วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2567

“ชัยธวัช” นัดถกพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมลุยเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 ชี้ภาพรวมปัญหาคือรัฐบาลไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตัวเอง ยันไม่มีเกี้ยเซี๊ยะ-ขอให้การกระทำและเนื้อหาการอภิปรายเป็นข้อพิสูจน์

 


ชัยธวัช” นัดถกพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมลุยเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 ชี้ภาพรวมปัญหาคือรัฐบาลไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตัวเอง ยันไม่มีเกี้ยเซี๊ยะ-ขอให้การกระทำและเนื้อหาการอภิปรายเป็นข้อพิสูจน์

 

วันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม พรรคใหม่ และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน แถลงผลการประชุมร่วม เตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

 

โดย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า วันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีมติร่วมกันที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยจะมีการประสานงานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยื่นญัตติอย่างเป็นทางการในวันพุธหน้า พร้อมกันนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านยังได้หารือกันว่าเนื้อหาสาระที่จะอภิปรายมีอะไรบ้าง รวมถึงวันเวลาที่จะต้องใช้ในการอภิปราย

 

ในการนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าควรมีเวลาในการอภิปรายอย่างน้อย 2 วัน และเวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นช่วงหลังการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 วาระ 2-3 เสร็จสิ้น ซึ่งเบื้องต้นน่าจะเข้าวาระ 2-3 วันที่ 27-28 มีนาคม ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมก็จะเป็นสัปดาห์ถัดไป คือช่วงวันที่ 3-5 เมษายน ก่อนที่สภาฯ จะปิดสมัยประชุม

 

ชัยธวัชกล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นพรรคร่วมฝ่ายค้านได้รวบรวมความคิดเห็นและข้อมูล ซึ่งจะนำไปสู่ประเด็นการอภิปรายที่แต่ละพรรคได้ทำการบ้านกันมาบ้างแล้วในเบื้องต้น โดยสรุปความเห็นว่า จนถึงตอนนี้รัฐบาลชุดใหม่ได้เข้ามาบริหารประเทศเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ก็มิได้มีการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพิกเฉยต่อการแถลงนโยบายของตนเอง ไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายและการแก้ปัญหาของประชาชนที่เร่งด่วนอย่างเป็นรูปธรรม ปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งในประเทศและนอกประเทศเอารัดเอาเปรียบประชาชน ปล่อยให้ข้าราชการเรียกรับผลประโยชน์ รีดไถประชาชน หลักนิติธรรมถูกทำลายด้วยการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม บริหารประเทศอย่างไร้จริยธรรม ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ และไร้วุฒิภาวะ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการอภิปรายในครั้งนี้จะมีข้อมูลที่นำไปสู่การเอาผิดทางกฎหมายกับรัฐบาลได้หรือไม่ ชัยธวัชระบุว่าขอให้รอติดตาม แต่โดยเบื้องต้นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลชุดใหม่คือการ “ไม่ทำอะไร” อย่างเป็นชิ้นเป็นอันและเป็นรูปธรรมตามที่ได้แถลงนโยบายไว้มากกว่า ส่วนอะไรที่ทำไปแล้วนั้นก็มีปัญหา

 

ทั้งนี้ ชัยธวัชย้ำว่าการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 จะแตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันบริหารราชการโดยมีการใช้จ่ายงบประมาณแบบไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะ พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ยังไม่ผ่าน เพราะฉะนั้น เรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณที่จะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันยังอาจจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าประเด็นที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายในครั้งนี้ไม่เลื่อนลอย มีหลักฐาน มีข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมแน่นอน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการอภิปรายครั้งนี้จะมีเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ด้วยใช่หรือไม่ ชัยธวัชกล่าวว่า ประเด็นหลักในการอภิปรายมีหลายเรื่อง โดยเรื่องนิติรัฐ-นิติธรรมเป็นแค่ส่วนหนึ่ง และในหัวข้อนี้จะไม่ได้มีเฉพาะกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณเพียงอย่างเดียว

 

แต่ประเด็นหลัก ๆ เลยคือการเพิกเฉยต่อการดำเนินนโยบายตามที่ตัวเองได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และการบริหารราชการแผ่นดินในหลาย ๆ เรื่องที่มีลักษณะไร้จริยธรรม ไร้ประสิทธิภาพ ขาดวุฒิภาวะ ไร้ผลงานที่จับต้องได้ ซึ่งหลังจากนี้ทางพรรคก้าวไกลจะประสานกับทุกพรรคเพื่อรวบรวมประเด็น เพื่อที่จะมาจัดกลุ่มในการอภิปรายและจัดสรรเวลาที่เหมาะสมร่วมกันหลังจากนี้” ชัยธวัชกล่าว

 

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงข้อสังเกตที่บางคนตั้งขึ้นมา ว่าการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคก้าวไกลมีการเกี้ยเซี๊ยะกับฝั่งรัฐบาลหรือไม่ ชัยธวัชยืนยันว่าไม่มีแน่นอน และขอให้เอาการกระทำและเนื้อหาการอภิปรายเป็นข้อพิสูจน์ดีกว่า

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #พรรคร่วมฝ่ายค้าน