รุ้ง
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล :
เราไม่ใช่ใครที่คุณคิดว่าเราเป็น
งานปิดนิทรรศการ
“วิสามัญ ยุติธรรม” #10ปีรัฐประหาร57
โดย
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน
26
พฤษภาคม 2567
สวัสดีค่ะทุกคน
“รุ้ง ปนัสยา” นะคะ จากนักศึกษาปีที่ 2 ธรรมศาสตร์ในวันนั้นที่ขึ้นเวทีด้วยชุดนี้ชุดเดิมเลยค่ะ
ประกาศข้อเรียกร้องเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ สู่วันนี้ที่เราเป็นผู้ต้องหาคดีทางการเมือง
25 คดี และเป็นคดี 112 10 คดี เรื่องนี้มันยังไม่จบค่ะ
ถามว่าแล้วเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง?
วันนี้รุ้งมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ จริง ๆ แล้วมีหลายเรื่องมากเลยค่ะที่น่าเล่าและอยากจะเล่า
ใช้เวลา 1-2 วันก็คงยังไม่หมด แต่วันนี้รุ้งจะขอเล่าเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งค่ะ
ที่คิดว่าถึงเวลาควรจะพูดสักที
เพราะครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายนะคะที่รุ้งจะมาพูดบนเวทีแบบนี้
เนื่องจากคดีทางการเมืองทั้งหลาย 112 ใกล้ตัดสินเข้ามาทุกทีแล้วค่ะ วันนี้รุ้งอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
ว่าเราทำทำไม? มันเกิดขึ้นเพราะอะไร?
ถ้าทุกคนจำกันได้ในตอนปี 2563 ทุกคนน่าจะเห็นรุ้งกับกลุ่มเพื่อน ๆ นักศึกษาออกมาเรียกร้องทำอะไรด้วยกัน ใช่ค่ะ มันมีแค่นั้น เราเป็นกลุ่มนักศึกษาที่บังเอิญมาเจอกัน รุ้งเคยพูดติดตลกกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้งเลยค่ะว่า จริง ๆ แล้วถ้าบ้านเมืองเรามันดี ถ้าการเมืองดี ถ้าบ้านเมืองไม่มีปัญหา รุ้งและเพื่อน ๆ แต่ละคนที่เราเป็นเพื่อนกันอยู่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องมาเจอกันด้วยซ้ำ เราคงไม่ต้องรู้จักกัน เพราะที่มาของเราจริง ๆ มันหลากหลายมากเลยค่ะ เรามาจากต่างที่ ต่างถิ่น ต่างมหาลัย ต่างคณะ พื้นเพก็ต่างกัน แต่มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกคนมาเจอกัน นั่นเพราะว่าพวกเราทุกคนต่างมีความหวัง มีความฝัน มีความคิดเห็นบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน มันก็เลยเกิดมาเป็นภาพนี้ค่ะ
10
สิงหาคม 2563 เราประกาศข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ก่อนหน้านั้นก็มีเพื่อน ๆ มหาลัยอื่น ๆ
ที่ก็จัดกิจกรรมที่มหาลัยของตัวเองไปแล้ว ตอนนั้นเป็นแฟลชม็อบนะคะ
ทุกคนจะเชื่อหรือไม่ก็ได้นะคะ แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น รูปนี้ที่เกิดขึ้น สำหรับรุ้ง
สายตารุ้งที่รุ้งอยู่ตรงนั้น รุ้งเริ่มมันมาด้วยกันกับเพื่อน ๆ และยังคงทำต่อ
มันมีแต่ความรักทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่ได้มีอย่างอื่น รักอะไร? เรารักเพื่อน
เรารักพ่อแม่ เรารักพี่น้องญาติ ๆ พี่น้องประชาชนที่เราก็เห็นเป็นญาติ ๆ
เพราะเราโตมาภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่ไม่เคยมีเสถียรภาพ
และในขณะที่เรากำลังจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ เรา เพื่อนเรา และทุก ๆ คนในห้องนี้
เราอยู่ภายใต้การนำของเผด็จการเช่นเดียวกัน เหมือนกัน
คิดว่ามองหน้ากันก็คงเข้าใจกันดี มันเป็นเช่นนั้นนะคะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
พวกเราแค่เป็นคนกลุ่มหนึ่ง
ประชาชนกลุ่มใหญ่ ๆ กลุ่มหนึ่งที่เดินหน้าออกมาจากบ้าน เดินมาลงถนน ด้วยความหวัง
หลังของเราแบกความหวัง ความฝัน ความรัก และความกลัวเอาไว้
แต่บางทีสิ่งที่เราแบกมันอาจจะไม่เหมือนกันนะ อย่างรูปนี้ในบางบริบทบางสถานการณ์มันก็ไม่เหมือนกัน
ด้านหลังของรุ้งในภาพนี้และเลยจากภาพนี้ไปมีแต่ประชาชนที่แบกความหวัง ความฝัน
ความรัก ความกลัว มาลงถนน
เพราะเราคิดว่าทุกอย่างที่เราเห็นอยู่ตรงหน้ามันดีกว่านี้ได้ทั้งนั้นเลย แต่เผอิญว่าในรูปนี้ก็จะเห็นนะคะว่าประชาชนก็มีแต่ประชาชนด้วยกันเอง
แต่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คนที่เขาแบกไว้อยู่ข้างหลังกลับไม่ใช่ราษฎร
พวกเราทำกันมา
เราพร้อมจะเดินออกจากบ้านได้ทุกวัน เพราะเราเชื่อว่ามันดีกว่านี้ได้
ความหวังของเรามันเข้มข้นขนาดนั้นเลยค่ะทุกคน มันเข้มข้นมากจนเรายอม
ยอมที่จะแลกอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อให้ได้มา เรายอมค่ะเอาตัวเข้าแลก มีคดี โดนจับ
เข้าคุก อดอาหาร กรีดแขน ภาพนี้ค่ะ 31 ตุลาคม 2565 ที่ราชประสงค์ ณ ขณะนั้นมีเพื่อเราอยู่ในเรือนจำเต็มไปหมดเหมือนทุกวันนี้เลยค่ะ
สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนไป วันนั้นรุ้งกรีดแขน รอยแผลยังอยู่ตรงนี้
ในเขตการเดียวกัน
วันเดียวกันขณะที่รุ้งกรีดแขน พรรคเพื่อไทย จริง ๆ ตอนนั้นก็น่าชื่นชม
เขาออกแถลงการณ์ค่ะ เห็นด้วยว่ามาตรา 112 มันมีปัญหา และมันควรจะแก้
เขาออกแถลงการณ์มาแบบนั้น แต่ก็น่าตลกดีว่ารอยแผลที่รุ้งกรีดวันนั้น
ทุกวันนี้มันไม่ได้จางลงเลยค่ะ แต่ความคิดของพรรคเพื่อไทยอาจจะจางลงไปแล้ว
น่าเสียดาย
แต่มาขณะนี้จะบอกอะไร
เราอยากบอกทุกคนว่ามันเป็นแค่นี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีแค่นี้
ใครจะบอกว่าเราเป็นใคร เป็นอะไร เราเปล่า บอกว่าเราเป็นคนล้มล้างการปกครอง
บอกเราเป็นพวกล้มเจ้า
คนที่จะทำให้เราเป็นพวกล้มเจ้าได้ก็มีแค่ศาลรัฐธรรมนูญเพียงเท่านั้นแหละค่ะ
ที่วินิจฉัยบอกว่า “รุ้ง-อานนท์-ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก” เป็นพวกล้มล้างการปกครอง
แต่เราก็จะพูดย้ำต่อไปว่า ไม่!!! ไม่ใช่!!! ไม่เคยใช่!!!
ไม่รู้ต้องพูดย้ำกี่ครั้งว่า “ปฏิรูป” แปลว่า ทำให้ดีขึ้น
น่าเสียดายที่จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมาประมาณ 4 ปีได้แล้ว ก็ยังไม่เข้าใจกันสักที
เราเป็นใคร?
ดูให้เต็มที่ค่ะ เราเป็นใคร? เราเป็นแค่นี้ เป็นแค่คน ๆ หนึ่ง เหมือนทุก ๆ
คนในห้องนี้ เหมือนทุก ๆ คนที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ ที่อยู่ในสภา อยู่ไหน ๆ ก็ตาม
เรามีเท่านี้ เท่านี้มาตลอด ไม่เคยมีอะไรมากกว่านี้ แล้วก็ไม่มีมากกว่านั้น
เป็นแค่คนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง หรือกลุ่มใหญ่ ๆ นอกจากเราก็ยังมีอีกคนอีกหลายกลุ่ม
คนหนุ่มสาว วัยรุ่น เยาวชน
ที่ต่างมีความหวังและความกลัวว่าอนาคตที่เรากำลังจะเติบโตไปมันจะเป็นยังไง
ที่เราทำกัน เพราะคำพวกนี้ ความรัก ความหวัง ความกลัว
มีเท่านี้ที่ทำให้เราทุกคนต่างออกมา
ไม่รู้ต้องอธิบายอะไรอีก
และรุ้งเชื่อว่า นอกจากรุ้งที่มาพูดอยู่ตรงนี้ คนที่อยู่ในรูปนี้ และคนอื่น ๆ
ที่รุ้งไม่ได้พูด “บุ้ง” เองก็คงมีบางส่วนในชีวิตที่ไม่ใช่ใครอย่างที่พวกเราคิดว่าเขาเป็นเหมือนกัน
มันน่าเสียดาย เขาไม่มีโอกาสได้พูดแล้วด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นใคร?
เขาทำทำไม? แต่รุ้งเชื่อค่ะ คนที่ออกมาเคลื่อนไหว คนที่ออกมาบนท้องถนน
คนที่ออกมาเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ปัญหาที่ตัวเองเห็น มันเป็นแค่นี้
แค่เราต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้ รุ้งแค่อยากพูดและอยากย้ำ
ขอสื่อสารส่งต่อคำพูดนี้ไปให้ชนชั้นนำได้เข้าใจกันบ้างสักที ว่าเราไม่ใช่ ไม่ใช่
และไม่เคยใช่ เราไม่ใช่ใครที่คุณคิดว่าเราเป็นค่ะ ขอบคุณค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #วิสามัญยุติธรรม #10ปีรัฐประหาร #10ปีศูนย์ทนายฯ