พิธาบรรยายหอการค้าพิษณุโลก
มองรัฐบาลเศรษฐาไม่แก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน-การคลังไม่ไปด้วยกัน
ชวนคนตั้งคำถามให้ไกลกว่าวิวาทะรัฐบาล-แบงก์ชาติ
วันที่
25 กุมภาพันธ์ 2567 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นบรรยายในหัวข้อ “เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย
ในอีก 5 ปีข้างหน้า”
ซึ่งจัดโดยกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดพิษณุโลก (YEC) ที่โรงแรมท็อปแลนด์ จังหวัดพิษณุโลก
พิธาเริ่มบรรยายโดยการกางกราฟข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(IMF) ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีคาดการณ์การเจริญเติบโตเศรษฐกิจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่
3.6% และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 17,000
ดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน ดังนั้น
เมื่อถามว่าตนอยากเห็นทิศทางเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไร
คงตอบได้ว่าอยากเห็นเศรษฐกิจที่ “คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก”
แต่คำถามต่อมาคือจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดวงจรอุบาทว์ทางเศรษฐกิจ
และจะพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจให้ไปไกลได้มากกว่านี้อย่างไรบ้าง
เมื่อย้อนกลับไปดูประเทศที่เติบโตขึ้นมาส่วนใหญ่นั้นเริ่มต้นด้วยการผลิตสินค้าและบริการที่
Low Tech
- Low Touch เช่น อินเดีย จีน บราซิล
ซึ่งอาจจะเป็นไปได้เพราะมีการผลิตที่รวดเร็ว จำนวนมาก มีต้นทุนที่ถูก
มีตลาดที่กว้างขวาง ทำให้สามารถทำสินค้าและบริการดังกล่าวได้
แต่ปัญหาคือประเทศไทยไม่สามารถสู้กับต่างชาติด้วยวิธีนี้ได้อีกแล้ว
เราไม่สามารถและไม่ควรกดค่าแรงให้ถูกเท่าประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น
ทิศทางที่เป็นไปได้อย่างเดียวคือการเน้นอุตสาหกรรมสินค้าและบริการ High
Tech - High Touch ที่มองว่าประเทศที่อยู่ระดับกลางๆ
อย่างเช่นประเทศไทยจะต้องเดินเส้นทางนี้
แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
กลับพบว่าวิวาทะกันในหน้าสื่อเป็นเพียงแค่คำถามว่าวิกฤตหรือไม่ GDP จะโตเท่าไหร่
จะคงหรือจะลดอัตราดอกเบี้ย นี่คือปัญหาการเมืองหรือปัญหาเศรษฐกิจกันแน่ ฯลฯ
โดยมีการแสดงออกผ่านทวิตเตอร์และการให้ข่าวสื่อมวลชนกันไปมา
พิธากล่าวว่า
ตนมองว่าจุดอ่อนของรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน
ก็คือการไม่แตะที่ต้นตอโครงสร้างเศรษฐกิจที่เป็นปัญหา
เน้นการแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยการลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว
ซึ่งเป็นมาตรการทางการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้กำหนด
โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพ
แต่รัฐกลับไม่ยอมใช้มาตรการทางการคลังที่ยังมีช่องว่างให้พอทำได้
และถือเป็นอำนาจโดยแท้ของรัฐบาลที่จะสามารถทำได้
นอกจากนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างจริงจังเพื่อแสวงหาความเข้าใจที่ชัดเจนตรงกันเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในการแก้ไขปัญหาระยะยาวเชิงโครงสร้างให้มีประสิทธิภาพ
ทำให้ผู้กุมนโยบายการเงินและการคลังไม่ได้เห็นทิศทางตรงกันหรือเดินไปในทางเดียวกัน
จึงกลายเป็นวิวาทะที่ปรากฏอยู่ในหน้าสื่อเท่านั้น
ยิ่งทำให้สังคมไม่มั่นใจในเศรษฐกิจไทย
โดยความกังวลสองประเด็นหลักของนักลงทุนคือความไม่สอดคล้องกันของนโยบายการเงิน-การคลัง
และความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย
ต่อมา
ถ้าเราสนใจตัวชี้วัดแค่ GDP
ว่าจะต้องโตเท่าไหร่ ดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นเท่าไหร่
แต่ไม่ได้กำหนดตัวชี้วัดอื่น ๆ ให้ไปสู่ “เศรษฐกิจที่ดี”
ประเทศไทยก็จะไม่สามารถไปไกลกว่านี้ได้อีกแล้ว
เราควรตั้งคำถามให้ไกลและลึกมากกว่านั้นโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เช่น
จะช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างไรให้สามารถแข่งขันได้
โครงสร้างต้นทุนพลังงานเป็นธรรมหรือไม่
การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ประชาชนดำเนินการธุรกิจได้ง่ายจะต้องแก้อะไรบ้าง
การกระจายรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะไปไกลมากกว่าการกระจุกแค่ 5 จังหวัดท่องเที่ยวได้หรือไม่และทำอย่างไร
ทำอย่างไรจึงจะเก็บภาษีสินค้าจากต่างประเทศให้เสมอภาคเป็นธรรมกับแม่ค้าในประเทศ
ไม่ให้เกิดเหตุ “แพลตฟอร์มโต แม่ค้าตาย” ฯลฯ
พิธากล่าวต่อไปว่า
ตัวอย่างข้อเสนอ High
Tech ของก้าวไกล คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
สมมติว่าเราตั้งโจทย์การสร้างเศรษฐกิจใหม่จากปัญหาของคนพิษณุโลก
เช่นกรณีน้ำประปาทั้งประเทศ ที่มีการสูญเสียในระบบกว่า 52% และหลายแห่งมีระบบท่ออายุมากกว่า
70 ปี
นำมาสู่ข้อเสนอของก้าวไกลคือการสร้างระบบน้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ
พร้อมระบบเซ็นเซอร์ สมาร์ตมิเตอร์ ออกบิลเก็บเงินผู้ใช้โดยอัตโนมัติ สะดวก รวดเร็ว
มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่น้ำประปาที่มีคุณภาพดี สะอาด ดื่มได้
แต่ยังสามารถต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีก เช่น
การผลิตน้ำสะอาดเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตชิป แผงวงจร
เพื่อนำไปใช้ต่อในโทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ฯลฯ
ส่วนประเด็นเรื่อง
High
Touch ในเมื่อรัฐบาลผลักดัน Soft Power มีกางเกงประจำจังหวัดแล้ว
พิธามองว่า Soft Power ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจสร้างสรรค์
แต่สิ่งที่สำคัญมากก็คือเสรีภาพ ความหลากหลาย กฎหมายที่ไม่ปิดกั้นควมคิดสร้างสรรค์
และหากสังเกตจากดัชนีตัวเลขประเทศที่มีความแข็งแกร่งทาง Soft Power มากที่สุดในโลก
ก็พบว่าส่วนใหญ่มาจากการเป็นประชาธิปไตยและมีเสรีภาพในการแสดงออก
รวมถึงสิ่งที่ทิ้งไม่ได้เลยคือสวัสดิการและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
สุดท้าย
พิธาเล่าถึงแนวคิดในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม โดยพรรคก้าวไกลเสนอ “3F” ได้แก่
Firm Ground วางรากฐานเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง, Fair
Game สร้างกติกาและกลไกภาครัฐเพื่อเศรษฐกิจที่เป็นธรรม, และ Fast Growth เสริมเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #พิธา