“เอกราช” ตั้งกระทู้ถาม พม. กรณี“บ้านมั่นคง”คลองเปรมประชากร สลดใจกลุ่มเปราะบางถูกไล่รื้อ แต่มีบ้านกลางรองรับแค่ชุมชนละ 1-3 หลัง แถมคิดดอกเบี้ยสุดโหด 6% เท่ากับกู้ธนาคารพาณิชย์ซื้อบ้าน
วันที่ 14 มีนาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ เขต 10 พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ทั่วไปถาม วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ถึงกรณีการบริหารจัดการโครงการบ้านมั่นคงในพื้นที่คลองเปรมประชากร เขตดอนเมือง
เอกราชเริ่มต้นกระทู้ด้วยการระบุว่า ในพื้นที่คลองเปรมประชากรขณะนี้มีบ้านของครอบครัวหนึ่งเป็นผู้สูงอายุอาศัยอยู่ร่วมกันสองคน ไม่มีบุตรหลาน คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง อีกคนก็มีอายุมากและมีอาการป่วยบ่อยครั้ง แน่นอนว่ารายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอที่จะยังชีพอยู่แล้ว แต่บ้านหลังเดิมกำลังจะถูกไล่รื้อในนามโครงการบ้านมั่นคง เพราะรายได้สองคนเมื่อรวมกันบวกกับเบี้ยผู้สูงอายุยังไม่ถึง 3,000 บาทตามเกณฑ์เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ โครงการระบุว่าจะมี “บ้านกลาง” ให้กับกลุ่มผู้เปราะบาง แต่ในความเป็นจริงจากการสอบถามกับสหกรณ์โครงการบ้านมั่นคงต่าง ๆ ก็พบว่าบางโครงการมีบ้านกลางสำหรับผู้เปราะบางเพียง 1-3 หลังเท่านั้น อีกทั้งจำนวนของกลุ่มเปราะบางก็ไม่เคยได้รับการสำรวจอย่างถี่ถ้วน บางรายต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนไปนอนใต้สะพาน หลายรายกำลังถูกไล่รื้อให้ออกจากพื้นที่
ด้วยเหตุนี้ เอกราชตั้งคำถามแรกต่อรัฐมนตรีว่า พม.จะแก้ปัญหาบ้านกลางที่มีไม่เพียงพอสำหรับกลุ่มเปราะบางอย่างไร จะนำงบประมาณมาจากไหน แล้วชุมชนต่าง ๆ ต้องแบกรับภาระในการผ่อนอย่างไร รัฐจะดูแลสนับสนุนหรือจะผลักให้สหกรณ์โครงการบ้านมั่นคงรับผิดชอบในส่วนนี้ และจะช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากไร้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ รวมถึงผู้ที่กำลังถูกไล่รื้อจากโครงการนี้อย่างไร
วราวุธตอบคำถามแรกโดยระบุว่า โครงการบ้านมั่นคงเป็นโครงการของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) โดยแต่ละหลังจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐครัวเรือนละประมาณ 147,000 บาท แบ่งเป็นงบประมาณสำหรับการก่อสร้างสาธารณูปโภคส่วนกลางของชุมชนประมาณ 50,000 บาท และอีก 97,000 บาทเป็นงบประมาณสำหรับอุดหนุนและช่วยเหลือค่าก่อสร้างของสมาชิกแต่ละคน
การออกแบบบ้านมั่นคงโดยทั่วไปจะเป็นบ้านแบบสองชั้น ส่วน “บ้านกลาง” สำหรับกลุ่มผู้เปราะบางนั้นจะเป็นบ้านชั้นเดียว อย่างเช่นในชุมชนเปรมประชาสมบูรณ์ ริมคลองเปรมประชากร ที่มีจำนวนครัวเรือนอยู่ทั้งหมด 124 หลัง มีบ้านกลางอยู่หลังเดียว ซึ่งค่าใช้จ่ายของบ้านกลางรวมถึงค่าก่อสร้างจะไม่ใช่การผลักภาระไปให้ชุมชนทั้งหมด แต่เงินส่วนหนึ่งจะมาจากภาครัฐสนับสนุนเช่นกัน
วราวุธกล่าวต่อไปว่า ในกรณีบ้านกลางของโครงการบ้านมั่นคงที่ พอช.รับผิดชอบนั้น ชุมชนจะทำข้อตกลงร่วมกันไว้ว่าถ้ามีผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือและไม่สามารถหารายได้ได้ สมาชิกในสหกรณ์ทุกคนจะร่วมกันแบกรับไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าก่อสร้าง ค่าเช่าบ้าน รวมถึงค่าน้ำ-ค่าไฟต่าง ๆ เมื่อเข้าอยู่แล้ว ดังนั้น การที่จะมีคนในส่วนของบ้านกลางอย่างไร จำนวนเท่าใด ชุมชนจะต้องมีความเห็นชอบร่วมกันด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวง พม. นอกจาก พอช.แล้วยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือแม้แต่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
และท้ายที่สุด หากว่ายังมีเรื่องเดือดร้อนจริง ๆ กระทรวง พม.ยังมีศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน ที่จะสามารถส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปยังชุมชนต่าง ๆ เพื่อดูว่ามีปัญหาเบื้องต้นอย่างไร ขาดเหลืออะไรที่จะสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหรือไม่ และจะมีการสนับสนุนประชาชนที่มีความต้องการมากขึ้นได้อย่างไร โดยในกรณีของครอบครัวผู้สูงอายุที่คลองเปรมประชากร พม.อาจจะประเมินว่ามีศักยภาพในการประกอบอาชีพอะไรได้หรือไม่ ถ้ายังมีก็สามารถส่งเสริมศักยภาพ และหาอาชีพต่าง ๆ ให้ได้
ต่อการตอบคำถามแรกของรัฐมนตรี เอกราชระบุว่าเท่าที่ฟังมา รัฐมนตรีพยายามอธิบายกลไกต่าง ๆ ของกระทรวง พม. ซึ่งตนเข้าใจดี แต่กระทู้ที่ถามในวันนี้ก็เนื่องมาจากกลไกที่มีอยู่นั้นบิดเบี้ยว และไม่สะท้อนภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จึงอยากชวนรัฐมนตรีลงไปดูพื้นที่ด้วยกันที่ริมคลองเปรมประชากร ซึ่งมีประชาชนกำลังถูกไล่รื้อ มีคนที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เราจะปล่อยให้เขาเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่หรืออย่างไร ตนอยากให้รัฐมนตรีมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
ส่วนในคำถามที่สอง เอกราชกล่าวว่าสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงแล้ว ก็กำลังประสบปัญหาอัตราดอกเบี้ยของ พอช. ซึ่งเป็นภาระหนี้สินถึงร้อยละ 4 ของค่าบ้านทั้งหมด บวกกับดอกเบี้ยของสหกรณ์อีกประมาณร้อยละ 2 เมื่อรวมแล้วผู้เข้าร่วมโครงการต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยอยู่ประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับการกู้จากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปอัตราดอกเบี้ยบ้านก็จะอยู่ประมาณนี้ คำถามคือ นี่เป็นโครงการของภาครัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อยจริงหรือ
เอกราชกล่าวต่อไปว่า จากที่ตนคำนวณมาตามเอกสารประชาสัมพันธ์ของ พอช. ราคาบ้านจะอยู่ที่ประมาณ 460,000 บาท เมื่อคำนวณดอกเบี้ยร้อยละ 6 เป็นระยะเวลา 30 ปี ราคาบ้านรวมแล้วจะอยู่ที่หลังละประมาณ 7 แสนบาท โดยดอกเบี้ยร้อยละ 4 ที่เก็บไปจะนำไปใช้ในการบริหารองค์กร พอช. คำถามคือ รัฐมนตรีจะสามารถปรับลดในส่วนนี้ได้หรือไม่ และผู้ที่ผ่อนคืนไปแล้วจะมีมาตรการเยียวยาอย่างไร แต่ถ้าหาก พอช.บอกว่าไม่สามารถปรับลดได้ รัฐมนตรีพอจะมีแนวทางที่จะบรรเทาภาระต่าง ๆ ของประชาชนในส่วนนี้หรือไม่
วราวุธตอบคำถามที่สองโดยระบุว่า ในเรื่องของดอกเบี้ยที่ พอช.ระบุว่าต้องนำเงินไปบริหารองค์กร ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น เนื่องจาก พอช.ไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล เพราะไม่ได้เป็นหน่วยราชการระดับกรมหรือรัฐวิสาหกิจ แต่เป็นองค์การมหาชน แม้ พอช.จะมีเงินสะสมอยู่ แต่เงินเหล่านั้นก็เป็นกองทุนที่จะนำไปให้ประชาชนกู้ยืม โดยหากผลประกอบการของสหกรณ์หรือของ พอช.สามารถดำเนินการไปได้ก็จะมีการคืนดอกเบี้ยให้ผู้ร่วมโครงการประมาณเกือบร้อยละ 1 จากร้อยละ 4 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนี้กำหนดมาตั้งแต่ปี 2563 และยังไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งถ้าหากว่าลดได้เองตนก็อยากจะขอลด แต่ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่ พอช.ต้องใช้บริหารจัดการก่อน
วราวุธกล่าวต่อไปว่า พอช.เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ และมีเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปทำงานทุกพื้นที่ แต่ในบางพื้นที่ยังมีข้อจำกัด เช่น พื้นที่บริเวณริมคลองเปรมประชากรจะต้องนำประชาชนที่อยู่ติดริมคลองขึ้นมาอยู่บนบก เพื่อที่จะได้ไม่จะรุกล้ำพื้นที่คลอง และเมื่อนำมาอยู่บนฝั่งคลองแล้วพื้นที่ก็จะต้องขยายขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าบางครั้งก็ไม่พอ ขณะนี้ทาง พอช.เองก็กำลังเร่งหาพื้นที่ให้ประชาชนสามารถขยับขยายไปอยู่ในพื้นที่อื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ราชพัสดุ หรือพื้นที่ของหน่วยงานอื่น ๆ
ส่วนกรณีประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงได้ วราวุธกล่าวว่าตนขอรับเป็นการบ้านว่าจะทำอย่างไร เพราะในการหาที่พักอาศัยให้กับประชาชนนั้นทางกระทรวง พม.คงจะไม่สามารถดำเนินการได้เพียงหน่วยงานเดียว ก็จะขอรับเป็นการบ้านไปประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการหาสถานที่ แม้กระทรวง พม.จะมีพื้นที่อยู่ระดับหนึ่ง แต่การจะหางบประมาณมาเพิ่มเติมนั้นก็คงจะต้องขอการสนับสนุนจากทางสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ พรุ่งนี้ 9 โมงเช้าตนจะไปลงพื้นที่คลองเปรมประชากรตลอดเส้นทางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำรวจว่ามีข้อจำกัดอย่างไร หรือต้องพัฒนาเพิ่มเติมอย่างไร
เอกราชได้ฝากทิ้งท้ายถึงรัฐมนตรีว่า สถานการณ์ของคนจนเมืองในขณะนี้ หากไร้ที่อยู่อาศัยแล้วย่อมไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก ต้องไปนอนใต้สะพานลอยอย่างเดียว นี่คือสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพาะในเขตดอนเมืองเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วประเทศ จึงขอฝากให้รัฐมนตรีให้ความใส่ใจและติดตามปัญหานี้อย่างใกล้ชิดด้วย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ประชุมสภา #กระทรวงพัฒนาสังคม #พม #บ้านมั่นคง #คลองเปรมประชากร