วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

"ณัฐพงษ์" ยัน ปชน.ไม่มีดีลลับ ยังไม่ตัดสินใจเลือก พท.-ภท. แก้วิกฤตหาตัวนายกฯ คนใหม่ เผย ประชุมพรรค 1 ก.ย.นี้ รู้ชัด ย้ำ 3 เงื่อนไขก่อนยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ชี้กรอบ 4 เดือนเหมาะสม พร้อมประกาศ ไม่โหวต ‘พลเอกประยุทธิ์’ เป็นนายกฯ

 


"ณัฐพงษ์" ยัน ปชน.ไม่มีดีลลับ ยังไม่ตัดสินใจเลือก พท.-ภท. แก้วิกฤตหาตัวนายกฯ คนใหม่ เผย ประชุมพรรค 1 ก.ย.นี้ รู้ชัด ย้ำ 3 เงื่อนไขก่อนยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ชี้กรอบ 4 เดือนเหมาะสม พร้อมประกาศ ไม่โหวต ‘พลเอกประยุทธิ์’ เป็นนายกฯ 


วันนี้ (30 สิงหาคม 2568) ที่โรงแรมคอนราด นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวการดีลพรรคประชาชนให้ยกมือสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แลกตำแหน่งรัฐมนตรี 8 เก้าอี้ ว่า ยืนยันว่าไม่มีดีล วัตถุประสงค์ของพรรคประชาชนคือต้องการใช้ 143 เสียง เพื่อผ่าทางตันทางการเมืองให้กับประเทศโดยที่เราไม่ร่วมรัฐบาล เราปฏิเสธไม่รับการเจรจาใต้โต๊ะ หรือหลังบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น หากไม่ได้ส่งกรรมการพรรคของพรรคเข้ามาพูดคุยกับตนหรือผู้บริหารพรรค เพื่อแสดงเจตจำนงหรือรับข้อเสนอ


"สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตถึงจะมีการเจรจาบนโต๊ะแต่ยังมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ล้มดีล ฉีกเอ็มโอยูที่ทำไว้ต่อประชาชน ในครั้งนี้ผมในฐานะหัวหน้าพรรคขอไม่รับข้อเสนอใด ๆ ที่ไม่มีการแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจน"


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า วันนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจจากกรรมการบริหารพรรคและ สส. ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 1 ก.ย.ช่วงบ่าย ทีโออาร์ที่ทางพรรคเปิดออกไปเป็นข้อเสนอที่ทุกพรรคที่ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากได้ และจำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคประชาชน ก็จำเป็นต้องยอมรับตามข้อเสนอของเรา


ทั้งนี้การให้ข่าวหรือการบอกว่าไปแอบเจรจากับใครลับหลังโดยที่ไม่เจรจากับตนกับผู้บริหารพรรคโดยตรงไม่รับข้อเสนออย่างเป็นทางการใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการฟังข่าวอย่างเป็นทางการ สถานการณ์ตอนนี้ตนเชื่อว่ามีการปล่อยข่าวโคมลอย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการจัดตั้งรัฐบาล


โหวตนายอนุทินเป็นนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนต้องมีการสื่อสารทั้งภายในพรรคเองและภายนอก รวมถึงผู้สนับสนุนพรรค เราตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมือง สถานการณ์ในประเทศที่รุมเร้าอยู่หลายด้านการที่มีรัฐบาลที่ชอบธรรมจากการเลือกตั้งประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


เมื่อถามว่าสุดท้ายหากพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยรวมกัน เพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ จะทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนช่วยประเมินฉากทัศน์ และยืนยันว่าถ้าตอนนี้มีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคประชาชนไม่สามารถโหวตให้ได้แน่นอน


ส่วนท่าทีที่มีการพูดคุยเมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) กับพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เป็นการพูดคุยที่ให้เกียรติกันในฐานะนักการเมือง และผู้บริหารพรรคจะสามารถเชื่อใจพรรคภูมิใจไทยได้มากน้อยขนาดไหน อยู่ที่การจัดรัฐบาลเสียงข้างน้อย


รวมถึงการใช้จำนวนเสียง สส.ของพรรคประชาชนที่เรายืนยันว่าจะทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน และกรอบระยะเวลา 4 เดือน หากมีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่สมควร หรือทำให้กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงเราพร้อมที่จะใช้จำนวนเสียงในสภาในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที


ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงกรอบเงื่อนไขการยุบสภา 4 เดือน ว่ามีการพูดคุยกันในพรรคแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอเรื่องการทำประชามติ เพื่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง และเห็นว่ากรอบ 4 เดือนหลังจากที่แถลงนโยบายต่อสภา จะเริ่มเห็นความชัดเจน ว่าการทำประชามติ พร้อมการทำเลือกตั้งจะเป็นคำถามแบบใด ถือเป็นกรอบเวลาที่ได้กำหนดไว้แล้ว ไม่มีช้าไปกว่านี้ หลังจากมีข้อเสนอ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขยายให้เป็นยุบสภาเป็น 6 เดือน เชื่อว่าเป็นกรอบที่ทำทันและเหมาะสมในการทำประชามติ


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการชิงยุบสภา ถ้าหากเพื่อไทยใช้จังหวะนี้ในการยุบสภา ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยจะใช้แนวทางนี้คงยุบสภาไปนานแล้ว ตามข้อเรียกร้องของพรรคประชาชน แต่ตอนนี้มีการพยายามให้ข่าวว่า เรื่องอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีในการยุบสภา มองว่า เป็นเพราะเพื่อไทยต้องการคุมอำนาจ และสร้างอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมที่เพื่อไทยต้องการคุมเสียง เชื่อว่าทุกคนมองออกได้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตในความจริงใจของการใช้อำนาจยุบสภาของพรรคเพื่อไทย ถ้าหากจริงใจก็คงไม่ต้องรอถึงวันนี้


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวลือว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ไม่ทราบในรายละเอียด ย้ำว่าพรรคประชาชนจะรับพิจารณาเฉพาะพรรคการเมือง ที่มาพูดคุยด้วยตัวเองเท่านั้น


ทั้งนี้ยังกล่าวถึงการตัดสินใจที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรค การเมืองว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยว่า ตนมีเป้าหมายคือการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งหมายถึงการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้งใหม่ เลือกรัฐบาลชุดใหม่ และตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร แต่จะใช้เสียง 143 เสียงของพรรคในการโหวตนายกต้องสอดคล้องกับการเดินหน้าเลือกตั้งในวันที่เหมาะสม


นายณัฐพงษ์ยังเปิดเผยว่าในช่วงสองสามวันนี้จะมีการลงนาม MOU สนับสนุนการโหวตนายกรัฐมนตรีกับพรรคการเมืองที่ได้ตอบรับข้อเสนอพรรคประชาชน และเชื่อว่าจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพุธที่ 3 ก.ย.นี้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน