“ลิซ่า” มอง “ณัฐวุฒิ” ปีเดียวเปลี่ยนจุดยืนได้ขนาดนี้ ต้องเรียก “ตามน้ำ”
ถาม ประชาชนยังหวังอะไรจากนักสู้ประชาธิปไตยได้บ้าง
เรียกร้องทำหน้าที่ที่ปรึกษานายกฯ เร่งรัดกฎหมายนิรโทษกรรม-ยุติลอยนวลพ้นผิด
เริ่มที่คดีตากใบ
วันที่
8 ตุลาคม 2567 ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ
รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
ว่าได้ฟังท่านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้สัมภาษณ์การกลับมารับตำแหน่งทางการเมืองในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
การกลับมามีตำแหน่งทางการเมืองของคุณณัฐวุฒิไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายเพราะคุณณัฐวุฒิไม่เคยหายไปในฐานะนักการเมืองอยู่แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเหตุผลที่ระบุว่าการยอมรับตำแหน่งวันนี้เพราะเกิดการเรียนรู้ว่าต้องอยู่กับความจริงของสถานการณ์และการเมืองวันนี้เป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ
ถ้าตนจะสรุปง่ายๆ
ก็คือ “ตามน้ำไป ทำอะไรไม่ได้” แบบนั้นใช่หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้
แล้วประชาชนยังคาดหวังอะไรได้บ้างจาก “นักสู้ประชาธิปไตย”
อย่างคุณณัฐวุฒิในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ประชาชนยังหวังได้ไหมว่าจะไม่นิ่งเฉยและให้คำปรึกษากับนายกรัฐมนตรีในเรื่องสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ
โดยเร็วที่สุด
หรือพอจะเป็นปากเป็นเสียงเรียกร้องรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด
อย่างกรณีคดีตากใบและคดีคนเสื้อแดงปี 53
เวลาเพียง
1 ปี
คุณณัฐวุฒิมีเหตุผลรองรับการเสียสัจจะและเหยียบย่ำศรัทธาคนที่เคยเชื่อมั่นในตัวคุณขนาดนี้
คุณณัฐวุฒิมีเหตุผลรองรับเพื่อให้โอกาสตัวเองเสมอ แต่เพื่อนร่วมรบ ประชาชนร่วมสู้
เขาไม่เคยได้รับแม้แต่โอกาสจะเลือก บางคนต้องหลบหนี ไม่ได้กลับมาเจอครอบครัว
บางคนสูญหายไม่รู้ชะตากรรม และบางคนเสียชีวิตใจกลางเมือง ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ดิฉันคิดว่าถ้ายังพอมีเลือดนักสู้อยู่
คุณณัฐวุฒิต้องรีบผลักดันจัดการเรื่องเหล่านี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี
เพราะปีหน้าไม่รู้ว่าคุณณัฐวุฒิจะมีเหตุผลให้ต้องตามน้ำอะไรอีกไหม” ภคมนทิ้งท้าย