“ภคมน” ตั้งกระทู้ถามรัฐบาล
วางแนวทางอนาคตส่งเสริมเสรีภาพสื่อมวลชนไม่ให้ถูกละเมิด
หลังเกิดเหตุจับกุมนักข่าว-ช่างภาพ ย้ำเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน
วันที่
15 กุมภาพันธ์ 2567 ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี
เรื่องการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพสื่อมวลชน โดยนายกฯ มอบหมายให้ ภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบแทน
ภคมนกล่าวว่า
การละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในยุครัฐบาลเผด็จการและยุครัฐบาลสืบทอดอำนาจ แต่จากกรณีเมื่อวันที่
12 กุมภาพันธ์ ที่มีการจับกุมสื่อมวลชน 2 คนตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่
22 พฤษภาคม 2566 เชื่อมโยงว่าสื่อมวลชนเหล่านั้น
“ร่วมสนับสนุนการกระทำผิดในคดีอาญา”
จากการทำข่าวกิจกรรมพ่นสีบนกำแพงวัดพระแก้วเมื่อวันที่ 28 มีนาคม
2566 ตนมองว่าการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการทำข้ามขั้นตอน
เพราะไม่มีการส่งหมายเรียกก่อน จึงฝากคำถามไปยังรัฐบาลว่า
ปล่อยให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร
และจะแก้ไขปัญหาในกระบวนการยุติธรรมอย่างไร
“ดิฉันมีความเป็นห่วง เพราะในสังคมที่มีความเห็นต่าง
กระบวนการยุติธรรมต้องเชื่อถือได้และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
ดิฉันไม่ได้บอกว่ารัฐบาลนี้ปิดปากหรือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
แต่เราจำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาพูดคุยกัน ว่ากระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน
เราจะแก้ไขอย่างไร” ภคมนกล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ตนมีความกังวลเนื่องจากบริบทสื่อมวลชนในประเทศไทย
สื่อไม่สามารถมีอิสระได้อย่างเต็มที่ เพราะธุรกิจสื่อต้องพึ่งพาแหล่งทุน
ทำให้การที่รัฐกดดันสื่อและปิดปากสื่อผ่านการสร้างความกลัว ทำได้ง่ายมาก
เพราะท้ายที่สุด ทุนจะไปกดดันสื่อต่อ
ไม่มีทุนไหนพร้อมแบกความเสี่ยงโดยการทำให้รัฐไม่พอใจ เมื่อรัฐออกหมายจับ
เมื่อถูกตีตราว่าผิด ต้นสังกัดที่ต้องพึ่งพาทุน
ก็ต้องปกป้องตัวเองและเลือกผลักไสแรงงานสื่อเหล่านี้ออกไป
กรณีแบบนี้เกิดหลายครั้ง
เป็นการสร้างความหวาดกลัวในยุคเผด็จการ แต่วันนี้ในยุครัฐบาลพลเรือน
เราจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปอย่างนั้นหรือ ดังนั้น คำถามที่ 2 ที่จะถามรัฐบาลคือ
ในยุครัฐบาลพลเรือน จะมีการคุ้มครองเสรีภาพสื่ออย่างไรบ้าง
โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย มีประเด็นล่อแหลม เช่น การชุมนุมทางการเมือง
ภคมนย้ำว่า
สิ่งที่รัฐต้องตระหนักอยู่เสมอ คือสื่อไม่ใช่ PR หรือ IO ของรัฐ
เมื่อใดก็ตามที่สื่อหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพ หยิบปากกาขึ้นมาบันทึกสถานการณ์
ข้อเท็จจริงออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ
หน้าที่หลักของสื่อไม่ใช่การนำเสนอความเห็นเพื่อเทิดทูนและสร้างความราบรื่นให้แก่รัฐ
แต่เป็นการสะท้อนปรากฏการณ์ สะท้อนความจริง ไม่ว่าความจริงนั้นจะเป็นประโยชน์กับฝ่ายไหน
ภคมนกล่าวว่า
ตนอยากเห็นภาพที่แตกต่างไปจากช่วงรัฐบาลเผด็จการ
ที่ผ่านมาสื่อมวลชนถูกกดให้หลังขดหลังงอ
เราจะทำอย่างไรให้สื่อสามารถยืนหลังตรงได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง
ประเด็นที่แหลมคมในสังคม ท่านเป็นตัวแทนรัฐบาลพลเรือน
ควรภาคภูมิใจที่สังคมกล้าขับเคลื่อนประเด็นที่ก้าวหน้า ไม่ใช่แค่การทำข่าวดราม่า
ข่าวฆาตกรรม พอเป็นข่าวแบบนี้ รัฐแทบไม่เคยยุ่ง แต่เมื่อไรที่เป็นเรื่องทางสังคม
เรื่องการเมือง รัฐจะต้องสอดมือเข้ามาทันที
ดังนั้นคำถามสุดท้าย
ในภาพใหญ่
รัฐบาลมีแนวทางส่งเสริมเสรีภาพของสื่ออย่างไรไม่ให้ถูกละเมิดเสรีภาพในการนำเสนอข่าว
ไม่ให้สื่อถูกเซ็นเซอร์ ไม่ให้ถูกฟ้องปิดปาก
และรัฐบาลจะการันตีได้หรือไม่ว่าเหตุการณ์ลิดรอนเสรีภาพสื่อ จะเป็นครั้งสุดท้าย
“ในฐานะคนเคยทำสื่อ ยืนยันว่าเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพของประชาชน
ดิฉันขอใช้พื้นที่สภาฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย คุยกันถึงหลักการในอนาคต
ดิฉันยังหวังว่ารัฐบาลพลเรือนชุดนี้ จะสลัดรอยต่อของรัฐบาลเผด็จการ
คืนศักดิ์ศรีคืนเสรีภาพให้สื่อมวลชน” ภคมนกล่าว