ศูนย์ทนายฯเผย ศาลยกคำร้อง หลังทนายยื่นประกันคดี ม.112 “อานนท์” เป็นครั้งที่ 14 และ “ขนุน” สิรภพ เป็นครั้งที่ 6 ระบุ ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
วันนี้ (17 ก.ค. 67) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่าน X ระบุว่า
ตามที่เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทนายความยื่นคำร้องขอประกัน 'อานนท์ นำภา' ทนายความสิทธิมนุษยชน วัย 39 ปี และ ขนุน 'สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ' นักศึกษาปริญาโท วัย 23 ปี ต่อศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังทั้งสองคนถูกศาลพิพากษาให้มีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
หลังทนายความยื่นขอประกัน วันที่ 11 ก.ค. 2567 ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอประกันอานนท์ทั้ง 2 คดี ได้แก่ คดีจากการปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63 และคดีจากการโพสต์เฟซบุ๊ก 3 ข้อความ ระบุว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ส่วนคดีของศาลอาญากรุงเทพใต้ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ในวันที่ 13 ก.ค. 2567 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งยกคำร้องขอประกันระหว่างอุทธรณ์ในคดีจากการปราศรัยในการชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ ของสิรภพ และคดีจากการปราศรัยใน #ม็อบแฮรี่พอตเตอร์2 ของอานนท์ เช่นกัน
ผลของคำสั่งดังกล่าวทำให้อานนท์และสิรภพยังคงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป ซึ่งจนถึงวันนี้ (17 ก.ค.) อานนท์ถูกคุมขังมาแล้ว 296 วัน ส่วนสิรภพถูกคุมขังมาแล้ว 115 วัน
สำหรับอานนท์นั้น ปัจจุบันถูกคุมขังด้วยโทษจำคุกในคดีมาตรา 112 รวม 10 ปี 20 วัน หลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว 3 คดี ได้แก่ คดีปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63 โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2566 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี จึงเป็นผลให้อานนท์ถูกคุมขังตั้งแต่นั้นเรื่อยมา, คดีโพสต์ 3 ข้อความในเฟซบุ๊ก ซึ่งศาลอาญาพิพากษาจำคุกอีก 4 ปี และคดีปราศรัยใน #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 29เม.ย. 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาให้จำคุกอีก 2 ปี 20 วัน
ในระหว่างถูกคุมขังหลังศาลมีคำพิพากษานี้ทนายความได้ยื่นประกันระหว่างอุทธรณ์ในทั้งสามคดีมาแล้วรวม 13 ครั้ง ซึ่งศาลชั้นต้นได้ส่งให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาสั่งทั้งหมด และศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งยกคำร้องทุกครั้งเช่นกัน
ในครั้งนี้ ทนายความได้ยื่นขอประกันอานนท์ในทั้งสามคดีที่กล่าวมาข้างต้น โดยวางเงินสดเป็นหลักประกันจำนวนคดีละ 500,000 บาท พร้อมทั้งระบุเหตุผลโดยสรุปว่า ภรรยาของจำเลยต้องรับภาระหนักในการดูแลบุตร 2 คน เพียงคนเดียว และเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2567 บุตรคนเล็กวัย 1 ปีเศษ ประสบอุบัติเหตุจากเตารีด อันเป็นผลมาจากจำเลยไม่ได้รับการประกันตัว หากได้รับการประกันตัว จำเลยตั้งใจจะไปดูแลบุตรทั้งสองคนร่วมกันกับภรรยา
นอกจากนั้นจำเลยยังประกอบอาชีพเป็นทนายความสิทธิมนุษยชน ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิและเสรีภาพจากการแสดงออกทางการเมืองหลายคดีในหลายศาล การที่จำเลยไม่ได้รับการประกันตัวจึงส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ทนายความของจำเลยและเกิดความเสียหายของลูกความเป็นอย่างยิ่ง
คดีของจำเลยยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำผิด จำเลยจึงยังไม่ถูกเพิกถอนสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น เนื่องจากจำเลยมีประเด็นต่อสู้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
อีกทั้งศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันจำเลยในระหว่างสอบสวนและระหว่างการพิจารณาคดี โดยจำเลยไม่เคยทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว และไม่เคยถูกถอนประกันจากทั้งสามคดีนี้เลยซักครั้ง ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า หากจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยจะไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่น หรือจะหลบหนีแต่อย่างใด ทั้งศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ยังเคยอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปร่วมงานรับรางวัลควังจูเพื่อสิทธิมนุษยชนที่ประเทศเกาหลีใต้ และจำเลยก็เดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลตามนัด ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันและรับรองว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
ในส่วนของสิรภพ เขาถูกพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ในคดีมาตรา 112 กรณีปราศรัยในการชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ บริเวณสี่แยกราชประสงค์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2563 ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายความได้ยื่นขอประกันสิรภพในชั้นอุทธรณ์ แต่คำร้องดังกล่าวถูกส่งไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งยกคำร้อง ทำให้สิรภพถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2567 เป็นต้นมา ถึงแม้ว่าทนายความจะยื่นคำร้องขอประกันตัวไปถึง 5 ครั้งแล้ว
ในครั้งนี้ ทนายความยื่นคำร้องขอประกันตัวสิรภพอีกเป็นครั้งที่ 6 ระบุในคำร้องโดยสรุปว่า ขอวางหลักประกันจํานวน 500,000 บาท และยินยอมให้ติด EM อันเป็นหลักประกันที่สูงและน่าเชื่อถือได้ว่า หากจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแล้วจะไม่หลบหนี ไม่หลีกเลี่ยงมาศาลตามหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลจะกำหนดขึ้น
คำร้องระบุอีกว่า คดีของจำเลยยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำผิด จำเลยจึงยังไม่ถูกเพิกถอนสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น เนื่องจากจำเลยมีประเด็นต่อสู้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
นอกจากนั้น จำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งจำเลยเคยได้รับการประกันตัวในชั้นพิจารณาคดี ระหว่างนั้นจำเลยให้ความร่วมมือต่อพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และเข้ารับฟังการพิจารณาตามสิทธิของจำเลยในคดีอาญาโดยตลอด ไม่เคยทำผิดเงื่อนไข และไม่เคยถูกเพิกถอนการประกันตัวในคดีนี้
อีกทั้งจำเลยอาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัว บิดามารดาล่วงเข้าสู่วัยชราต้องมีจำเลยซึ่งเป็นลูกชายคนโตคอยดูแลช่วยเหลือ เป็นธุระจัดการงานหลายส่วนในบ้าน จึงไม่มีเหตุอันใดหากศาลให้โอกาสจำเลยกลับไปช่วยเหลือแบ่งเบาภาระหน้าที่แก่บิดามารดา แล้วจำเลยจะหลบหนีไป
ซึ่งศาลก็คงยังมีคำสั่งยกคำร้องขอประกันทั้งอานนท์ และ สิรภพ ดังรายละเอียดข้างต้น
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน #อานนท์นำภา #ขนุนสิรภพ