วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มวลชนอิสระ แต่งชุดไทย จัดกิจกรรม 'ลอยกระทงปีนี้ มีคนไม่ได้กลับบ้าน' หน้าเรือนจำ ส่งสารด้วยพลุ ถึงเพื่อนที่อยู่ข้างในว่าเราไม่ลืมกัน ด้านครอบครัวเก็ท-โสภณ ร่วมร้องเพลง "บุญจะส่งให้เป็น ประชาธิปไตย"

 


มวลชนอิสระ แต่งชุดไทย จัดกิจกรรม 'ลอยกระทงปีนี้ มีคนไม่ได้กลับบ้าน' หน้าเรือนจำ ส่งสารด้วยพลุ ถึงเพื่อนที่อยู่ข้างในว่าเราไม่ลืมกัน ด้านครอบครัวเก็ท-โสภณ ร่วมร้องเพลง "บุญจะส่งให้เป็น ประชาธิปไตย"


วันนี้ (15 พ.ย. 67) ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร มวลชนอิสระ จัดกิจกรรม 'ลอยกระทงปีนี้ มีคนไม่ได้กลับบ้าน' โดยนัดหมายประชาชนที่รักในประชาธิปไตย มาร่วม 'ยืน หยุด ขัง' เนื่องในวันลอยกระทง ปี 2567 เพื่อส่งกำลังใจให้กับเพื่อนผู้ต้องหาทางการเมืองที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งปัจจุบันมีอย่างน้อย 34 ราย 


บรรยากาศเวลา 16.00 น. มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอิสระ ตลอดจนอดีตคนเสื้อแดง และเยาวชนคนรุ่นใหม่ เดินทางมารวมตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง คดี ม.112 และผู้ต้องหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (4) ซึ่งได้รับการปล่อยตัว เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี นอกจากนี้บางส่วนยังแต่งกายด้วยชุดไทยเพื่อให้เข้ากับเทศกาลลอยกระทงตามประเพณี รวมถึงนำสุนัขสวมใส่ชุดไทยมาร่วมงานด้วย 


บรรยากาศเวลา 17.00 น. ผู้ร่วมงานย้ายจากประตูทางเข้าเรือนจำกลางคลองเปรม มานั่งจับกลุ่มบริเวณประตูทางเข้า เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยนั่งล้อมวงรับประทานอาหารเมนูผัดหน่อไม้ ลาบและส้มตำ ระหว่างนี้ทีมงานนำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ที่มีข้อความว่า 'นิรโทษกรรมให้คนเป็น ทวงคืนยุติธรรมให้คนตาย' 'ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยนักโทษการเมือง คืนอนาคตให้เยาวชนไทย' มาติดตั้งริมรั้วเรือนจำ รวมถึงช่วยกันสูบลมอ่างน้ำขนาดเล็กเพื่อใช้สำหรับทำกิจกรรมลอยกระทงเชิงสัญลักษณ์ 


เวลา 17.40 น. ผู้ร่วมกิจกรรมร่วมฟ้อนรำตามทำนองเพลง 'รำวงวันลอยกระทง' โดยบรรยากาศเป็นอย่างคึกครื้น ทั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมรายหนึ่งกล่าวว่า "ถึงเพื่อนที่อยู่หลังกำแพงสูง ถ้าเขาได้ยิน จะรับรู้ว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา เรายังอยู่ตรงนี้" 


บรรยากาศเวลา 18.55 น. มีการแสดงดนตรีสดจาก 'หนวด ริมทาง' ระหว่างนี้ผู้ร่วมกิจกรรม ร่วมกันลอยกระทงและรำวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชายชาวต่างชาติร่วมรำวงกับคนไทยด้วยความครื้นเครง 


นายเทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง บิดาของ นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเป็นเวลากว่า 1 ปี เดินทางมาร่วมร้องเพลงส่งกำลังให้บุตร และผู้ต้องหาทางการเมืองที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม 


นายเทพดรุณกล่าวว่า อยากให้เทศกาลวันลอยกระทง เป็นประเพณีที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศไทย ซึ่งชาวต่างชาติชื่นชอบวันลอยกระทงมาก เพราะบ้านเขาไม่มีเทศกาลอย่างนี้ โดยกิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นการจัดงานวันลอยกระทง หน้าเรือนจำที่แรก และที่เดียวในโลก


โดยเมื่อร่วมร้องเพลงรำวงวันลอยกระทง นายเทพดรุณ ได้เปลี่ยนเนื้อร้องท่อนหนึ่งเป็น 'บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เป็น ประชาธิปไตย' 


จากนั้น มีการร้องเพลง 30 ยังแจ๋ว รวมถึงบทเพลงของสามัญชน และ ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ โดยระหว่างร้องเพลง ‘ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ‘ นายเทพดรุณกล่าวว่า ขอให้ลูกหลานของเราได้ยินเสียงนี้และได้มีส่วนร่วม 


“ถึงพวกเขาจะไม่มีโอกาสออกมาร่วมลอยกระทง แต่พวกเราจะส่งเสียงร้องให้พวกเขาได้ยิน สักวันนึงเราจะกลับมาพบกัน”


ด้าน หนวด ริมทาง กล่าวว่า ขอมอบเพลงนี้เป็นกำลังใจ


“หวังว่าเพื่อนเราทุกคนที่อยู่ข้างใน จะได้ออกมาเจอกันข้างนอกอีก” หนวด ริมทางกล่าว ก่อนขับขานบทเพลง 'หัวใจเสรี'


ต่อมาเวลา 19.15 น. ได้มีการจุดพลุบริเวณสะพานลอย เป็นเวลาราว 3 นาที ท่ามกลางผู้ร่วมงาน ร่วมยืนชู 3 นิ้ว 


“หวังว่าพลุของเรา จะดังจนเพื่อนของเราได้ยินเสียง” นายเทพดรุณกล่าว


ต่อมามีการร่วมร้อง 'เพลงส่งน้องบุ้ง' ที่แต่งโดย อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ เพื่อสะท้อนการต่อสู้ของ น.ส.เนตพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ความท่อนหนึ่งระบุว่า 'เดิมพันด้วยชีวิต สถิตย์ต่อมสำนึก ท้าทายความรู้สึก ผลึกอุดมการณ์ ผลลัพธ์อย่างที่เห็น ชี้เช่นเป็นหลักฐาน บูชาอุดมการณ์ น้องบุ้งเนติพร'


ต่อด้วยเพลง 'หวัง' ของพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ที่มีเนื้อความสะท้อนความอยุติธรรมในสังคม ว่า ‘ไม่เป็นธรรมทุกสิ่งหรอก มันไม่ เป็นธรรมทุกอย่างหรอก คนตาย คนตายลงไป คนอยู่ ก็สู้ต่อไป ประชาชนอย่างเรา ถึงหัวใจเป็นของเรา แต่ความเป็นธรรมเป็นจริง มันมีสิทธิ์ได้แค่บางคน’ ต่อด้วยเพลง ’เก็บตะวัน’


หนวด ริมทาง กล่าวส่งท้ายก่อนยุติกิจกรรมด้วยว่า 'เรามีแค่ไหน ก็สู้กันแค่นั้น ขอบคุณแม่ๆ ทุกคนที่ร่วมสู้ เราสัญญาว่าจะยังสู้อยู่ จะรอจนกว่าทุกคนจะมีโอกาสได้ออกมาอีกครั้ง' จากนั้นผู้ร่วมงานเปล่งเสียง 'ปล่อยเพื่อนเรา'


ผู้ร่วมกิจกรรมชายรายหนึ่ง กล่าวว่า มันเป็นเวลา 200 กว่าวันแล้วที่ไม่มีใครได้พักผ่อนเลย ขอบคุณแม่ ๆ ที่มาช่วยกัน ยืน หยุด ขัง หน้าศางอาญา บางคนนั่งรถเมล์มา เสียสละเอาลูกไปฝากไว้เพื่อมาเรียกร้องที่หน้าศาล ขอขอบคุณจริงๆ จากใจ 


ต่อมาเวลา 19.50 น. มีรถคุมขังนักโทษขับผ่าน โดยผู้ร่วมงานต่างเปล่งเสียง 'ปล่อยเพื่อนเรา' อย่างต่อเนื่อง รวมถึงส่งเสียงผ่านเครื่องขยายเสียงด้วยว่า 'ขุนแผนได้ยินไหม ทนายอานนท์ น้องเก็ท ขนุน.... ได้ยินไหม'


ผู้ร่วมงานรายหนึ่ง ซึ่งมีภรรยาถูกคุมขังอยู่ข้างใน พวกเขาคือนักต่อสู้ ยอมเสียสละเพื่ออนาคต เข้าไปอยู่ข้างในเพื่อบ้านเมือง เพื่อทุกคนในประเทศนี้ เราจะไม่ลืมพวกเขา จะทำกิจกรรมยืนหยุดขัง จนกว่าทุกคนจะได้รับประกันตัวออกมา แม้เราจะเหนื่อย ล้า ก็ไม่ท้อ จะเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนที่อยู่หลังกำแพงสูงนี้ต่อไป"


นายเทพดรุณกล่าวว่า ขอมอบเพลงนี้ให้กับลูกชาย ทุกคำสื่อถึงลูก จากพ่อถึงลูก


"พ่อร้องเพลงนี้แล้วร้องไห้ แม่ฟังพ่อร้องเพลงนี้ แม่ก็ร้องไห้" นายเทพดรุณกล่าวก่อนร้องเพลง ‘รักเธอนิรันดร์’ เนื้อหาความท่อนหนึ่งว่า


"จะนานแค่ไหน ที่ในมุมนี้

ทุกวินาทีฉันยังคอยเฝ้า เฝ้ารอคอยเธอ

ฉันเฝ้ามองดวงดาวเสมอ ยังเห็นเธอ 

ส่งสายตาหากันเรื่อยไป


ฟ้าอาจจะพราก ให้เราจากกัน

แต่ไม่มีวันพรากเธอนั้นจากใจฉันได้

ฉันจะอยู่เพื่อรักเธอตลอดไป

แม้สิ้นลมหายใจ รักเธอนิรันดร์"


ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันมีผู้ต้องหาทางการเมืองที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ อย่างน้อย 34 ราย โดยแบ่งเป็นอยู่ระหว่างพิจารณาคดี อาทิ วารุณี, ประวิตร, ขจรศักดิ์, คเชนทร์, ไพฑูรย์, อุดม, โสภณ, อานนท์, สุขสันต์, วีรภาพ, กัลยา, จิรวัฒน์, บัสบาส มงคล, ก้อง อุกฤษฎ์, อัฐสิษฎ, ขนุน สิรภพ, ฐาปนา,ไบรท์ ชินวัตร, ทิวากร, อาย กันต์ฤทัย, มานี, แดง ชินจัง และขุนแผน 


ส่วนคดีสิ้นสุดแล้ว อาทิ วุฒิ, อัญชัญ, ทีปกร, เวหา, สมบัติ, ธนายุทธ, แม็กกี้, นภัส, พรชัย, มีชัย และธนพร


โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า หากนับจากช่วงเดือนที่ผ่านมา (11 ต.ค. - 12 พ.ย. 67) มีผู้ต้องขังจำนวน 7 ราย ได้รับการปล่อยตัว แบ่งเป็น 6 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัวตาม พรฎ.อภัยโทษ พ.ศ. 2567 ได้แก่ สุดใจ, กิจจา, มาร์ค, กฤษณะ, วรรณภา, ทัตพงศ์ และอีก 1 ราย คือ 'ภูมิ' เยาวชน ที่ได้รับการปล่อยตัวหลังเข้าแผนบำบัดฟื้นฟูครบตามคำสั่งศาล 


อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ต้องหาคดี ม.112 จำนวนหนึ่งต้องรักษาอาการป่วยทั้งในทางร่างกายและจิตใจ ในขณะถูกคุมขัง โดยหนึ่งในนั้นคือ นายเชน ชีวอบัญชา หรือ ขุนแผนแสนสะท้าน ผู้ต้องหา ม.112 วัย 57 ปี ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ วินิจฉัยว่า มีอาการโรคเส้นเลือดสมองตีบ โดยส่งตัวเข้ารักษาวันที่ 8 พ.ย. หลังมีอาการนานกว่า 1 สัปดาห์ โดยศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน จากคดีร่วมกิจกรรมเรียกร้องสิทธิประกันตัว 2 นักกิจกรรมทะลุวัง เมื่อ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ปล่อยนักโทษการเมือง #นิรโทษกรรมประชาชน