อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ : 15 ปี
– 16 ปี รำลึกการต่อสู้เพื่อต่อต้านเผด็จการทหาร (นับจากปี
2552 เป็นต้นมา)
เรื่องราวการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี
2552
ปฐมบทของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงจนถึงปัจจุบัน
คือ เริ่มต้นจากการต่อต้านรัฐประหาร 2549
และการใช้อำนาจจากการทำรัฐประหารเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ กติกาต่าง ๆ ใหม่
และทำให้ระบอบประชาธิปไตยไทยถอยหลังไปกว่า พ.ศ. 2540
การเกิดขึ้นของการต่อต้านรัฐประหาร
นำไปสู่สีเสื้อแดง อันเนื่องจากการรณรงค์ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 2550
ซึ่งเขียนจากกลไกนักวิชาการของคณะรัฐประหาร ไม่ได้มีที่มาจากประชาชนแบบรัฐธรรมนูญ
2540 สีแดงจึงเท่ากับสัญลักษณ์ Vote No
การเกิดขึ้นของนปก.และนปช.
มาจากการรวมตัวของกลุ่มต่าง ๆ เป็นแนวร่วมที่มีเป้าหมายร่วมกัน
คือต่อต้านรัฐประหาร ไม่ใช่แนวร่วมการปฏิวัติเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
และไม่ใช่ฐานะพลพรรคเพื่อไทย แต่ผลจากการเป็นแนวร่วมต่อต้านรัฐประหาร
ทำให้กลายเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายเผด็จการจารีตนิยม
ที่ทำให้การเมืองถอยหลังและเป็นแนวร่วมกับพรรคเพื่อไทย (ไทยรักไทย)
ที่ถูกกระทำจากเผด็จการจารีตนิยม
มีการจับแกนนำนปก.ติดคุกครั้งแรก
เมื่อนำมวลชนไปประท้วงหน้าบ้านสี่เสา และถูกดำเนินคดีต่อมาจนติดคุกไปแล้ว คือคุณวีระ
มุสิกพงศ์, คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และวิภูแถลง พัฒนภูมิไท
ส่วนคนอื่น ๆ มีทั้งที่ยังดำเนินคดีอยู่, เสียชีวิต และหลบหนีขาดอายุความ
จากนั้นมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาล
สมัคร สุนทรเวช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ การสิ้นสุดหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ สมัคร
สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้วนเกิดจากศาลรัฐธรรมนูญ
และการกดดันจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)
ที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล, สถานีโทรทัศน์ NBT, สนามบินดอนเมือง
และสนามบินสุวรรณภูมิ จนถึง 17 ธันวาคม 2551 ได้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ในปี
พ.ศ. 2552 มีการชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม
2552 ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลที่สะพานชมัยมรุเชฐจนถึงวันที่ 13 เมษายน 2552
โดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 11 เมษายน ที่ชลบุรี
แล้วมาประกาศที่กทม.และปริมณฑลจนถึงนครปฐม, สมุทรปราการ, ปทุมธานี,
พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ วันที่ 12 เมษายน
เตรียมหน่วยทหารเพื่อปราบปรามเต็มที่ทุกช่องทาง เริ่มจากวันที่ 12 เมษายนนั้นเอง
ในที่สุด
แกนนำขณะนั้นที่เหลือ 3 คน ในวันที่ 14 เมษายน
ก็ประกาศยุติการชุมนุมเพื่อป้องกันความเสียหายถึงแก่ชีวิตของผู้ชุมนุม
เมื่อทราบข่าวแน่นอนว่ารัฐบาลและกองทัพเตรียมล้อมปราบ
ปิดทุกช่องทางในการเข้าสู่ที่ชุมนุม
มีการประสานงานจาก
นพ.เหวงและดิฉัน (นางธิดา โตจิราการ) ผ่านนายตำรวจผู้ใหญ่ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เอ่ยชื่อในฐานะผู้ประสานงานเวลานั้น
คือ พันตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ในการนัดหมายเอารถบัสมารับประชาชนกลับบ้านโดยปลอดภัย
แสดงว่าฝั่งแกนนำยุติเอง ทั้งที่ยังไม่มีการเผชิญหน้ากับทหารแต่ประการใด และคิดว่าคุณวีระ
มุสิกพงศ์ ก็คงจะประสานไปยัง ผบ.ตร. ด้วย
การชุมนุมครั้งนั้นมีมวลชนมาร่วมเป็นจำนวนมาก
ในบางวันหลายแสนคน กว่าสามแสนคน แต่ไม่มีการบุกรุกเข้าทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด
กล่าวได้ว่า บริเวณในที่ชุมนุมและทำเนียบรัฐบาล ไม่มีความรุนแรงใด ๆ
ย้อนมาเมื่อวันที่
13 เมษายน กำลังทหาร-ตำรวจ สลายการชุมนุมที่แยกดินแดง มีผู้บาดเจ็บตามรายงานแพทย์ฉุกเฉิน
70 คน และเสียชีวิต แต่ไม่พบศพ เพราะมวลชนแจ้งว่าศพถูกเจ้าหน้าที่ขนไป
แต่กระทรวงสาธารณสุขสรุปยอดผู้บาดเจ็บเหตุปะทะ 135 ราย นอนโรงพยาบาล 50 ราย
อยู่ไอซียู 4 ราย
กรณีมีการเผารถเมล์หรือพยายามเผารถแก๊ส
ล้วนเกิดนอกสถานที่ชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถจับตัวการได้ ได้แต่เหมาลอย ๆ
ว่าเป็นความรุนแรงจากผู้ชุมนุม และเป็นสถานการณ์ที่สร้างขึ้นโดยมีทั้งมวลชนจัดตั้งฝ่ายจารีตและเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อรองรับการปราบปรามรุนแรง
จนมีผู้บาดเจ็บนับร้อยและเสียชีวิตไม่ทราบจำนวน
กรณีความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุม
กรณีพัทยา
ที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนตะวันออก ครั้งที่ 4
มีผู้ชุมนุมเดินทางไปยื่นหนังสือถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ที่จัดตั้งโดยไปร่วมที่ค่ายทหาร แต่มีการจัดตั้งมวลชนสีน้ำเงินมาปะทะ
โดยการสนับสนุนของเจ้าหน้าที่รัฐร่วมอยู่ในสถานที่เดียวกับชายชุดน้ำเงิน
เหตุการณ์บานปลาย ผู้ชุมนุมจึงมีการถอยร่นกลับไปยังโรงแรมที่ประชุม
กลายเป็นการบุกรุกเข้าสถานที่นั้น ถือเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น
ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐจัดให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย ทั้งที่สามารถห้ามปรามได้
เพราะคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมไม่มีอาวุธ
จากข่าว
“อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” นำผู้ชุมนุมไปที่พัทยา
โดยเจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี
เพื่อขอยื่นหนังสือกับตัวแทนสำนักงานเลขาธิการอาเซียน แล้วจะเดินทางกลับ
โดยยืนยันจะไม่ขัดขวางการประชุมในวันที่ 11 เมษายน
หลังจากเกิดเหตุการณ์
ก็ได้แถลงข่าวถึงสาเหตุที่ต้องกลับเข้ามาภายในโรงแรม โดยกล่าวว่า
ถูกคนเสื้อน้ำเงิน ยิง/ตี ได้รับบาดเจ็บ
สรุปว่า
การชุมนุมปี 2552 ตั้งแต่ 26 มีนาคม – 14 เมษายน
ไม่มีการบุกรุกเข้าสถานที่ราชการและยึดทำเนียบรัฐบาล
โดยสถานที่ชุมนุมอยู่ที่สะพานชมัยมรุเชฐ, หน้าทำเนียบรัฐบาล
แล้วแกนนำก็ยุติการชุมนุมในวันที่ 14 เมษายน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการปราบปราม มีการบาดเจ็บกว่า
135 คน และผู้สูญเสียชีวิต กล่าวกันว่าไม่พบศพ มีพบ 2 ราย แต่การตายไม่ต่ำกว่า 6
ราย
การกล่าวอ้างความรุนแรงที่เกิดขึ้น
เกิดนอกพื้นที่ชุมนุมทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่สามเหลี่ยมดินแดง หรือการนำรถแก๊สมาจอด
อ้างว่าผู้ชุมนุมเสื้อแดงจะเผา
ซึ่งไม่มีเหตุผลที่จะไปเผาที่แฟลตดินแดงเพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนทำไม
คดีความที่มีการฟ้องร้องแกนนำเสื้อแดง
ก็ยังอยู่ที่ศาล ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างสืบพยานและคำให้การของจำเลยที่อยู่ในกทม.
ส่วนกรณีพัทยา มีแกนนำที่ถูกกล่าวหาส่วนหนึ่งติดคุกไปแล้ว
และที่ยังค้างพิจารณาอยู่ก็ยังดำเนินคดีอยู่ รวมทั้งแกนนำในกทม.
ก็ถูกฟ้องภายหลังเพิ่มเติมอีกด้วย
ความจริงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อบันทึกในประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ของประชาชนที่ต่อต้านเผด็จการทหารและการสมคบคิด
และทั้งยังอยู่ในระหว่างการต่อสู้คดีของผู้ถูกกล่าวหาในปัจจุบัน
ขอบคุณสื่อที่ได้พยายามรำลึกเหตุการณ์ปี
2552, 2553 แต่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์เหล่านี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากมาย
ผู้สื่อข่าว-สำนักข่าว-ทีวี ก็ถูกเซ็นเซอร์ โดยเฉพาะมีกฤษฎีกาเกี่ยวกับภาพในทีวี ดังนั้น
ข้อมูลฝั่งของผู้ถูกกระทำจึงไม่ได้ถูกหยิบยก
แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องก็ล้วนทำตามผู้มีอำนาจในเวลานั้น
เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามประชาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลจากเผด็จการทหาร
ที่ได้รับความร่วมมือจากนักการเมืองที่ร่วมเป็นรัฐบาลขั้วใหม่
นี่คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน
แล้วก็กลับมาซ้ำแบบเดิมในเหตุการณ์ปี 2553
10
กุมภาพันธ์ 2568
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #คนเสื้อแดง #ต่อต้านเผด็จการทหาร #เหตุการณ์ปี2552 #นปช