วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“วิโรจน์” โวยกฎหมายล้าหลัง เปิดช่องรีดไถรถเครนสุจริต แนะกรมทางหลวงชนบทแก้ระเบียบให้สอดคล้องสากล-เลื่อนโครงการซื้อรถเครนออกไปก่อน หวั่นทำผิดกฎหมายเสียเอง

 


วิโรจน์” โวยกฎหมายล้าหลัง เปิดช่องรีดไถรถเครนสุจริต แนะกรมทางหลวงชนบทแก้ระเบียบให้สอดคล้องสากล-เลื่อนโครงการซื้อรถเครนออกไปก่อน หวั่นทำผิดกฎหมายเสียเอง


วันที่ 14 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึงงบประมาณของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม โดยเสนอให้ตัดงบประมาณในการจัดซื้อรถเครนของกรมทางหลวงชนบท จำนวน 7.56 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2569 ออกไปก่อน


โดยกล่าวว่า ปัจจุบันรถเครนในประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหากฎหมายที่บังคับใช้ไม่สอดคล้องกับหลักการทางวิศวกรรมของรถเครน รถเครนที่ผลิตจากโรงงานตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มีมาตรฐานความปลอดภัยครบถ้วน สามารถวิ่งใช้งานบนท้องถนนได้ทั่วโลก แต่กลับต้องมาถูกตำรวจไทยจับด้วยข้อหาน้ำหนักเกินบนท้องถนนของประเทศไทย ทั้งที่รถเหล่านี้ไม่ได้มีการดัดแปลงใดๆ เลย


ประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา จัดให้รถเครนอยู่ในกลุ่ม “รถเฉพาะกิจ” ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีน้ำหนักรวมเกินกว่ารถบรรทุกทั่วไป เนื่องจากรถเครนมีหน้าที่เพียงเคลื่อนย้ายตัวรถไปยังพื้นที่ปฏิบัติงาน และอยู่ในพื้นที่นั้นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ไม่ได้มีหน้าที่ขนถ่ายสินค้า หรือวิ่งขนส่งไปมาเหมือนรถบรรทุก แต่กฎหมายไทยกลับจัดให้รถเครนอยู่ในหมวดเดียวกันกับรถบรรทุก ทำให้รถเครนต้องถูกจับด้วยข้อหาบรรทุกเกิน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้บรรทุกอะไรเลย ไม่ได้มีการดัดแปลงแม้แต่น้อย รถเดิม ๆ จากโรงงานแท้ๆ กลับกลายเป็นผิดกฎหมาย


ยกตัวอย่างเช่น รถบรรทุก 6 ล้อ ปัจจุบันกฎหมายกำหนดน้ำหนักรวมไม่เกิน 15 ตัน แต่รถเครนที่ติดตั้งอุปกรณ์ครบชุดตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งประกอบด้วยเครน ขาเหยียบ น้ำหนักถ่วง และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ จะมีน้ำหนักรวมกว่า 16 ตันตั้งแต่ออกจากโรงงาน ซึ่งหมายความว่าพอรถวิ่งออกมาใช้งาน ก็พร้อมถูกจับได้ทันที หากจะไปดัดแปลงเอาน้ำหนักถ่วงออก เวลายกของหนักๆ เพลาหน้าก็จะลอย เสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ


สุดท้าย รถเครนที่ควรใช้เพื่อการยกของ กลับต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือให้ “ไถ” และหากไม่ยอมจ่ายค่าไถซึ่งสูงถึง 70,000 บาท ก็จะถูกทำสำนวนริบรถ ทั้งที่รถเครนไม่ใช่ของราคาถูก รถเครน 6 ล้อ ราคากว่า 4 ล้านบาท และถ้าเป็นสเปคสูงกว่านั้น ราคาก็อาจแตะหลักสิบล้านบาท และสิ่งที่น่าเศร้าก็คือ เวลาที่ประเทศเกิดภัยพิบัติ หน่วยงานราชการก็ต้องไปขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถเครนให้เอารถออกมาช่วย พร้อมบอกว่า “คราวนี้จะยกเว้นไม่จับ เดี๋ยวภัยพิบัติผ่านไปค่อยว่ากันใหม่”


ปัญหานี้มีสาเหตุมาจาก ประกาศผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน และผู้อำนวยการทางหลวงสัมปทาน รวมถึงประกาศกรมทางหลวง ที่ คค0643/530 เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตให้ยานพาหนะเดินบนทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2548 ซึ่งทั้งอธิบดีกรมทางหลวง อธิบดีกรมทางหลวงชนบท และแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต่างทราบกันดี แต่แทนที่จะเร่งแก้ไขกฎหมาย และจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ทางอย่างสมเหตุสมผลเพื่อเพิ่มรายได้รัฐ กลับปล่อยให้เกิดการรีดไถกันไม่จบไม่สิ้น


ในปีงบประมาณ 2569 กรมทางหลวงชนบทมีแผนจัดซื้อรถเครน 6 ล้อ พร้อมเครนยกไม่น้อยกว่า 10 ตัน-เมตร จำนวน 2 คัน ราคาคันละ 3.78 ล้านบาท รวมงบประมาณ 7.56 ล้านบาท ซึ่งหากยังไม่มีการแก้ไขกฎหมาย ก็เท่ากับว่ากรมทางหลวงชนบทกำลังจะซื้อครุภัณฑ์ที่ “ผิดกฎหมาย” เสียเอง


ตนทราบมาว่าตอนนี้ ผู้ประกอบการรถเครนหลายรายทนการถูกไถไม่ไหวแล้ว จึงกำลังระดมอาสาสมัครพลเมืองดีไปเฝ้าตามแขวงทางหลวงและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีรถเครน เมื่อใดที่รถเครนของกรมทางหลวงหรือกรมทางหลวงชนบทออกมาวิ่งบนทางหลวง พลเมืองดีเหล่านี้ก็จะไปแจ้งความให้ตำรวจมาจับกุมดำเนินคดีทันที ท่านอธิบดีกรมทางหลวง และอธิบดีกรมทางหลวงชนบท รับผิดชอบไหวหรือไม่


ดังนั้นขอเสนอให้ตัดงบประมาณในการจัดซื้อรถเครนของกรมทางหลวงชนบท จำนวน 7.56 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2569 และให้กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทดำเนินการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับรถเครนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อไม่ให้รถเครนที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและถูกต้องตามหลักวิศวกรรม กลายเป็นผิดกฎหมายเพียงเพราะกฎหมายล้าหลังและไม่สมเหตุสมผล สร้างความเดือดร้อนและเปิดช่องให้มีการรีดไถผู้ประกอบการที่สุจริตอย่างไม่เป็นธรรม และเมื่อกฎหมายได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ในปีถัดไปจึงค่อยมาของบประมาณเพื่อจัดซื้อรถเครนอีกครั้ง

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #ประชุมสภา #อภิปรายงบประมาณ #งบ69 #กรมทางหลวง