วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล (มายด์) #19ปีนวมทองไพรวัลย์

 


ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล (มายด์) #19ปีนวมทองไพรวัลย์


กล่าวในงาน 19 ปี 19 กันยายน 2549 ต่อต้านรัฐประหาร

 รำลึก “นวมทอง ไพรวัลย์” เมื่อ 31 ตุลาคม 2568

ณ สดมอนุสรณ์นวมทองไพรวัลย์

สนญ.นสพ.ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต


สวัสดีค่ะ สวัสดีทุกท่านค่ะ ก่อนอื่นขอรำลึกถึงลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ค่ะ เป็นอีกปีที่หนูได้รับเกียรติมาพูดตรงนี้นะคะ ก็นึกถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันและก็ยังคงสานต่อทางอุดมการณ์ถึงไม่รู้จักกันก็ตามนะคะ ปกติทุกปีหนูจะใส่เสื้อสีดำมา แต่ว่าปีนี้ไม่อยากใส่สีดำ แล้วพอดีว่าเสื้อเขียน “ปล่อยเพื่อนเรา” ก็เลยคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราคงต้องพูดอยู่เรื่องของการปล่อยเพื่อนเรา


ประเทศเรายังไม่หลุดจากวังวนรัฐประหารค่ะ ผ่านมากี่ปีก็ยังไม่หลุด ลุงพยายามต่อสู้มา 19 ปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หลุดค่ะ มายด์เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดคล้าย ๆ ลุงนวมทองว่า เกิดชาติหน้าขออย่าได้มาพบเจอการรัฐประหารอีก ก็อยากจะบอกว่าตอนนี้ประเทศไทยอาจจะไม่เหมาะกับการเกิดเลย ประเทศไทยไม่เหมาะ ถ้าอยากจะเกิดขอให้เลี่ยงประเทศไทยไปก่อน ไปเกิดที่ประเทศอื่นได้ แต่ว่าตอนนี้ประเทศไทยไม่เหมาะจริง ๆ


ที่ต้องพูดแบบนี้ก็เพราะว่าเรายังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักกี่ปีถึงจะหลุดจากวังวนของการรัฐประหาร รัฐธรรมนูญ 60 ที่เราใช้อยู่ตอนนี้ รัฐธรรมนูญ 60 ที่เราพยายามวิ่งออกจากมันอยู่ตอนนี้ เราก็ยังวิ่งออกจากมันไม่ได้สักที รัฐธรรมนูญ 60 ยังไม่ได้ถูกแก้ ยังไม่ถูกร่างใหม่ และมันยังคงให้อำนาจกับองค์กรต่าง ๆ เมื่อกี้หลายท่านก็ได้มีการพูดไปเหมือนกันอย่างเช่น ศาลรัฐธรรมนูญ สว. องค์กรอิสระต่าง ๆ คนเหล่านี้มีอำนาจล้นเกินและใช้อำนาจแบบที่ไม่ได้เห็นหัวประชาชน และเป็นอำนาจที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐธรรมนูญ 60 นี่แหละค่ะ


ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ คน 7 คนที่เราไม่ได้เลือกมา อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่าเขาจะไม่ให้ประชาชนอย่างเราเป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง คำพูดนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำค่ะว่า เราจะยังคงอยู่ในวังวนของการรัฐประหารแบบนี้และยังหลุดออกไม่ได้แน่ ๆ ในเร็ววัน ถ้าหากว่าประชาชนไม่ได้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยตัวเอง อย่าได้หวังว่าเราจะออกจากวังวนของการรัฐประหารจริง ๆ ถ้าหากมันมีรัฐธรรมนูญใหม่ที่กระท่อนกระแท่นแบบที่มีคนบางคนมาเลือกแทนเรา มาร่างแทนเรา มาเขียนแทนเรา ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามีจุดประสงค์ที่ดีกับเรา แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจประกันว่าเราจะออกจากวังวนได้จริง ๆ ค่ะ เพราะเราไม่ได้เขียนเอง


รัฐธรรมนูญ 60 นี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ยืนยันกับพวกเราได้อย่างหนึ่งอย่างชัดเจนว่า หลังจากนี้เป็นต้นไปถ้าหากจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ใครเป็นคนเขียนมันก็จะปกป้องคนนั้น รัฐธรรมนูญ 60 เราไม่ได้เขียน มันเลยไม่ได้ปกป้องประชาชนอย่างพวกเรา เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราอยากจะออกจากวังวนรัฐประหารนี้ให้ได้ รัฐธรรมนูญใหม่เราต้องเป็นคนเขียนเอง ถูกมั้ยคะ? ถ้าไม่เขียนก็อย่าไปหวังเลยว่าจะได้ออกนะคะ เพราะคนอื่นเขียน เราจะไปมั่นใจได้ยังไงก็ไม่รู้ ใครเป็นคนเลือกมาเราก็ไม่รู้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้เป็นคำวินิจฉัยที่น่ากลัวมากเพราะว่ารัฐสภาไม่ได้ถาม สภาไม่ได้ถามเลย สภาถามไปแค่ว่าจะต้องทำกี่ครั้ง ทำจำนวนครั้งเท่าไหร่ แต่ว่าศาลรัฐธรรมนูญเลือกที่จะตอบแถมมาด้วยในสิ่งที่ไม่ได้ถาม ซึ่งเป็นเรื่องผิดประเพณีผิดวิสัยมาก โดยปกติแล้วศาลจะไม่วินิจฉัยสิ่งที่เกินในสิ่งที่ถามมา แต่นี่เขาแถมมา แสดงว่าเป็นการแจ้งทราบ แจ้งสัญญาณบางอย่างว่า กำลังจะมีการร่างใหม่แล้ว แต่ได้แค่นี้ จะไม่ให้ประชาชนร่าง วรรคนี้เป็นวรรคที่น่ากลัวมาก


วรรคที่น่ากลัวนี้ถามว่าเราสามารถที่จะคัดค้านได้มั้ยคะ? เราไม่ได้เลือกคน 7 คนนั้นมา เราค้านได้มั้ยคะ? ควรได้ถูกมั้ยคะ? ปัญหาก็คือว่าไอ้รัฐธรรมนูญ 60 นี้มันไม่ให้อำนาจเราในการ ด่า/ถอดถอน/ลงรายชื่อ เพื่อเรียกร้องอะไรเขาโดยตรงได้เลยค่ะ เราไม่สามารถเอาศาลรัฐธรรมนูญออกเองได้ ณ ตอนนี้ มันต้องไปใช้กลไกผ่าน ป.ป.ช. ซึ่ง ป.ป.ช. ใครเลือกมา สว. สว.ที่มาจากรัฐธรรมนูญ 60 นี่แหละ ก็เป็นวังวนซ้ำกันแบบนี้ เพราะฉะนั้นความโปร่งใสมันเลยไม่เกิดขึ้น เราไม่สามารถใช้หรือเชื่อมั่นกลไกไหนได้เลยที่จะตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญให้กับเรา หรือถอดถอนเขาออกไป



ทีนี้ไอ้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้ หลายคนคงมองว่ามันต้องผูกพันทุกองค์กร ใช่มั้ย? เมื่อฟันมาแล้วใคร ๆ ก็ต้องทำตาม ถูกมั้ยคะ? แต่ในความเป็นจริงแล้วถามว่าสภาสามารถที่จะเป็นตัวสำคัญในการที่จะไม่ทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มั้ย? ทุกคนคิดว่าสภาสามารถทำให้เราเลือกตั้ง สสร. ได้มั้ยคะ? ได้!!! แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแบบนี้ แต่สภายังคงมีอำนาจในการที่จะทำให้ประชาชนสามารถเลือกตั้ง สสร. ได้ และจริง ๆ แล้วนักการเมืองที่อยู่ในสภาควรจะต้องเป็นคนที่หลังตรง ยืนยันอย่างแข็งแรงแทนประชาชนอย่างพวกเราที่อยู่ข้างนอก ว่าประชาชนต้องมีสิทธิเลือกตั้งผู้ที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เพราะนี่มันคือสิ่งที่ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตยค่ะ


ถ้าไม่ให้เราเป็นคนร่าง ถ้าไม่ให้เราเป็นคนเลือกผู้ร่าง แล้วก็บอกว่ารัฐธรรมนูญนี้มันอยู่ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร? มันจะตอบโจทย์กับการที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจได้อย่างไร? สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหลาย สมาชิกวุฒิสภาทั้งหลาย คนที่อยู่ในสภาสามารถที่จะเป็นเสียงหลักยันได้ ที่มายด์พูดแบบนี้เพราะว่าอะไรคะ เราจะได้เลือกตั้ง สสร. หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าร่างแก้ไขมาตรา 216 จะถูกแก้อย่างไร?

 

ตอนนี้เราหลายคนไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาก็คือว่าพรรคการเมืองค่ะ ดูเหมือนจะกังวลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็เลยพยายามออกแบบร่างแก้ไขมาตรา 216 ให้เป็นไปได้กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เราอาจจะรู้สึกว่าประตูของการแก้ไขรัฐธรรมนูญดูเหมือนจะเปิดแล้วใช่มั้ยคะหลังจากที่ร่างมันผ่านเข้าไป แต่มายด์อยากจะบอกอย่างนี้ค่ะว่า ประตูที่เปิดนั้นมันจะไปได้สุดทางหรือเปล่าเรายังไม่รู้นะคะ เพราะประตูที่เปิดนั้นมันเปิดภายใต้การเป็นไปได้กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญค่ะ มันเปิดพร้อมกับการที่พรรคการเมืองมองว่าร่างของสองร่างนี้ ร่างแบบนี้เท่านั้นมันถึงจะไม่ขัดคำวินิจฉัย แต่ถามว่ามันได้ยืนยันมั้ยว่าประชาชนจะสามารถเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง มันไม่ได้ยืนยันแบบนั้นค่ะ


แม้แต่ร่างของพรรคประชาชนเอง อันนี้มายด์ก็ต้องขอพูดโดยตรงเลย ร่างของพรรคภูมิใจไทยเราเห็นชัดอยู่แล้วว่าต้นน้ำเขาไม่ได้มีความคิดที่จะให้ประชาชนเป็นผู้เลือกเลย เขาจะจิ้ม ๆ เขาจะเลือก ๆ เอา แล้วก็ไปใช้แบบรัฐธรรมนูญ 40 ที่จะไปเป็นระบบแฝดกันกับการเลือก สว. ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นไป เราจะไม่ใช้คำว่าเลือกตั้งนะคะ เพราะการสมัครเข้าไปเลือกไม่ได้หมายความว่าเลือกตั้ง แต่หมายความว่าเลือกกันเอง คุณเข้าไปเลือกกันเอง โมเดลของภูมิใจไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นแบบนั้นค่ะ ไม่ได้สะท้อนเสียงของเราแน่นอน สภาจะเป็นคนเคาะคนสุดท้ายว่าใครจะเป็นคนเลือกบ้าง เราค้านไม่ได้เลย


โมเดลของพรรคประชาชนค่ะ มีต้นน้ำมาจากประชาชนก็จริง มีสภาคู่ขนานก็จริง แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นกลไกสภาในการเคาะคนค่ะ ถามว่าโมเดลแบบนี้ดูพยายามเปิดช่องให้มีส่วนร่วมมากที่สุดมั้ย? ก็ดูพยายามมาก ๆ เลยค่ะ ก็ชื่นชมเพื่อที่จะให้เป็นไปได้กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มายด์คิดว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือก่อนที่จะเสนอร่างที่มันเป็นไปได้กับคำวินิจฉัย ช่วยยืนยันว่าประชาชนอย่างเราต้องมีสิทธิในการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงก่อนได้มั้ย? นี่คือสิ่งที่มายด์พยายามยันมาตลอด เราพยายามยื่นกับพรรคการเมืองด้วย เราพยายามยื่นกับศาลรัฐธรรมนูญด้วย


และข้อกังวลของมายด์มากที่สุดก็คือ ถ้าหากว่าพรรคการเมืองเลือกที่จะยอมให้ร่างการแก้ไขมาตรา 216 ยอมให้โมเดล สสร. แคบออกไปแบบที่ประชาชนไม่ได้เป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง มายด์กังวลจริง ๆ ว่าสุดท้ายเราจะไม่ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนค่ะ แต่จะได้รัฐธรรมนูญครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่มากับการ compromise อะไรบางอย่างที่สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้เสียเปรียบอยู่ดี นี่ไม่ใช่การ compromise บนหน้ากระดานที่มีอำนาจต่อรองเท่ากันค่ะ มายด์เชื่อเลยว่าตอนนี้ไม่ใช่บนหน้ากระดานที่เรามีอำนาจต่อรองเท่ากัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่า compromise มายด์ก็ขอยืนยันว่า ขอให้ compromise บนจังหวะที่เรามีอำนาจต่อรองเท่ากันดีกว่า


จังหวะรัฐธรรมนูญตอนนี้ที่กำลังจะส่งผ่านออกไป มันเพิ่งผ่านวาระแรกไปค่ะ ร่างของสองร่างที่เข้าไปในสภา ก็ขอฝากทางพรรคการเมืองทั้งสองพรรคและหลาย ๆ พรรคที่จะเข้าไป ขอฝากว่าอย่างน้อยในชั้นวาระสอง ในชั้นกรรมาธิการที่ประชุมถกเถียงกัน อย่างน้อยขอให้พยายามเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาตีความให้ชัดก่อน ก่อนที่จะไปออกแบบร่าง หรืออย่างน้อยขอให้หาเหตุผลไปยันกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่าทำไมประชาชนต้องมีสิทธิในการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ยอมหมอบ ปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนครอบงำอำนาจรัฐสภา ไม่ใช่ยอมหมอบ ปล่อยให้ประชาชนเสียโอกาสอีกครั้งในการที่จะได้กำหนดอนาคตตัวเอง ถ้าหากเราอยากหลุดจากวังวนรัฐประหาร ประชาชนต้องได้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เราต้องเขียนรัฐธรรมนูญได้ด้วยตัวเองค่ะ


สิ่งสุดท้ายที่มายด์อยากจะฝากทุกท่านค่ะ แม้ว่ากระบวนการรัฐธรรมนูญทางรัฐสภามันดูจะยากมาก มันดูสับสนวุ่นวาย มันดูซับซ้อน มันดูเหมือนเป็นเรื่องแค่ของนักการเมือง แต่อยากให้ทุกคนตั้งสติให้ดีนะคะ เรื่องมันสับสนยังไงช่างมัน! เราห้ามสับสน อย่างแรกก็คือ เมื่อมันจะถึงการเลือกตั้งรอบหน้า ถ้าหากว่าท่านอยากเลือกใคร ท่านเล็งดี ๆ เรื่องไหนบ้างที่เราจะเช็คพ้อยท์ว่าเราจะเลือกเขา สำหรับตัวมายด์ มายด์มีเรื่องเช็คพ้อยท์อยู่ประมาณ 2 เรื่องใหญ่


อย่างแรกก็คือ พรรคที่มายด์จะเลือกพรรคถัดไปจะต้องเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมที่รวม 112 และ 110 ถ้าไม่ได้เห็นด้วยในการนิรโทษกรรมรวมสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่เลือกมัน เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้สนใจว่าจะให้ความเป็นธรรมกลับคืนมาเกิดขึ้นในสังคมอย่างไร มายด์จะไม่เลือกมัน


อย่างที่สองก็คือเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่ค่ะ ถ้าหากใครยืนยันเสียงได้ ยืนยันอย่างหนักแน่นได้ว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ประชาชนต้องเป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรงเท่านั้น มายด์จะเลือกค่ะ ถ้าไม่ใช่ ไม่เลือกค่ะ ถ้าแม้แต่ว่าจะพยายามเหมือนเปิดทาง ถ้าหากว่ากระบวนการเรายังมั่นใจไม่ได้จริง ๆ ก็ขออนุญาตที่จะไม่เลือกนะคะ



นอกเหนือจากการเลือกตั้ง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้อยู่ ๆ ออกมาประกาศเรียบร้อยแล้วว่าจะจัดการเลือกตั้งพร้อมทำประชามติในวันที่ 29 มีนาคม ถ้าเขาจัดพร้อมกันอย่างนั้นจริง ๆ คูหามันจะเยอะหน่อย บัตรเลือกตั้งอาจจะมี 3-4 ใบ มันจะวุ่นวายนิดนึง แต่ว่าคำถามประชามตินี้เขาให้ถาม 2 คำถาม คำถามแรกคือคำถามพื้นฐานมาก เราอยากเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่มั้ย? ถ้าเราเห็นด้วยเพื่อการร่างใหม่ เราก็ไปโหวต Yes ถูกมั้ยคะ? เราก็ไปเห็นด้วย


แต่คำถามที่สอง เขาจะถามว่า เราอยากได้กระบวนการในการร่างรัฐธรรมนูญ นั้นมั้ย แบบที่เป็น สสร. แบบเลือกตั้ง หรือ แบบ สสร. จิ้มเลือก ซึ่งจะเลือกตั้ง หรือจิ้มเลือกนี้ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อสภาแก้ไขมาตรา 216 เสร็จแล้ว ถ้าหากว่าโมเดลนั้นมันถูกครอบออกมาแบบภูมิใจไทย แบบหนักไปทางแต่งตั้งด้วย หนักไปทางเลือกกันเองด้วย เราจะอยากได้โมเดลสสร.แบบนั้นมั้ยคะ? ไม่ได้..ไม่เอา..ใช่มั้ย? ถ้าเราไม่อยากได้ คำถามที่สอง เราต้องโหวต No นี่คือจุดที่เราต้องตั้งสติ คำถามที่สองนี้สำคัญมาก


แต่ถ้าโมเดล สสร. มันออกมาเวิร์ค มันออกมาแบบที่มันเลือกตั้งเราได้ด้วย อาจจะมีสัดส่วนนิดหน่อย ลองดูก่อน แต่อย่างน้อยต้องมีเลือกตั้งทางตรง ถ้ามันเวิร์ค คำถามที่สองเราไปโหวต Yes กัน โอเคมั้ยคะ เรื่องมันจะยุ่งยากซับซ้อนหน่อย แต่เราอย่าไปสับสนกับมัน เราต้องตั้งสติให้ดี

 

ตอนไปเลือกตั้ง เลือกคนที่เรามั่นใจให้ได้ ตอนไปลงประชามติ ไปกาคำถามที่ถ้าหาก ข้อ 1 เราอยากแก้รัฐธรรมนูญ เราก็ไปโหวต Yes แต่ถ้าข้อ 2 เราไม่เห็นด้วยกับโมเดล สสร. นะ เราสามารถโหวต No ได้

 

เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องช่วยกันดูให้ดีว่าคำถามที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นจะออกมาเป็นอย่างไร โมเดล สสร. ที่จะคลอดออกมานั้นจะเป็นอย่างไร นี่คืออำนาจที่อยู่ในมือเราค่ะ ที่เรายังคงใช้มันได้ เรายังคงมีอำนาจตามระบอบประชาธิปไตยในการเลือกตั้ง เรายังคงมีอำนาจในการลงประชามติ และอย่างน้อยที่สุดเรายังคงมีอำนาจในการ ด่า/เรียกร้อง/ส่งเสียงพูดเข้าไปค่ะว่าเราต้องการอย่างไร ถึงแม้เรื่องมันจะดูยาก แต่ถ้าหากเราเป็นคนกำหนดว่าเราอยากได้ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นค่ะ ขอบคุณค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นวมทองไพรวัลย์ #19ปีนวมทองไพรวัลย์