'รองนายกฯ ประเสริฐ' รับหนังสือสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า
วอนรัฐบาลแก้ไขแก้กฎหมาย ลดความขัดแย้ง รัฐ-ประชาชน ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
วันที่
29 พฤศจิกายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
พร้อมด้วยนายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายอรรถพล เจริญชันษา
อธิบดีกรมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และผู้เกี่ยวข้อง
ได้เดินทางมารับฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า
ซึ่งรวมตัวชุมนุมกว่าหลายพันคน บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)
ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
นายประเสริฐ
ยืนยันการรับทราบปัญหาและรับหลักการของสมัชชาคนอยู่กับป่าและพี่น้องประชาชน
เพื่อนำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี
และจะนำสู่กระบวนการขั้นตอนการแก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วมต่อไป
ภายใต้บังคับกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการดำเนินการตามบันทึกนี้ จึงได้ลงนามบัณทึกไว้
โดยการประชุม
ครม.สัญจรครั้งนี้นอกจากจะมุ่งเน้นการพัฒนาภาคเหนือแล้ว
ยังเป็นเวทีสำคัญในการรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง
โดยข้อเรียกร้องจากกลุ่มสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า
กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)
โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64
แห่งพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
พ.ศ. 2567 และร่าง
พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.
2562 รวม 2 ฉบับ
จะส่งผลกระทบกับประชาชนที่มีที่ทำกินและอยู่อาศัยในพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 462,444 ครัวเรือน หรือ 1,849,792 คน
และจะส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างรัฐกับชุมชนคนอยู่ในป่ามากยิ่งขึ้น
สำหรับข้อเสนอของสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าที่ยื่นต่อรัฐบาลมี
4 ประการ ดังนี้
1.
ขอให้ยุติการนำ พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติ
ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ
พ.ร.ฎ.โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ตามมาตรา 121 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมาย
2.
ขอให้รัฐบาลจัดตั้งกลไกในรูปแบบที่เป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เป็นรายอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ทุกๆ พื้นที่ี เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ภายในระยะเวลา 60 วัน
3. ขอให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะต้องเร่งเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข
พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ทั้งนี้ให้นำเสนอร่างสู่การพิจารณาของ คณะรัฐมนตรี ภายใน 90
วัน ก่อนเสนอเข้าสภา
4. ในระหว่างที่มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับ
รัฐบาลจะต้องชะลอยับยั้งการเตรียมประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 23 แห่ง
จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายทั้งสองฉบับแล้วเสร็จ
เว้นแต่ในกรณีที่พื้นที่เตรียมการฯ นั้นดำเนินการกันขอบเขตชุมชน
พื้นที่ทำกิน และพื้นที่ป่าชุมชนแล้วเสร็จ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย