วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เข้าพบผู้ว่าฯ กทม. หารือ 10 ข้อเสนอยกเครื่อง “พ.ร.บ. กทม.” ปลดล็อกการแก้ปัญหาประชาชน ปรับโครงสร้างให้ใกล้ชิดประชาชน เปิดกว้างต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน

 


กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เข้าพบผู้ว่าฯ กทม. หารือ 10 ข้อเสนอยกเครื่อง “พ.ร.บ. กทม.” ปลดล็อกการแก้ปัญหาประชาชน ปรับโครงสร้างให้ใกล้ชิดประชาชน เปิดกว้างต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน


วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 1 เสาชิงช้า พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าพบชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และทีมงาน เพื่อนำเสนอและรับฟังความเห็นของ กทม. ต่อข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ในการยกระดับการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร และการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528


พริษฐ์กล่าวว่า ถึงแม้ชาว กทม. จะมีโอกาสได้เลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดในพื้นที่ (ผู้ว่าฯ กทม.) โดยตรง แต่หลายปัญหาที่คน กทม. ต้องเผชิญนั้น กลับเป็นปัญหาที่ผู้ว่าฯ กทม. ไม่มีอำนาจในการแก้ไขได้เต็มที่ เช่น การกำกับดูแลระบบขนส่งสาธารณะ การเปิด-ปิดไฟจราจร การจับรถควันดำเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 การดูแลสายไฟฟ้า-ท่อประปา ดังนั้น การแก้ไข พ.ร.บ. กทม. พ.ศ. 2528 ให้สอดคล้องกับยุคสมัยและตอบโจทย์ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ได้มากขึ้นจึงเป็นประเด็นที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ให้ความสำคัญและสื่อสารกับ กทม. มาเป็นระยะ


โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 คณะกรรมาธิการฯ ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ. กทม. โดยมีรองผู้ว่าฯ กทม. มาร่วมให้ข้อเสนอแนะ ในเดือนตุลาคม 2567 คณะกรรมาธิการฯ จัดเสวนาระดมความเห็น โดยมีประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. มาร่วมแลกเปลี่ยน ในเดือนมกราคม 2568 คณะกรรมาธิการฯ ตั้งอนุกรรมาธิการมาจัดทำข้อเสนอเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ. กทม. โดยละเอียด และในเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการฯ จัดเวทีรับฟังความเห็นต่อข้อเสนอ โดยมีรองผู้ว่าฯ กทม. มาร่วมรับฟัง


นอกจากนี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กทม. ยังได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มรับฟังความเห็น ที่ได้ออกแบบไว้อย่างน่าสนใจในการช่วยทำให้ประชาชนเห็นว่า ข้อจำกัดของ พ.ร.บ. กทม. ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร (https://2528.bangkok.go.th)


พริษฐ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเสนอเบื้องต้นในการแก้ไข พ.ร.บ. กทม. ที่คณะกรรมาธิการฯ ได้จัดทำและยังอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น แบ่งออกได้เป็น 3 หมวด ดังนี้ 


หมวดที่ 1: “ปลดล็อก” กทม. ให้แก้ปัญหาประชาชน


1. ปลดล็อกอำนาจ กทม. ในการจัดทำบริการสาธารณะและแก้ปัญหาให้ประชาชนในเขตพื้นที่ กทม. โดยไม่ติดขัดฎหมายอื่น ซึ่งอาจใช้แนวทาง “Negative List” หรือการกำหนดให้ กทม. มีอำนาจเต็มที่ โดยมีการระบุข้อยกเว้นบางเรื่อง เช่น การทหาร เงินตรา ศาล


2. เพิ่มความเป็นอิสระของ กทม. ในการดำเนินนโยบาย โดยไม่เสี่ยงถูกขัดขวางจากส่วนกลาง เช่น ยกเลิกอำนาจส่วนกลางในการใช้ดุลพินิจเกินขอบเขต เพื่อยุบสภากรุงเทพฯ หรือปลดผู้ว่าฯ กทม.


3. ปลดล็อกให้ กทม. จัดเก็บค่าธรรมเนียม-ภาษี ออกพันธบัตร ตั้งบริษัท-วิสาหกิจ ร่วมมือกับเอกชนได้เองมากขึ้น โดยไม่ต้องรอส่วนกลาง


4. กำหนดให้การถ่ายโอนภารกิจ ต้องมาพร้อมกับการถ่ายโอนงบประมาณและอัตรากำลังคน ที่เพียงพอต่อภารกิจที่ได้รับโอน


หมวดที่ 2: “ปรับ” กทม. ให้ใกล้ชิดประชาชน


5. ปรับ กทม. ให้เป็นท้องถิ่น 2 ชั้น ที่มีผู้บริหารและสมาชิกสภาจากการเลือกตั้ง โดยชั้นบนคือผู้ว่าฯ กทม. และสมาชิกสภา กทม. (สก.) ส่วนชั้นล่างคือนายกเขต-กลุ่มเขต และสมาชิกสภาเขต-กลุ่มเขต (สข.)


6. ทำให้การเลือกตั้ง กทม. ทุกประเภท (ผู้ว่าฯ กทม. / สก. / นายกเขต / สข.) เกิดขึ้นพร้อมกันทุกๆ 4 ปี เพื่อเพิ่มการออกมาใช้สิทธิ และประหยัดงบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง โดยอาจใช้วิธีกำหนดให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และนายกเขต ต้องระบุรองฯ 1 คน ก่อนเลือกตั้ง เพื่อขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนหากผู้บริหารพ้นจากตำแหน่งก่อนหมดวาระ


7. ออกแบบระบบเลือกตั้ง สก. และ สข. ให้ได้ตัวแทนที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และมีความหลากหลาย


หมวดที่ 3: “เปิด” กทม. ให้ประชาชนมาร่วมขับเคลื่อน


8. ปรับปรุงกระบวนการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติ-ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่ง ให้เข้าชื่อออนไลน์ได้ และเพิ่มกระบวนการเข้าชื่อเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปในสภา-เสนอจัดประชามติ


9. กำหนดให้ กทม. เปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยยึดหลัก “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” และเพิ่มการมีส่วนร่วมของตัวแทนประชาชนในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง


10. ยกระดับการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) ให้กว้างขึ้น (เช่น ครอบคลุมหมู่บ้าน-คอนโดมิเนียม) มีหลายระดับมากขึ้น (เช่น ระดับชุมชน-หมู่บ้าน ระดับเขต และระดับ กทม.) และโปร่งใสแต่คล่องตัวขึ้น (เช่น ลดกระบวนการขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็น)


พริษฐ์กล่าวว่า หลังจากรับฟังความเห็นจาก กทม. เราจะนำความเห็นทั้งหมดมาประมวลผล และจัดทำเป็นรายงานเพื่อเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทันทีที่สภาฯ กลับมาเปิดสมัยประชุมในเดือนกรกฎาคม 2568 และเพื่อให้ สส. จากพรรคการเมืองต่างๆ สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการยกร่างและยื่นร่างกฎหมายเข้าสู่สภาฯ เป็นการถัดไป โดยในทางคู่ขนาน ตนรับทราบว่าทาง กทม. เองมีแผนจะจัดทำร่างของ กทม. ให้เสร็จภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า เพื่อนำเสนอกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลเป็นการต่อไป


ในเชิงกรอบเวลา แม้พรรคการเมืองต่างๆ จะเสนอร่างของตนเองเข้าไปตั้งแต่กลางปีนี้ ร่างดังกล่าวมีแนวโน้มจะถูกพิจารณาว่าเป็นร่างกฎหมายการเงินที่ต้องมีคำรับรองจากนายกรัฐมนตรี และแม้ได้คำรับรองแล้ว ก็อาจต้องรอคิวเป็นปีก่อนจะได้รับการพิจารณาในสภาฯ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยเดินหน้าทำงานร่วมกับ กทม. เพื่อเสนอร่างของ ครม. เข้ามาที่สภาฯ โดยเร็ว จะยังมีความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็น พ.ร.บ. กทม. ฉบับใหม่ก่อนสภาฯ หมดวาระ หรือแม้กระทั่งก่อนจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ครั้งถัดไปในกลางปีหน้า


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กมธพัฒนาการเมือง #กทม