วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

“โรม” เย้ย “นายกฯ-เพื่อไทย” ไร้มือกฎหมาย ต้องพึ่ง เนติบริกร มาช่วย ถามไม่เชื่อมือ “ชูศักดิ์” หรือ ถามย้ำ “เศรษฐา” ยังมีเครดิตอยู่หรือไม่


โรม” เย้ย “นายกฯ-เพื่อไทย” ไร้มือกฎหมาย ต้องพึ่ง เนติบริกร มาช่วย ถามไม่เชื่อมือ “ชูศักดิ์” หรือ ถามย้ำ “เศรษฐา” ยังมีเครดิตอยู่หรือไม่

 

วันนี้ (31 พ.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีว่า ต้องมองว่าที่ผ่านมาคืออะไร ซึ่งมีข้อท้วงติงมาตลอดของปัญหาด้านกฎหมายต่าง ๆ แสดงว่าสิ่งที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าพรรคเพื่อไทยขาดมือกฎหมาย ขาดคนที่จะให้ความเข้าใจในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อผลักดันนโยบาย มันอาจจะขาดจริง ๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจถูกต้อง

 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สุดท้ายไม่รู้จะเอาใคร ต้องไปยืมมือนายวิษณุเหมือนเดิม พูดง่าย ๆ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยืมมือนายวิษณุ รัฐบาลนายเศรษฐาก็ยืมมือนายวิษณุ สุดท้ายไหนบอกว่ามีความพร้อมในการบริหารงานบริหารประเทศ ตนมองว่าเป็นเรื่องของเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม ในเรื่องนี้ทำให้เห็นว่ารัฐบาลนายเศรษฐาขาดเอกภาพ ไม่มีความพร้อมในด้านการบริหารงานจริง ๆ สุดท้ายต้องใช้บริการนายวิษณุที่มีส่วนช่วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น

 

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลหรือไม่ที่ขาดมือกฎหมาย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เกิดคำถามว่าที่ผ่านมา ปัญหาข้อกฎหมายมีอยู่จริงหรือไม่ ถือเป็นประเด็น แต่ที่เป็นประเด็นใหญ่ คือ รัฐบาลนายเศรษฐา โดยเฉพาะนายเศรษฐาวิพากษ์วิจารณ์นายวิษณุในหลายโอกาส แต่ถึงเวลาทำเหมือนว่า เรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น ไปบอกว่าเป็นเรื่องของความไม่ใช่เรื่องของคนตนบอกว่าเป็นวิธีการที่จะหลบเลี่ยง สุดท้ายอาจจะไม่ใช่ ให้มาดูแค่เรื่องกฎหมายในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่นายเศรษฐาจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ตนเองกำลังถูกแขวนอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตนพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าสนับสนุนในสิ่งที่นายเศรษฐาโดน การเมืองควรแก้ด้วยการเมือง แต่ปัญหาคือจุดนั้นหรือไม่ที่ทำให้ต้องเชิญนายวิษณุเข้ามา ตนเชื่อว่าสังคมจำนวนไม่น้อยก็จะตั้งคำถามว่า การที่นายวิษณุเข้ามาคือมีภารกิจทำให้นายเศรษฐารอดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญ

 

เมื่อถามย้ำว่า มองว่าไม่ใช่ให้นายวิษณุเข้ามาเพื่อกลั่นกรองกฎหมายก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าทางปฏิบัติจะทำได้แค่ไหน เพราะนายวิษณุก็สุขภาพไม่ดี ซึ่งอาจจะช่วย แต่ช่วยร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่มองคือ นายเศรษฐาไม่ไว้วางใจฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว จึงทำให้ไม่รู้จะไปหาทางออกอย่างไร จึงต้องไปยืมเนติบริกรที่มีผลงานในหลายรัฐบาล คือนายวิษณุ พูดง่ายๆก็คือการันตีของแทร่

 

เมื่อถามว่า จะกระทบกับเครดิตของพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องดูว่านายเศรษฐายังมีเครดิตมากแค่ไหน ตนขอให้ชวนคิด ตนไม่อยากจะให้ความเห็นตรงนั้นมาก วันนี้สังคมก็มองรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจับมือกับหลายพรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาก่อน และเป็นพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำ พอมาวันนี้มาตั้งนายวิษณุ แม้จะไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ต้องยอมรับว่ามีบทบาทคล้ายรองนายกรัฐมนตรี ทำให้คนในสังคมมองว่า คนในรัฐบาลนี้ไม่ต่างจากรัฐบาลเดิมสักเท่าไหร่ แล้วที่เคยพูดว่ามีความพร้อมในการบริหารงาน ยังพร้อมบริหารงานอยู่หรือไม่ สุดท้ายจะเกิดคำถามเรื่องความเป็นเอกภาพภายในพรรคเพื่อไทย ว่านายเศรษฐาไม่เชื่อมือนายชูศักดิ์ ศิรินิล มือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จึงต้องนำนายวิษณุเข้ามาเป็นเนติบริกร

 

เมื่อถามว่า การตั้งนายวิษณุจะทำให้เกิดผลดีต่อคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายรังสิมันต์ มองว่า พรรคก้าวไกลโฟกัสในเรื่องของการทำงาน เหมือนที่ตอนนี้ตนกำลังทำหน้าที่คณะกรรมาธิการความมั่นคง จะบอกว่าเป็นเรื่องของพรรคก็ไม่ใช่ แต่เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ เราต้องพยายามทำหน้าที่ของเราตรงนี้ให้ดี เราเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกล เราก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกจุด เราคงไม่ได้ไปรอว่าใครก้าวพลาด หรือพลาดพลั้งอะไร เราไม่สนใจตรงนั้น แต่เราสนใจเรื่องตัวเราเอง ในการทำงานมากกว่า แต่ถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชนแล้วให้เครดิตกับพวกเรามันดีกับเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รังสิมันต์โรม #เนติบริกร #เพื่อไทย #ก้าวไกล