“ศุภโชติ” ทวง 4 เรื่องใหญ่ปัญหาค่าไฟไม่คืบหน้า ชี้ชัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ปัญหา เรื่องที่ควรทำยังไม่ทำ กลับเดินหน้าโครงการที่มีปัญหา-ซ้ำเติมภาระค่าไฟประชาชน
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แสดงความเห็นถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าสิ่งที่ประชาชนรอฟังยังไม่มีความชัดเจน ทั้งเรื่องโครงการสำคัญอย่างการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, โครงการ LNG Terminal 3, แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ และการเปิดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดกับผู้ใช้ไฟฟ้า (Direct PPA)
ศุภโชติกล่าวว่า ค่าไฟที่เราแบกรับทุกเดือนไม่ได้เกิดจากต้นทุนพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการวางแผนที่ล่าช้า เอื้อกลุ่มทุน และขาดความโปร่งใส จึงขอทวงถามรัฐบาลอีกครั้งว่าเมื่อไหร่จะจริงจังแก้ปัญหาค่าไฟแพงให้คนไทยอย่างจริงใจเสียที โดยเฉพาะใน 4 เรื่องสำคัญ
(1) การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รอบ 5,200 เมกะวัตต์ และ 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งมีปัญหากระบวนการคัดเลือกเต็มไปด้วยข้อกังขา, ใช้อัตรา FiT เดิมจากปี 2565 ทั้งที่ต้นทุนโซลาร์และลมลดลงทุกปี ล็อกโควตาให้ผู้เล่นเดิม ตัดโอกาสผู้ประกอบการรายใหม่ ทำสัญญายาว 25 ปี กลายเป็นภาระค่าไฟในระยะยาว จากมติ กพช. 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้มีการเจรจาปรับลดราคารับซื้อโครงการโซลาร์ภายใน 45 วัน แต่ยืนยันใช้ราคารับซื้อเดิมสำหรับโครงการพลังงานลม และให้เดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ทันที
ข้อเสนอของตนคือควรยกเลิกการรับซื้อทั้งสองรอบ และหันมาผลักดัน Direct PPA ที่ไม่เป็นภาระกับผู้ใช้ไฟรายย่อย หรือหากไม่ยกเลิก ควรชะลอการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนและต้องเริ่มกระบวนการใหม่ที่โปร่งใสกว่าเดิม รวมถึงใช้หลักเกณฑ์ที่สะท้อนต้นทุนจริง เปิดโอกาสให้ผู้พัฒนาใหม่
(2) โครงการโรงเก็บและแปรสภาพก๊าซ (LNG Terminal 3) ปัจจุบันไทยมี LNG Terminal แล้ว 2 แห่ง แต่ใช้งานจริงเพียง 60–70% การสร้าง Terminal 3 อิงบนสมมติฐานเก่า ไม่สอดคล้องกับความต้องการจริง เสี่ยงกลายเป็นต้นทุนค่าไฟที่ประชาชนต้องแบกรับสถานะปัจจุบันของโครงการนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยยังไม่มีการทบทวนความจำเป็นอย่างโปร่งใส ข้อเสนอแนะของตนคือควรยกเลิกหรือชะลอโครงการ เพื่อป้องกันต้นทุนค่าไฟเกินจำเป็น และพิจารณายกเลิกมติ กพช. 2564/3 อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ต้นทุนของโครงการถูกผลักมาอยู่ในค่าไฟของประชาชน รวมถึงหันไปลงทุนในพลังงานหมุนเวียนที่มั่นคงและต้นทุนถูกกว่า
(3) แผน PDP ฉบับใหม่ ความสำคัญของแผน PDP คือการเป็นแผนแม่บทพลังงานของประเทศ แต่ที่ผ่านมามีความล้าหลังและเอื้อกลุ่มทุน ไม่มีพื้นที่ให้ประชาชนและธุรกิจขนาดเล็กเข้ามามีส่วนร่วม
ปัจจุบันรัฐบาลได้ยกเลิกร่าง PDP 2024 และเพิ่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่าง PDP ฉบับใหม่ คาดว่าจะได้ใช้ในปี 2026 ซึ่งข้อเสนอแนะของตนคือต้องทำให้แผน PDP ฉบับใหม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งพลังงานหมุนเวียน ต้นทุน และเทคโนโลยี เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชน นักวิชาการ และภาคธุรกิจ ไม่ใช่ร่างในห้องปิดอย่างที่ผ่านมา
(4) Direct PPA หรือการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง ปัจจุบันระบบไฟฟ้ายังผูกขาดกับรัฐและผู้เล่นรายใหญ่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารทางเทคนิค (Grid Code) และมีโครงการนำร่องเพียง 2,000 เมกะวัตต์ จำกัดเฉพาะ Data Center
ข้อเสนอของตนคือควรขยายปริมาณโครงการเกินกว่า 2,000 เมกะวัตต์และศึกษาความต้องการจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ เปิดสิทธิ์ให้กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะ Data Center และลดอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจทั่วไปเข้าถึงการซื้อขายไฟฟ้าได้จริง
ศุภโชติทิ้งท้ายว่า ค่าไฟแพงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนและการตัดสินใจทางนโยบายที่ผิดพลาดและไม่โปร่งใส วันนี้ถือโอกาสทวงถามแทนพี่น้องคนไทย รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้ใช้ไฟฟ้าที่ยุติธรรม โปร่งใส และราคาที่ประชาชนทุกครัวเรือนเข้าถึงได้จริง