนุมัติไปแค่ 1.1 แสนล้านบาท ยังคงเหลืออยู่ 4
หมื่นกว่าล้านบาท
แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะมีการพูดคุยว่าต้องใช้ไปในเรื่องอื่นๆ เช่น
เรื่ององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ยังไม่ได้มีการอนุมัติงบในส่วนนั้น ดังนั้น
มีการตุนไว้แล้ว 4 หมื่นล้านบาท ที่อาจจะต้องใช้ในเรื่องอื่น
ไม่ใช่เรื่องการให้สินเชื่ออย่างเดียว แต่เป็นการ
เตรียมความพร้อมและเยียวยาผลกระทบ
ตนคิดว่าไม่เพียงพอเท่าไหร่ในการที่จะต้องเตรียมรับมือ
แต่ก็ยังมีงบกลางในส่วนของเงินใช้จ่ายสำรองฉุกเฉินและจำเป็น ซึ่งขณะนี้ขณะนี้มีการอนุมัติไปแล้วประมาณ
2 หมื่นกว่าล้าน จากที่สภาอนุมัติไป 9.6 หมื่นล้าน เท่ากับว่ายังมีเหลืออยู่ประมาณ 6 หมื่นล้าน
ขอให้รัฐบาลเร่งนำงบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินตรงนี้
มาเบิกจ่ายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่าหากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้ภาษี
19% เท่ากันมองว่าเป็นเพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่เราเสนอไปหรือว่าด้านความมั่นคง
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นปัจจัยของทุกเรื่อง
หนึ่งในเรื่องที่ในเรื่องที่ไทยได้ภาษี 19% เท่ากับกัมพูชาอาจมีปัจจัยเรื่องความมั่นคง
ร่วมด้วยเพราะท้ายที่สุดการเจรจาหยุดยิงก็เป็นผล
ซึ่งการหยุดยิงเกิดขึ้นจริงแม้จะล่าช้าไปเล็กน้อย
จึงทำให้ไทยและกัมพูชาไม่ได้อยู่ในเรทที่ถูกทำโทษ เพิ่มจากประเทศอื่นๆในภูมิภาค
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าเวียดนามได้ประกาศว่าภาษี
20% ก่อนประเทศอื่น จะเป็นตัวล่อเป้า ในการยื่นข้อเสนอของประเทศอื่นหรือไม่
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เห็นด้วย
เนื่องจากการเปิดข้อตกลงของเวียดนามก่อนเป็นการบรัฟแบบหนึ่ง
เพราะเวียดนามคงให้ข้อเสนอที่ค่อนข้างกว้างขวางในการเปิดตลาดสินค้าแทบทุกรายการ
ดังนั้นการที่หลายประเทศเห็นดีลของเวียดนามก่อน
จึงเป็นการกระตุ้นและหลายประเทศให้เปิดตลาดมากขึ้น เพื่อให้ได้
อัตราภาษีต่ำกว่าหรือเท่ากับเวียดนาม
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีอีก
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต
เพราะหลังจากที่มีการประกาศอัตราภาษีในหลายประเทศทั่วโลกออกมา
ไม่ทันขาดคำทรัมป์ก็ขึ้นภาษีแคนาดา จาก 25% เป็น 35% เนื่องจากการไปสนับสนุนปาเลสไตน์ จึงเป็นความไม่แน่นอน
ที่เราจำเป็นต้องอยู่กับมัน ภายใต้ประธานาธิบดีที่ชื่อโดนัลด์
ทรัมป์ที่ต้องเตรียมพร้อมหลายเรื่องในอนาคต ที่ไม่ทราบว่าจะออกมาตรการอะไร ประหลาด
ๆ ออกมาหรือไม่ แล้วต้องอย่าลืมว่ารายการสินค้าที่เคย ขึ้นมาก่อนหน้านี้
ก็มีการขึ้นต่อ เช่น ทองแดง แล้วก่อนหน้านี้การขึ้นภาษีที่ยังคงที่อยู่ที่ 25%
เช่น ส่วนรถยนต์
เป็นต้นเป็นสิ่งที่เราต้องจับตาดูต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้หรือไม่
เมื่อถามว่าการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาที่อาจจะยังไม่จบ
มีโอกาสที่ภาษีจะขึ้นอีกหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า
ถ้าการเจรจาหยุดยิงไม่เป็นผลและกลับมาปะทะกันใหม่
คิดว่าทางประธานาธิบดีสหรัฐอาจจะใช้จุดนี้ มาเป็นข้อเรียกร้องโดยการขู่ขึ้นภาษี
อีกรอบหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้
เพราะกำหนดการยื่นเสนอชื่อของผู้ที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
จะเกิดขึ้นต้นเดือน ต.ค. จึงแอบเดาว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
อยากให้มีคนเสนอชื่อเหมือนกัน
แล้วถ้าสามารถเจรจาให้เกิดการหยุดยิงได้ระหว่างไทยกับกัมพูชา
ก็อาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทรัมป์
ถูกเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้