วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

สส.เซีย จำปาทอง พรรคประชาชน แถลงยืนยันเนื้อหาของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานทั้ง 3 ฉบับ สร้างระบบการผลิตที่เป็นธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานบนหลักการสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่จะเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจไทยเพื่อสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน


สส.เซีย จำปาทอง พรรคประชาชน แถลงยืนยันเนื้อหาของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานทั้ง 3 ฉบับ สร้างระบบการผลิตที่เป็นธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานบนหลักการสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่จะเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจไทยเพื่อสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน


วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายเซีย จำปาทอง สส. พรรคประชาชน แถลงข่าวเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานทั้ง 3 ฉบับ สร้างระบบการผลิตที่เป็นธรรม ว่า เนื่องจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มีต่อ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ที่ยื่นโดย สส.พรรคประชาชน สัดส่วนเครือข่ายผู้ใช้แรงงานและคณะทั้ง 3 ฉบับ เป็นที่น่าเสียดายที่ กกร. ยังยึดกระบวนทัศน์ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจมิติเดียว และแข็งตึงว่าจะต้องมีค่าแรงที่ต่ำเพื่อดึงดูดนักลงทุน


โดยขอให้ กกร.ทบทวนแนวทางการแข่งขัน และถอยหลังออกมาจากจุดยืนของภาคเอกชนไทยว่าจะเป็นอย่างไรในการแข่งขันทางเศรษฐกิจบนเวทีโลก ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับกลางบน ในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะต้องมุ่งหน้าสู่ภาคการผลิตสมัยใหม่ อุตสาหกรรมใหม่


สิ่งที่พรรคประชาชนเสนอแนวทางคือ จะไม่สามารถแข่งขันในตลาดที่มีมูลค่าต่ำเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว นอกจากการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม นโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องสอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนผ่าน ไม่ว่าจะเป็น นโยบายด้านแรงงาน การอุดหนุนจากภาครัฐ สิทธิประโยชน์ด้านภาษีต่าง ๆ เพื่อให้มุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคต ดังนั้น เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จึงขอแสดงความเห็นต่อ กกร. ดังนี้


ฉบับที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของ นายจรัส คุ้มไข่น้ำ และคณะ ที่ กกร.ให้ความเห็นว่ามีผลกระทบ 3 ด้าน คือ


1. ความยืดหยุ่นทางการเงินของแรงงานไทยลดลง (Income Shock)


2. กำลังการผลิตของชาติลดลง และ 3. ระบบการจ้างงานซึ่งไม่เกิดผลดีต่อลูกจ้าง ซึ่งปัญหาที่ทาง กกร. อ้าง จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจชะลอตัว คิดว่าหากไม่ปรับมาตรฐานเวลาการทำงานที่เหมาะสม แรงงานก็จะขาดประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างผลิตผลที่ดีมีคุณภาพให้กับบริษัทได้


การกำหนดเวลา 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นั้นเหมาะสม และเป็นข้อเสนอที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของแรงงาน การลดชั่วโมงการทำงานจะทำให้แรงงานมีเวลาพักผ่อนมาก ทั้งยังเปิดโอกาสให้แรงงานได้ใช้เวลาว่างที่เพิ่มขึ้น เข้าอบรมพัฒนาทักษะ เพื่อปูพื้นฐานสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตต่อไป


ฉบับที่ 2 ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน และคณะ โดย กกร. เห็นว่าการออกกฎหมายฉบับนี้เป็นการออกกฎหมายที่เกินความจำเป็น เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองแรงงานในปัจจุบัน เป็นกฎหมายที่ครอบคลุมและดูแลลูกจ้างดีแล้ว ข้อเสนอนี้ กกร.ไม่มีเหตุผลอะไรมาโต้แย้งอย่างเป็นรูปธรรม อ้างเพียงว่ากฎหมายเดิมดีอยู่แล้ว แต่สำหรับตน กฎหมายฉบับนี้เป็นข้อเสนอที่ก้าวหน้าและเหมาะสมกับสถานการณ์ด้านแรงงานของไทยในปัจจุบัน แม้จะยังล้าหลังอยู่เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่ได้นำร่องบังคับใช้ไปแล้ว การห้ามเลือกปฏิบัติการจ้างงาน การมีมุมปั๊มนมหลังจากคุณแม่ลาคลอด การลาปวดท้องประจำเดือน เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ไม่ได้เป็นเรื่องเกินเลยใด ๆ ดังนั้น การยืนยันสิทธิเช่นนี้ จะช่วยตั้งค่าบรรทัดฐานตั้งแต่การเข้าสู่ตลาดแรงงานของแรงงานในระบบ ให้เที่ยงธรรมยิ่งขึ้น


ฉบับที่ 3 ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของนายเซีย จำปาทอง และคณะ โดย กกร. เห็นว่า การกำหนดให้เพิ่มบทนิยามคำว่า "การจ้างงานรายเดือน" เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะเป็นงานประจำและเต็มเวลา โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน เป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในการทำสัญญาเกินความจำเป็นและขัดต่อหลักเสรีภาพในการทำสัญญา


ภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคือ "นอกภาคการผลิต" การเพิ่มบทนิยมเพื่อป้องกันการผลักภาระของนายจ้างและผู้ว่าจ้างทำของ จะช่วยเพิ่มสวัสดิการและความมั่นคงของแรงงาน เมื่อแรงงานมีรายได้ที่มั่นคง เงินเหล่านั้นจะหมุนเวียนกลับไปอยู่ในมือผู้ประกอบการ คืนผ่านการซื้อสินค้าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนคนทำงาน จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้น และด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานให้ดีขึ้น จะเป็นหลักประกันว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเดินหน้าสู่การแข่งขันใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และเงื่อนไขใหม่กับนานาอารยประเทศ


นอกจากนี้ ขอยืนยันว่าเนื้อหาของกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ล้วนเป็นข้อเสนอของพี่น้องแรงงานที่เสนอผ่านรัฐบาลมาแล้วหลายยุคหลายสมัย แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใดนำมาดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้ผู้ใช้แรงงาน การเสนอกฎหมายที่ประชาชนเห็นด้วยผ่านการเลือกตั้ง สส. ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเข้าไปเสนอกฎหมาย ถือเป็นฉันทามติของประชาชน และขอยืนยันว่ากฎหมายทุกฉบับล้วนแล้วแต่ผ่านกระบวนการรัฐสภา เช่น การเปิดรับฟังความคิดเห็น มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน


การประชุมพิจารณากฎหมายในวาระ 1 กฎหมายทุกฉบับออกแบบมาเพื่อยืนยันบนหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐาน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งสอดคล้องกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ทั้งในการทำงานที่เหมาะสม สิทธิการลา การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจะเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจไทยที่นายจ้างและผู้จ้างอยู่ในสถานพึ่งพาอาศัยกันเพื่อสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #กฎหมายคุ้มครองแรงงาน