“โรม” เย้ย “นายกฯ-เพื่อไทย” ไร้มือกฎหมาย ต้องพึ่ง เนติบริกร มาช่วย
ถามไม่เชื่อมือ “ชูศักดิ์” หรือ ถามย้ำ “เศรษฐา” ยังมีเครดิตอยู่หรือไม่
วันนี้
(31 พ.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายรังสิมันต์ โรม สส.
บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีว่า
ต้องมองว่าที่ผ่านมาคืออะไร ซึ่งมีข้อท้วงติงมาตลอดของปัญหาด้านกฎหมายต่าง ๆ
แสดงว่าสิ่งที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าพรรคเพื่อไทยขาดมือกฎหมาย ขาดคนที่จะให้ความเข้าใจในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน
เพื่อผลักดันนโยบาย มันอาจจะขาดจริง ๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจถูกต้อง
นายรังสิมันต์
กล่าวว่า สุดท้ายไม่รู้จะเอาใคร ต้องไปยืมมือนายวิษณุเหมือนเดิม พูดง่าย ๆ
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยืมมือนายวิษณุ รัฐบาลนายเศรษฐาก็ยืมมือนายวิษณุ
สุดท้ายไหนบอกว่ามีความพร้อมในการบริหารงานบริหารประเทศ
ตนมองว่าเป็นเรื่องของเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม
ในเรื่องนี้ทำให้เห็นว่ารัฐบาลนายเศรษฐาขาดเอกภาพ
ไม่มีความพร้อมในด้านการบริหารงานจริง ๆ
สุดท้ายต้องใช้บริการนายวิษณุที่มีส่วนช่วยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น
เมื่อถามว่า
มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ของรัฐบาลหรือไม่ที่ขาดมือกฎหมาย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า
เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เกิดคำถามว่าที่ผ่านมา ปัญหาข้อกฎหมายมีอยู่จริงหรือไม่
ถือเป็นประเด็น แต่ที่เป็นประเด็นใหญ่ คือ รัฐบาลนายเศรษฐา
โดยเฉพาะนายเศรษฐาวิพากษ์วิจารณ์นายวิษณุในหลายโอกาส แต่ถึงเวลาทำเหมือนว่า
เรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น
ไปบอกว่าเป็นเรื่องของความไม่ใช่เรื่องของคนตนบอกว่าเป็นวิธีการที่จะหลบเลี่ยง
สุดท้ายอาจจะไม่ใช่ ให้มาดูแค่เรื่องกฎหมายในคณะรัฐมนตรี (ครม.)
แต่นายเศรษฐาจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ตนเองกำลังถูกแขวนอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ
ที่ตนพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าสนับสนุนในสิ่งที่นายเศรษฐาโดน การเมืองควรแก้ด้วยการเมือง
แต่ปัญหาคือจุดนั้นหรือไม่ที่ทำให้ต้องเชิญนายวิษณุเข้ามา
ตนเชื่อว่าสังคมจำนวนไม่น้อยก็จะตั้งคำถามว่า
การที่นายวิษณุเข้ามาคือมีภารกิจทำให้นายเศรษฐารอดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามย้ำว่า
มองว่าไม่ใช่ให้นายวิษณุเข้ามาเพื่อกลั่นกรองกฎหมายก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าทางปฏิบัติจะทำได้แค่ไหน
เพราะนายวิษณุก็สุขภาพไม่ดี ซึ่งอาจจะช่วย แต่ช่วยร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่
ตนตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่มองคือ
นายเศรษฐาไม่ไว้วางใจฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว
จึงทำให้ไม่รู้จะไปหาทางออกอย่างไร จึงต้องไปยืมเนติบริกรที่มีผลงานในหลายรัฐบาล
คือนายวิษณุ พูดง่ายๆก็คือการันตีของแทร่
เมื่อถามว่า
จะกระทบกับเครดิตของพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องดูว่านายเศรษฐายังมีเครดิตมากแค่ไหน ตนขอให้ชวนคิด
ตนไม่อยากจะให้ความเห็นตรงนั้นมาก
วันนี้สังคมก็มองรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจับมือกับหลายพรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์มาก่อน และเป็นพรรคของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำ
พอมาวันนี้มาตั้งนายวิษณุ แม้จะไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี
แต่ต้องยอมรับว่ามีบทบาทคล้ายรองนายกรัฐมนตรี ทำให้คนในสังคมมองว่า
คนในรัฐบาลนี้ไม่ต่างจากรัฐบาลเดิมสักเท่าไหร่ แล้วที่เคยพูดว่ามีความพร้อมในการบริหารงาน
ยังพร้อมบริหารงานอยู่หรือไม่
สุดท้ายจะเกิดคำถามเรื่องความเป็นเอกภาพภายในพรรคเพื่อไทย
ว่านายเศรษฐาไม่เชื่อมือนายชูศักดิ์ ศิรินิล มือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
จึงต้องนำนายวิษณุเข้ามาเป็นเนติบริกร
เมื่อถามว่า
การตั้งนายวิษณุจะทำให้เกิดผลดีต่อคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายรังสิมันต์
มองว่า พรรคก้าวไกลโฟกัสในเรื่องของการทำงาน
เหมือนที่ตอนนี้ตนกำลังทำหน้าที่คณะกรรมาธิการความมั่นคง
จะบอกว่าเป็นเรื่องของพรรคก็ไม่ใช่ แต่เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ เราต้องพยายามทำหน้าที่ของเราตรงนี้ให้ดี
เราเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกล เราก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในทุกจุด
เราคงไม่ได้ไปรอว่าใครก้าวพลาด หรือพลาดพลั้งอะไร เราไม่สนใจตรงนั้น
แต่เราสนใจเรื่องตัวเราเอง ในการทำงานมากกว่า
แต่ถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชนแล้วให้เครดิตกับพวกเรามันดีกับเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รังสิมันต์โรม #เนติบริกร #เพื่อไทย #ก้าวไกล