วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2567

ธิดา ถาวรเศรษฐ : กฐินสามัคคี นายกรัฐมนตรี "แพทองธาร" รัฐบาล “ประยุทธ์ 3”

 


ธิดา ถาวรเศรษฐ : กฐินสามัคคี นายกรัฐมนตรี "แพทองธาร" รัฐบาล “ประยุทธ์ 3”


ถอดจากรายการ คมชัดลึก โดย Nation TV

ดำเนินรายการโดย วราวิทย์ ฉิมมณี

เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567

ลิงค์ยูทูป https://www.youtube.com/watch?v=ldy5DlH7Alc


อยากให้อาจารย์ review สถานการณ์รัฐบาลขณะนี้ อาจารย์มองยังไงครับ?


คือสถานการณ์รัฐบาลขณะนี้เราเข้าใจเขา เพียงแต่ว่าในฐานะที่เราอยู่ในส่วนนักต่อสู้ฝ่ายประชาชนที่ต้องการต่อสู้เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ให้เป็นประชาธิปไตยจริง ๆ ไม่ใช่ปลอม ๆ เราก็ไม่เห็นด้วยกับการข้ามขั้ว แต่ว่าเราก็เข้าใจเขาว่า พรรคการเมืองทั้งหมดอยากเป็นรัฐบาล คุณทักษิณก็ถูกกระทำไปตั้ง 17 ปี ก็อยากกลับมา วันนี้ที่เราจะพูดในฐานะนักสังเกตการณ์ที่ไม่ได้มุ่งร้ายกับใคร เราจะพยายามประเมินความเป็นจริง “ภววิสัย” ทั้งในฝั่งประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ฝั่งอนุรักษ์นิยม แล้วก็พวกที่มีอำนาจในฝั่งอนุรักษ์นิยมด้วย


ตั้งชื่อประเด็นดี “จองกฐิน” มันก็จะได้ทำให้เขาควรจะรู้ว่าดังที่อาจารย์เคยบอกว่ามันไม่ง่าย เพราะว่าแน่นอนคุณทักษิณอาจจะอ้างมีเหตุผลว่า พรรคก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ฉะนั้นพรรคอันดับสองก็มีสิทธิที่จะรวบรวมเสียง ถ้าสิ่งนี้มันเกิดในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยแข็งแรงสมบูรณ์ เป็นเสรีนิยม และเป็นประชาธิปไตยจริง มันโอเค แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเราซึ่งมีความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองซึ่งต้องการรักษาอำนาจเอาไว้ กับประชาชนที่ไม่ได้รับคืนอำนาจ เรามีรัฐประหาร 10 กว่าครั้งที่สำเร็จ มีรัฐธรรมนูญถูกฉีกมากที่สุด แล้วรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายเลวที่สุดตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญมา เลวกว่าฉบับอื่น ๆ ด้วยซ้ำ


ดังนั้น ภาวะความขัดแย้งที่ดำรงอยู่จึงทำให้เราแตกต่างจากประเทศอื่นที่จะมาบอกว่าพรรคอันดับสองมีสิทธิ โอเค...ก็มีสิทธิ แต่วันนี้ที่มาคุยก็คืออยากจะมองแบบความเป็นจริง “ภววิสัย” ก็จะพยายามลองรวบรวมกฐินว่าที่จะ “จองกฐิน” ก็คือเราพูดกันตรง ๆ ว่า คุณทักษิณข้ามมา หลายคนอาจจะบอกว่ามี “บิ๊กดีล” หรืออะไรก็ตาม แต่ยุทธวิธีในการที่คุณทักษิณมาอยู่ฝั่งนี้ ทำให้รัฐบาลชุดนี้ประมาณเป็นเหมือน “ประยุทธ์ 3” ในความคิดของอาจารย์นะ



ประยุทธ์ 1 คือ คสช. / ประยุทธ์ 2 คือ พลังประชารัฐ ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นนายกฯเศรษฐา เป็นนายกฯ แพทองธาร แต่อาจารย์ให้สมญานามว่า “ประยุทธ์ 3”


ใช่ เพราะว่าพรรคร่วมรัฐบาลเขาเหมือนเดิม เพียงแต่คุณประยุทธ์ไม่อยู่ ถ้าเราดูการขับเคลื่อน ได้ข่าวว่ามีคนมาช่วยดูแลรัฐมนตรี (ไม่รู้จริงหรือเปล่านะ) ทั้งคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ทั้งคุณวิษณุ เครืองาม รอบก่อนก็คุณวิษณุมาช่วย อย่างน้อยก็มีสัมพันธภาพอันดี ขนาดคุณเศรษฐาก็ยังไปเยี่ยมคำนับให้ความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นอ.วิษณุ หรือคุณประยุทธ์ ตอนมารับตำแหน่ง ดังที่บอกว่าถ้าเราไม่เข้าใจความขัดแย้งในสังคมไทยว่า ฟากหนึ่งต้องการประชาธิปไตยไทย ๆ ฟากหนึ่งต้องการประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนจริง ก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่รวมเสียงได้ แต่มันไม่ธรรมดาในประเทศไทย และจากที่คุณทักษิณข้ามขั้วไป มีทั้งคนจองกฐินเก่าและคนจองกฐินใหม่มากมายเพิ่มมากขึ้น


ให้อาจารย์ชำแหละทีละกลุ่ม คนที่จองกฐินเป็นกลุ่มเก่ากลุ่มเดิม แต่ครั้งนี้ผู้นำคือนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของคุณทักษิณ หมายถึงใครบ้างที่เป็นกฐินเก่า


พวกที่จองกฐินเก่าก็คือ ตั้งแต่ปี 47-48 นี่พูดในส่วนของประชาชนนะ ก็คือที่แสดงออกตั้งแต่ระบอบทักษิณ ทุนสามานย์ ไม่จ่ายภาษี ไปนั่งวัดพระแก้ว สารพัดอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ พูดง่าย ๆ ว่า ในคนกลุ่มเหล่านี้มองว่า “ระบอบทักษิณ” จะกลับมาเหมือนเดิมอีก เขาไม่สนใจว่าจะมี “บิ๊กดีล” กับใคร ยังไงก็ยังเป็นคนชั่ว ยังไงก็ยังเป็นทุนสามานย์ ยังไงก็เป็นระบอบทักษิณ สิ่งที่เขาต้องการก็ให้คุณทักษิณถูกลงโทษ ถูกจำคุก อะไรต่าง ๆ เขาไม่ได้ยินดี คือถ้ายินดีก็แปลว่าเขาเป็นผู้แพ้ คุณทักษิณเป็นผู้ชนะ ได้กลับมาแล้วไม่ต้องรับโทษ แม้นจะผ่านมาแล้วตั้ง 18 ปี แต่คนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่แล้วยิ่งอายุมาก ๆ ยิ่งดื้อนะ


นึกว่าเวลายิ่งผ่านไปนานยิ่งลืมความขัดแย้ง วางความหลังเอาไว้


ไม่ใช่เลย ๆ


แล้วแถมมีโจทย์ใหม่ อย่าง “พรรคก้าวไกล” กลายเป็น พรรคประชาชน ที่จะขึ้นเป็นผู้ท้าชิงอำนาจ ต้องยืมมือคุณทักษิณเพื่อจะมาเอาชนะพรรคประชาชนให้ได้


ใช่ อันแรกที่อาจารย์พูดเราจะมองว่าเป็นกลุ่มของผู้คนที่เป็นแนวคิดจารีตนิยม อำนาจนิยมเพราะยินดีกับการทำรัฐประหารปี 2549 อันนี้รุ่นเก่าเลยนะรุ่นตั้งแต่ปี 2549 ด้วยความยินดีที่มีรัฐประหารซึ่งคนคิดว่าจะไม่มีแล้ว คนชุดนั้นยังอยู่และพยายามจะหาวิธีว่ามีช่องว่างตรงไหนต้องจัดการให้ได้ แต่ในฝั่งจารีตอนุรักษ์นิยมเขาไม่ได้เป็นเอกภาพ คุณทักษิณได้มา จะมีดีลหรือเปล่าไม่ทราบ แต่แน่นอนก็คือคุณทักษิณมาเป็นสิ่งจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ของฝั่งจารีตอำนาจนิยม เพราะมิฉะนั้นจะมีรัฐบาลแบบประยุทธ์ 3 ไม่ได้ เพราะว่ามันแพ้หมด มันเกือบจะเหมือน “สามก๊ก” ถ้าเพื่อไทยไปรวมก้าวไกล รวมเสียงเป็น 70% ฝั่งนี้ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็แปลว่าจบ ดังนั้น “เพื่อไทย” จะรวมกับ “ก้าวไกล” ไม่ได้ ก็เหมือนกับสามก๊ก ก็ต้องดึง “เพื่อไทย” ให้มาอยู่ก๊กจารีต เพื่อที่ยังสามารถรักษาขนบ รักษาอำนาจแบบเดิมทำนอง “ประยุทธ์ 3” ได้


นั่นหมายความว่าเขาเป็นมิตรนะ แต่เขาจะเป็นศัตรูทันทีถ้าทำอะไรล้ำเส้น เช่น การเมือง จะไปแตะทำให้โครงสร้างการเมืองมีปัญหา พูดแบบพรรคก้าวไกล ไม่ได้!!! การแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรม ต่าง ๆ เหล่านี้ต้องอยู่ในกรอบที่ได้รับอนุญาต แม้กระทั่งตอนนี้เป็นรัฐมนตรี ก็เท่ากับได้รับใบอนุญาตนะ ได้รับใบอนุญาตจากประชาชนแล้ว ต้องมาได้รับใบอนุญาตจากฝั่งจารีต ไม่งั้นวิญญูชนก็จะตัดสินอย่างไหนก็ได้ โดนสอยอีก หมายความว่าคุณมาอยู่ทางนี้ ในทัศนะอาจารย์ก็ยังถือว่าเขาจองกฐินอยู่นะ แต่ถ้าคุณอยู่ในร่องในรอย โอเค แต่ถ้านอกร่องนอกรอยนะ ก็ต้องถูกบีบแบบที่คุณเศรษฐาโดน หรือกระทั่งคุณทักษิณยังเจอ 112 แปลว่ามันยังมีการควบคุม การควบคุมแบบนี้จะถือว่าเป็นมิตรจริง ๆ ไม่ได้ ฉะนั้น ในทัศนะอาจารย์ ยังเป็นศัตรูแต่ว่าโดยยุทธวิธี ต้องคบเป็นมิตร


เฉพาะในกลุ่มอนุรักษ์นิยมเดิมขั้วอำนาจเก่า อาจารย์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ยังมีความหลังฝังใจตั้งแต่ปี 47-48 อารมณ์นี้ก็ยังอยู่ อาจารย์ไม่เชื่อว่ามันหายไป กับอีกกลุ่มที่อาจจะร่วมงานกับเพื่อไทยได้ แนบแน่นกับคุณทักษิณ ณ เวลานี้ได้ แต่มันต้องมีขอบเขต มีกรอบ และพร้อมจะพลิกเป็นศัตรูเหมือนเดิมได้ทันที ถ้าหากว่าไปล้ำเส้นด้วยเงื่อนไขอย่างที่อาจารย์บอก


ใช่ เพราะฉะนั้นจะเรียกว่าเป็นมิตรจริงไม่ได้ มันไม่ได้มีอะไรเหมือนกัน คือในฝั่งจารีตอนุรักษ์นิยมไม่ได้เป็นเอกภาพ แม้กระทั่งในรัฐบาล ถ้าคุณดูพรรคการเมือง มันก็มีขวาสุด ๆ เป็นพรรคตัวแทนคุณประยุทธ์ก็มี พรรคตัวแทนคุณประวิตรก็มี สำหรับพรรคเพื่อไทยแม้ข้ามขั้วมาก็จริง แต่คนในพรรคและแม้กระทั่งคุณทักษิณเองก็ยังมีลักษณะเสรีนิยมอยู่จำนวนหนึ่ง ถามว่าชอบประชาธิปไตยแบบสากลมั้ย?อาจารย์เชื่อว่าเขาชอบ แต่ตอนนี้เขาถือว่าเขาอาจจะจำเป็นก็ได้ที่ต้องข้ามขั้วมา ซึ่งอาจารย์มองแล้วว่าจะไปรอดแค่ไหน?


คือในรัฐบาลก็มีการควบคุมกันเอง ฉะนั้นพรรคที่เป็นจารีตอำนาจนิยมแท้ ๆ (พรรคสองลุง) ก็จะต้องคอยจัดการคุณทักษิณอีกที และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณทักษิณต้องการเสียงมาก 300 กว่าเสียง เพราะว่าไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้น (เดี๋ยวจะมีหักหลังกัน งอแงกัน) ใช่ แต่ในทัศนะอาจารย์ ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่เสียง เสถียรภาพและปัญหาของคุณทักษิณไม่ได้อยู่ที่เสียงในสภา จัดการได้ แต่จะอยู่นอกสภา ทุกครั้งที่คุณทักษิณถูกจัดการไม่ใช่เพราะเสียงน้อยจากการเลือกตั้ง แต่จากการเลือกตั้ง “เสียงมากเกินไป” รอบสุดท้าย 377 เสียงตอนนั้น


ยังมีเรื่องส่วนตัวอีก คนที่ได้รับผลประโยชน์กับไม่ได้รับผลประโยชน์ ล่าสุดนี่ก็คุณเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เคยเป็นเพื่อนมา แต่ในฐานะที่เขาเป็นพรรคการเมืองก็มีบทบาทระดับหนึ่ง



ศัตรูเก่า แล้วยังมีศัตรูใหม่เข้ามาเติมอีก จากการที่คุณทักษิณมีบทบาทแบบนี้


ใช่ แล้วก็ศัตรูในเชิงที่ว่าต้องบังคับอุดมการณ์ให้เดินไปในทางเดียวกัน แล้วที่สำคัญที่สุดอีกอันหนึ่งก็คือ ประชาชน โหวตเตอร์จำนวนหนึ่งโกรธแค้นจาก 15 ล้านยุคของคุณยิ่งลักษณ์ แล้วพอมาการเลือกตั้ง 2566 เหลือ 10 ล้าน หายไปตั้ง 5 ล้าน ทั้ง ๆ ที่โหวตเตอร์มีคนมากขึ้นนะ มี new generation ซึ่งจำไม่ได้ละ 5 ล้าน ก็เป็นคนที่เคยโหวตให้ ซึ่งในความคิดของอาจารย์เชื่อมั่นว่าคนเสื้อแดงจริง ๆ มีเกิน 10 ล้าน เพราะว่านิยามของคนเสื้อแดงในความหมายของอาจารย์คือ “ผู้รักประชาธิปไตยและต่อสู้ทางการเมืองมาแล้ว 10 กว่าปี” โดยมีพันธมิตรคือพรรคเพื่อไทย แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าถ้าเชิงอุดมการณ์เขา ถ้าเชิงอุดมการณ์เขาแน่นอนกว่าเขาก็ไม่ขึ้นต่อพรรค เขาก็เลือกพรรคอะไรก็ได้ที่สอดคล้อง


เพราะฉะนั้น เสียหายไปส่วนหนึ่ง อาจารย์ก็เคยบอกแล้วว่า ที่เหลือ 10 ล้านนะ เขายังคิดว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แล้วเขายังเลือกเชิงยุทธศาสตร์ เช่น “เขต” เพื่อไทยอาจจะชนะ เลือกเพื่อไทย บัญชีรายชื่อไปเลือกอีกพรรคหนึ่ง หรือในพื้นที่ไหนก้าวไกลมีโอกาสได้มากกว่าเขต เขาก็เลือก เขาก็จะแบ่งกัน คนที่เลือกด้วยยุทธศาสตร์ ด้วยความเชื่อว่าเพื่อไทยเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ครั้งนี้เขาจะไม่เอาเลย ผิดหวัง


คุณทักษิณก็คงคิดว่าถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ใช้โมเดลแบบไทยรักไทย แต่ตอนนั้นมันวิกฤตเศรษฐกิจ อาจารย์ก็เคยพูด เพราะว่ามันเพิ่งมาจาก “ต้มยำกุ้ง” แล้วเพิ่งผ่านการต่อสู้ประชาชนได้รัฐธรรมนูญ 2540 การเมืองมันโอเค การเมืองเป็นประชาธิปไตย คุณทักษิณเคยพูด อาจารย์ก็เคยได้ยินว่า “ผมก็เชื่อว่าประเทศนี้เป็นประชาธิปไตยแล้ว” ก็หาเสียงแบบใช้การตลาดใช้นโยบายเต็มที่เลยเพื่อให้ได้เสียงมากที่สุด โดยไม่ได้คิดว่าสังคมไทยลึกซึ้งและซับซ้อนมากกว่าที่คิด


ตามความเชื่อของอาจารย์นะ คุณทักษิณก็คงรู้ว่าจะต้องมาเจอปัญหาโหวตเตอร์ซึ่งสำคัญที่สุด ซึ่งความเป็นมิตรกลายเป็นไม่เอา (เริ่มจากตอนข้ามขั้วแล้ว) คือก่อนหน้าข้ามขั้วเขาก็ไปแล้ว เพราะว่าวิถีของนักต่อสู้เขาจะรู้เลยว่าพรรคการเมืองไหนที่เขาน่าจะเชื่อมั่นได้ แต่ก่อนมีพรรคเดียวมันง่าย ชอบ/ไม่ชอบ ก็ต้องเลือก แต่พอมีทางเลือก มันเหมือนห้างฯ ก็เปลี่ยนห้างฯ ก็ได้ถ้าหากว่ามีอะไรที่สอดคล้องกับตัวเอง ซึ่งอันนี้เป็นสิทธิ เพราะว่าอย่างคนเสื้อแดงต่อสู้ 2 ขา ขาหนึ่งในเวทีรัฐสภา มันเป็นสิทธิของเขา อาจารย์ก็ไม่ได้เป็นผู้ชี้นำนะ อาจารย์ก็เป็นโหวตเตอร์หนึ่ง เป็นมวลชน แต่เวลามาบอกว่าเป็นอดีตประธานนปช. อันนี้มันอยู่บนวิถีทางการต่อสู้ประชาชน ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมือง


ที่น่าเป็นห่วงก็คือประชาชนที่เป็นโหวตเตอร์จะกลายเป็นศัตรูหรือเปล่า? แต่ความคิดของอาจารย์ ส่วนมากก็ไม่ถึงกับเป็นศัตรู เพียงแต่ว่าอาจจะรักคนใหม่มากกว่า


คือเวลาวิเคราะห์ว่าอำนาจเก่าจะเป็นศัตรูกับคุณทักษิณแต่อย่าไปมองข้ามบรรดาโหวตเตอร์เป็นอันขาด คนเหล่านี้อาจจะไม่ได้มีอำนาจทางกฎหมาย ไม่สามารถหยิบจับอาวุธมาทำอะไรได้ แต่การลงโทษจะเกิดขึ้นในคูหาเลือกตั้ง ถูกมั้ยครับอาจารย์?


ใช่ ถูกต้อง


เวลาบอกว่า “กฐิน” ต้องวิเคราะห์ทั้งสองมุม มุมที่ถืออำนาจ กับอีกมุมคือประชาชน


แล้วคุณทักษิณแกต้องบริหารตรงนี้ คือประชาชนที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยเป็นตลาดร่วมกันกับพรรคก้าวไกล คุณทักษิณข้ามมา แต่คุณทักษิณไม่น่าจะได้เสียงจากมวลชนฝั่งอนุรักษ์นิยม ข้ามไปก็ไม่ได้ของเขา ฐานเดิมของตัวเองก็จะเสีย รักษาไว้ไม่ได้ อาจารย์เข้าใจว่าเขาก็รู้ เขาก็พยายามคงเน้นที่จะสร้างผลงาน อย่างคุณอุ๊งอิ๊งเองเขาก็พูดเลยว่าทุกคนต้องสร้างผลงาน เพราะมันเป็นราคาที่ต้องจ่าย เมื่อคุณข้ามขั้วมา มันจะมีอะไรเหมือนเดิม มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย เพราะต้องสูญเสียความเชื่อถือและการสนับสนุนของคนส่วนหนึ่ง


ซึ่งในความคิดของอาจารย์ถ้ามองสำหรับพรรคเพื่อไทย อาวุธและสิ่งที่ทำให้เพื่อไทยยืนผงาดอยู่ได้ก็คือฐานมวลชน ลองคิดดู 15 ล้านกว่าในสมัยนั้น โหวตเตอร์ยังไม่มาก แล้วมาตอนนี้โหวตเตอร์มากขึ้น แต่คุณเหลือ 10 ล้าน นี่ขนาดมีคนไปช่วยกันตั้งเยอะแยะ คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งก็ไปช่วย อาจารย์ว่าเขาก็คงรู้ตั้งแต่ต้นแล้วแหละ เขาถึงพูดไม่เต็มปาก ไม่กล้าประกาศไม่มีลุง ในความคิดของอาจารย์นะ อาจารย์คิดว่าคงมีดีลตั้งแต่ตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ มันเริ่มแล้ว เพราะว่าตอนเขาเลือกตั้งบัตรใบเดียวเพราะเขาจะเล่นงานคุณทักษิณกับพรรคเพื่อไทย เพราะว่าได้ทั้งสองอย่างแล้วคะแนนเยอะ แต่ปรากฎว่าได้ “อนาคตใหม่” มาตั้ง 80 กว่าเสียง


หมายความว่าบัตรใบเดียวทำให้ “อนาคตใหม่” พุ่ง และ “เพื่อไทย” ไม่มีสิทธิได้บัญชีรายชื่อเลย ก็เลยวางแผนที่จะร่วมมือกัน น่าจะนะ อันนี้ไม่มีหลักฐานอ้างอิงว่ามีเค้าลางว่า เขามองเห็นแล้วว่า “อนาคตใหม่/ก้าวไกล” เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่า แต่ปรากฏว่าไป ๆ มา ๆ ยิ่งหนักกว่าเดิม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #ทักษิณ #เพื่อไทย #คนเสื้อแดง