วันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

“หมอเหวง” พบ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ช่วยผลักดันให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเร่งรัดคดีความปี 53 คืนความยุติธรรมให้ปชช. และแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เอาคนฆ่า/คนสั่งฆ่า มาลงโทษตามกฎหมาย

 


“หมอเหวง” พบ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ช่วยผลักดันให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเร่งรัดคดีความปี 53 คืนความยุติธรรมให้ปชช. และแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เอาคนฆ่า/คนสั่งฆ่า มาลงโทษตามกฎหมาย


วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.30 น. ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย คณะประชาชนทวงความยุติธรรม นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ, ญาติวีรชน เมษา-พฤษภา 53, ทนายโชคชัย อ่างแก้ว และประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและรักความยุติธรรม ได้เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือทวงความยุติธรรมเพื่อให้มีปฏิบัติการที่เป็นจริง ในกรณีคดีความจากการปราบปรามประชาชนปี 2553 โดยมี ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, อภิชาต ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคก้าวไกล,  เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล, ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคก้าวไกล, ปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. เขตพระโขนง-บางนา พรรคก้าวไกล ให้การต้อนรับ


นพ.เหวง ได้กล่าวก่อนเดินเข้าด้านในรัฐสภาว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา คปช.53 ได้ไปยื่นหนังสือต่อพรรคเพื่อไทย และทวงคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ในการทวงความยุติธรรมให้กับวีรชนประชาธิปไตย เมษา-พฤษภา 53 โดย 3 ข้อเรียกร้องเร่งด่วน ได้แก่ 1) ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายต่าง ๆ ตรวจสอบเร่งรัดคดีความปี 2553 ที่ถูกแช่แข็ง ไม่มีการไต่สวนชันสูตรพลิกศพซึ่งมีจำนวนมากถึง 62 ศพ ให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย 2) แก้ไขกฎหมายทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหารและนักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง และ 3) ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา 2553 ซึ่งนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้รับหนังสือและรับจะนำเสนอหัวหน้าพรรคต่อไป


นอกจากนี้ นพ.เหวง ยังกล่าวว่า “ประชาชนยังจับตาดูอยู่ว่าท่าทีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในการทวงความยุติธรรมให้วีรชนประชาธิปไตยปี 53 หากรัฐบาลนิ่งเฉย ผมก็อยากจะรู้ว่าคนเสื้อแดงทั่วประเทศจะรู้สึกอย่างไรต่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเพื่อไทย”  


นพ.เหวง กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพบกับพรรคก้าวไกลในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ด้วยความหวังว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่พรรคก้าวไกลจะผลักดันให้มีการปฏิบัติจริงในการทวงความยุติธรรมตามข้อเรียกร้อง โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการฯ ตรวจสอบเร่งรัดคดีความปี 2553 ให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน


ด้านทนายโชคชัย กล่าวว่า “ในส่วนของการติดตามทวงถามความเป็นธรรม เราได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 แล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไปที่พรรคเพื่อไทย และวันนี้ก็มาพบพรรคก้าวไกล คุณหมอเหวงได้พูดไปค่อนข้างจะครบถ้วนแล้ว เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์มันผ่านมานานแล้ว จะได้รับการชำระสะสาง ซึ่งเป็นความหวังของญาติ ของพวกเราที่ไม่เคยลืมเรื่องนี้”


จากนั้นคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 นำโดย นพ.เหวง ได้เดินเข้าไปยังจุดนัดหมายรับ-ยื่นหนังสือ ระหว่างนั้น “หมอเหวง” ได้กล่าวว่า ภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ยาวไกล คือหยุดการฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางถนน และหยุดการยึดอำนาจรัฐประหารในประเทศไทย ผมไม่แน่ใจว่าในช่วงชีวิตผมนี้จะบรรลุภาระนี้ได้สำเร็จหรือเปล่า หากผมเสียชีวิตไปโดยยังมีการฆ่าประชาชนกลางถนนและยังมีการยึดอำนาจรัฐประหารอยู่อีก ผมก็อยากจะฝากให้พี่น้องประชาชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสาว กรุณาแบกรับภารกิจนี้ต่อไป คือการหยุดทหารขวาจัดฆ่าประชาชนกลางถนน และหยุดการยึดอำนาจรัฐประหาร และวิธีการ “หยุด” มีประการเดียวคือจับคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย


เมื่อถึงจุดยื่น-รับหนังสือของรัฐสภา นพ.เหวง ได้โชว์หนังสือ “การขับเคลื่อนทวงความยุติธรรม 2553 – 2566 จาก นปช. ถึง คปช. 53” ซึ่งถือเป็นภารกิจต่อเนื่องจาก แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ปัจจุบันไม่มีสภาพองค์กรนำแล้ว คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 หรือ คปช.53 จึงเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนทวงความยุติธรรมให้วีรชนประชาธิปไตย เมษา-พฤษภา 53 ต่อไป ซึ่งในหนังสือดังกล่าวมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญในการตรวจสอบและผลักดันคดีความที่ถูกแช่แข็งจนเหลืออีก 6 ปีจะหมดอายุความ ให้สามารถดำเนินการชันสูตรพลิกศพและให้ศาลได้มีคำสั่งการตาย และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่สำคัญคือคำโต้แย้งของอธิบดีศาลอาญา (นายธงชัย เสนามนตรี) ที่ไม่เห็นด้วยกับป.ป.ช. ที่ยกฟ้อง อภิสิทธิ์-สุเทพ


ในเวลาต่อมา ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือ โดย นพ.เหวง ขอให้พรรคก้าวไกลผลักดันให้เกิดการตั้งคณะกรรมการเพื่อทวงความยุติธรรมฯ, แก้กฎหมายให้ทหารและนักการเมืองที่กระทำผิดอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน และเซ็นรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์เมษา-พฤษภา53


ชัยธวัช กล่าวว่า ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในวันนี้ หลายท่านก็ได้ทำงานร่วมกันมาสิบปี ในการพยายามค้นหาข้อเท็จจริงเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเหตุการณ์สลายการชุมนุมในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ต้องเรียกว่ากว่าทศวรรษแล้ว แม้ว่ายังเป็นฝ่ายค้านอยู่ เราก็คิดว่าเราจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาได้ประสานงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอยู่เป็นระยะ เพื่อขอติดตามความคืบหน้าของคดีความที่ค้างอยู่ในสารบบ ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่ศาล การไต่สวนการตายในชั้นสอบสวนไปแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้มีการสั่งฟ้องขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาล หรือคดีความที่ยื่นสั่งฟ้องไปแล้ว แต่ก็ถูกตีตกด้วยสาเหตุหลาย ๆ อย่างในแง่เทคนิคทางกฎหมาย รวมถึงอีก 62 ศพ ที่ยังไม่มีการไต่สวนการตายจนถึงวันนี้ ก็ได้พยายามติดตามอยู่เป็นระยะเพื่อที่จะผลักดันให้คดีเหล่านี้มีความคืบหน้า


ชัยธวัช กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น คิดว่าจะรับข้อเสนอว่าเราจะผลักดันให้มีคณะกรรมการในการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้อย่างไร ซึ่งน่าจะมีหลายช่องทาง  และถ้าจะให้มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีอำนาจทางกฎหมายพอสมควร ซึ่งผมอยู่ในคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรมด้วย แต่ในการพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรมนี้ไม่ได้พูดเฉพาะเรื่องการนิรโทษกรรมอย่างเดียว แต่มีการพูดคุยกันเรื่องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือการสลายการชุมนุมปี 2553 ที่จะต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะใช้ช่องทางนี้ในการผลักดันด้วย


“ขณะเดียวกัน คณะกมธ.ของสภาก็น่าจะทำได้ แม้ว่าอาจจะมีข้อจำกัดในการเรียกหลักฐานและบุคคล นอกจากกมธ.ความมั่นคงแล้ว จะต้องหารือกับกมธ.กฎหมายการยุติธรรมสิทธิมนุษยชน แม้ทางรัฐบาลจะเป็นประธานกมธ. แต่คิดว่าน่าจะคุยกันได้” ชัยธวัชกล่าว


หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า  ขณะนี้พรรคก้าวไกลได้พิจารณาการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทบทวนแก้ไขกฎหมายความมั่นคงที่ผ่านมา ที่เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยไม่ต้องรับผิด รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการอำนวยความยุติธรรมให้คดีสลายการชุมนุมปี 2553 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมาก ปรากฏว่าเรามีบทเรียนว่ามีการส่งฟ้องศาลแล้ว แต่ด้วยกฎหมายเกี่ยวกับศาลทหารทำให้ศาลยุติธรรมโอนคดีไปยังศาลทหาร สุดท้ายศาลทหารก็ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายการชุมนุมจนเสียชีวิต


โดยตอนนี้ใน กมธ.การทหาร ได้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับศาลทหารอยู่ เชิญผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศาลทหารร่วมแก้ไขสาระสำคัญ นอกจากเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ทหารระดับล่างแล้ว ต้องทำให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหาทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความผิดในยามสงคราม ต้องขึ้นศาลยุติธรรมเหมือนประชาชนทั่วไป เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เป็นไปอย่างเท่าเทียมและได้มาตรฐานเดียวกัน


หลังจากที่ร่วมประชุมหารือร่วมกันแล้ว นพ.เหวง ได้กล่าวว่า ท่านผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทน รับปากจะเดินเรื่องไปยัง กมธ.กฎหมายยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน เพื่อให้กมธ.ชุดนี้ยึดกุมเรื่องทวงความยุติธรรมให้กับวีรชนประชาธิปไตย เมษา-พฤษภา53 ให้ถึงที่สุด


นอกจากนี้ ผู้นำฝ่ายค้านยังได้ตอบรับอย่างหนักแน่นในการเดินเรื่องการแก้กฎหมายให้ทหารและนักการเมืองที่ทำผิดอาญาต่อพลเรือน ต้องขึ้นศาลพลเรือน โดยเรื่องนี้ต้องสามัคคีทุกฝ่ายทุกพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร โดยเดินเรื่องผ่านกมธ.ทหาร ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เตรียมร่างไว้เรียบร้อยแล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #ก้าวไกล #ทวงความยุติธรรม #เมษาพฤษภา53