วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล : เราไม่ใช่ใครที่คุณคิดว่าเราเป็น


รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล : เราไม่ใช่ใครที่คุณคิดว่าเราเป็น


งานปิดนิทรรศการ “วิสามัญ ยุติธรรม” #10ปีรัฐประหาร57

โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน

26 พฤษภาคม 2567


สวัสดีค่ะทุกคน “รุ้ง ปนัสยา” นะคะ จากนักศึกษาปีที่ 2 ธรรมศาสตร์ในวันนั้นที่ขึ้นเวทีด้วยชุดนี้ชุดเดิมเลยค่ะ ประกาศข้อเรียกร้องเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ สู่วันนี้ที่เราเป็นผู้ต้องหาคดีทางการเมือง 25 คดี และเป็นคดี 112 10 คดี เรื่องนี้มันยังไม่จบค่ะ


ถามว่าแล้วเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง? วันนี้รุ้งมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ จริง ๆ แล้วมีหลายเรื่องมากเลยค่ะที่น่าเล่าและอยากจะเล่า ใช้เวลา 1-2 วันก็คงยังไม่หมด แต่วันนี้รุ้งจะขอเล่าเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งค่ะ ที่คิดว่าถึงเวลาควรจะพูดสักที เพราะครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายนะคะที่รุ้งจะมาพูดบนเวทีแบบนี้ เนื่องจากคดีทางการเมืองทั้งหลาย 112 ใกล้ตัดสินเข้ามาทุกทีแล้วค่ะ วันนี้รุ้งอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ ว่าเราทำทำไม? มันเกิดขึ้นเพราะอะไร?


ถ้าทุกคนจำกันได้ในตอนปี 2563 ทุกคนน่าจะเห็นรุ้งกับกลุ่มเพื่อน ๆ นักศึกษาออกมาเรียกร้องทำอะไรด้วยกัน ใช่ค่ะ มันมีแค่นั้น เราเป็นกลุ่มนักศึกษาที่บังเอิญมาเจอกัน รุ้งเคยพูดติดตลกกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้งเลยค่ะว่า จริง ๆ แล้วถ้าบ้านเมืองเรามันดี ถ้าการเมืองดี ถ้าบ้านเมืองไม่มีปัญหา รุ้งและเพื่อน ๆ แต่ละคนที่เราเป็นเพื่อนกันอยู่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องมาเจอกันด้วยซ้ำ เราคงไม่ต้องรู้จักกัน เพราะที่มาของเราจริง ๆ มันหลากหลายมากเลยค่ะ เรามาจากต่างที่ ต่างถิ่น ต่างมหาลัย ต่างคณะ พื้นเพก็ต่างกัน แต่มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกคนมาเจอกัน นั่นเพราะว่าพวกเราทุกคนต่างมีความหวัง มีความฝัน มีความคิดเห็นบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน มันก็เลยเกิดมาเป็นภาพนี้ค่ะ


10 สิงหาคม 2563 เราประกาศข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ก่อนหน้านั้นก็มีเพื่อน ๆ มหาลัยอื่น ๆ ที่ก็จัดกิจกรรมที่มหาลัยของตัวเองไปแล้ว ตอนนั้นเป็นแฟลชม็อบนะคะ ทุกคนจะเชื่อหรือไม่ก็ได้นะคะ แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น รูปนี้ที่เกิดขึ้น สำหรับรุ้ง สายตารุ้งที่รุ้งอยู่ตรงนั้น รุ้งเริ่มมันมาด้วยกันกับเพื่อน ๆ และยังคงทำต่อ มันมีแต่ความรักทั้งนั้นเลยค่ะ ไม่ได้มีอย่างอื่น รักอะไร? เรารักเพื่อน เรารักพ่อแม่ เรารักพี่น้องญาติ ๆ พี่น้องประชาชนที่เราก็เห็นเป็นญาติ ๆ เพราะเราโตมาภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่ไม่เคยมีเสถียรภาพ และในขณะที่เรากำลังจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ เรา เพื่อนเรา และทุก ๆ คนในห้องนี้ เราอยู่ภายใต้การนำของเผด็จการเช่นเดียวกัน เหมือนกัน คิดว่ามองหน้ากันก็คงเข้าใจกันดี มันเป็นเช่นนั้นนะคะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน


พวกเราแค่เป็นคนกลุ่มหนึ่ง ประชาชนกลุ่มใหญ่ ๆ กลุ่มหนึ่งที่เดินหน้าออกมาจากบ้าน เดินมาลงถนน ด้วยความหวัง หลังของเราแบกความหวัง ความฝัน ความรัก และความกลัวเอาไว้ แต่บางทีสิ่งที่เราแบกมันอาจจะไม่เหมือนกันนะ อย่างรูปนี้ในบางบริบทบางสถานการณ์มันก็ไม่เหมือนกัน ด้านหลังของรุ้งในภาพนี้และเลยจากภาพนี้ไปมีแต่ประชาชนที่แบกความหวัง ความฝัน ความรัก ความกลัว มาลงถนน เพราะเราคิดว่าทุกอย่างที่เราเห็นอยู่ตรงหน้ามันดีกว่านี้ได้ทั้งนั้นเลย แต่เผอิญว่าในรูปนี้ก็จะเห็นนะคะว่าประชาชนก็มีแต่ประชาชนด้วยกันเอง แต่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คนที่เขาแบกไว้อยู่ข้างหลังกลับไม่ใช่ราษฎร


พวกเราทำกันมา เราพร้อมจะเดินออกจากบ้านได้ทุกวัน เพราะเราเชื่อว่ามันดีกว่านี้ได้ ความหวังของเรามันเข้มข้นขนาดนั้นเลยค่ะทุกคน มันเข้มข้นมากจนเรายอม ยอมที่จะแลกอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อให้ได้มา เรายอมค่ะเอาตัวเข้าแลก มีคดี โดนจับ เข้าคุก อดอาหาร กรีดแขน ภาพนี้ค่ะ 31 ตุลาคม 2565 ที่ราชประสงค์ ณ ขณะนั้นมีเพื่อเราอยู่ในเรือนจำเต็มไปหมดเหมือนทุกวันนี้เลยค่ะ สถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนไป วันนั้นรุ้งกรีดแขน รอยแผลยังอยู่ตรงนี้


ในเขตการเดียวกัน วันเดียวกันขณะที่รุ้งกรีดแขน พรรคเพื่อไทย จริง ๆ ตอนนั้นก็น่าชื่นชม เขาออกแถลงการณ์ค่ะ เห็นด้วยว่ามาตรา 112 มันมีปัญหา และมันควรจะแก้ เขาออกแถลงการณ์มาแบบนั้น แต่ก็น่าตลกดีว่ารอยแผลที่รุ้งกรีดวันนั้น ทุกวันนี้มันไม่ได้จางลงเลยค่ะ แต่ความคิดของพรรคเพื่อไทยอาจจะจางลงไปแล้ว น่าเสียดาย


แต่มาขณะนี้จะบอกอะไร เราอยากบอกทุกคนว่ามันเป็นแค่นี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีแค่นี้ ใครจะบอกว่าเราเป็นใคร เป็นอะไร เราเปล่า บอกว่าเราเป็นคนล้มล้างการปกครอง บอกเราเป็นพวกล้มเจ้า คนที่จะทำให้เราเป็นพวกล้มเจ้าได้ก็มีแค่ศาลรัฐธรรมนูญเพียงเท่านั้นแหละค่ะ ที่วินิจฉัยบอกว่า “รุ้ง-อานนท์-ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก” เป็นพวกล้มล้างการปกครอง แต่เราก็จะพูดย้ำต่อไปว่า ไม่!!! ไม่ใช่!!! ไม่เคยใช่!!! ไม่รู้ต้องพูดย้ำกี่ครั้งว่า “ปฏิรูป” แปลว่า ทำให้ดีขึ้น น่าเสียดายที่จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมาประมาณ 4 ปีได้แล้ว ก็ยังไม่เข้าใจกันสักที


เราเป็นใคร? ดูให้เต็มที่ค่ะ เราเป็นใคร? เราเป็นแค่นี้ เป็นแค่คน ๆ หนึ่ง เหมือนทุก ๆ คนในห้องนี้ เหมือนทุก ๆ คนที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ ที่อยู่ในสภา อยู่ไหน ๆ ก็ตาม เรามีเท่านี้ เท่านี้มาตลอด ไม่เคยมีอะไรมากกว่านี้ แล้วก็ไม่มีมากกว่านั้น เป็นแค่คนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง หรือกลุ่มใหญ่ ๆ นอกจากเราก็ยังมีอีกคนอีกหลายกลุ่ม คนหนุ่มสาว วัยรุ่น เยาวชน ที่ต่างมีความหวังและความกลัวว่าอนาคตที่เรากำลังจะเติบโตไปมันจะเป็นยังไง ที่เราทำกัน เพราะคำพวกนี้ ความรัก ความหวัง ความกลัว มีเท่านี้ที่ทำให้เราทุกคนต่างออกมา


ไม่รู้ต้องอธิบายอะไรอีก และรุ้งเชื่อว่า นอกจากรุ้งที่มาพูดอยู่ตรงนี้ คนที่อยู่ในรูปนี้ และคนอื่น ๆ ที่รุ้งไม่ได้พูด “บุ้ง” เองก็คงมีบางส่วนในชีวิตที่ไม่ใช่ใครอย่างที่พวกเราคิดว่าเขาเป็นเหมือนกัน มันน่าเสียดาย เขาไม่มีโอกาสได้พูดแล้วด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นใคร? เขาทำทำไม? แต่รุ้งเชื่อค่ะ คนที่ออกมาเคลื่อนไหว คนที่ออกมาบนท้องถนน คนที่ออกมาเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ปัญหาที่ตัวเองเห็น มันเป็นแค่นี้ แค่เราต้องการอนาคตที่ดีกว่านี้ รุ้งแค่อยากพูดและอยากย้ำ ขอสื่อสารส่งต่อคำพูดนี้ไปให้ชนชั้นนำได้เข้าใจกันบ้างสักที ว่าเราไม่ใช่ ไม่ใช่ และไม่เคยใช่ เราไม่ใช่ใครที่คุณคิดว่าเราเป็นค่ะ ขอบคุณค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #วิสามัญยุติธรรม #10ปีรัฐประหาร #10ปีศูนย์ทนายฯ