วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ปล่อยตัวแล้ว 'เอกชัย หงส์กังวาน' หลังครบกำหนดโทษ ติดคุกกว่า 1 ปี ฝากเพื่อไทย-ก้าวไกล อย่าลืมประชาชนที่เคยออกมาสู้ อย่าลืมนักโทษการเมือง ร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม

 


ปล่อยตัวแล้ว 'เอกชัย หงส์กังวาน' หลังครบกำหนดโทษ ติดคุกกว่า 1 ปี ฝากเพื่อไทย-ก้าวไกล อย่าลืมประชาชนที่เคยออกมาสู้ อย่าลืมนักโทษการเมือง ร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม 


วันนี้( 4 ก.พ. 67) เวลาประมาณ 8.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า “เอกชัย หงส์กังวาน” นักกิจกรรมทางการเมือง และเป็นผู้ต้องขังที่ทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (4) ถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี ครบกำหนดโทษ โดยได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระหว่างการเข้ารับการรักษาอาการป่วย 


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ย้อนไปในคดีนี้เอกชัยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก ซึ่งข้อความที่โจทก์หยิบยกมาฟ้องเป็นเนื้อหาที่เอกชัยบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในเรือนจำ รวมไปถึงประเด็นเรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำชาย ที่เอกชัยเคยประสบมาระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยบอกเล่าเป็นซีรีส์ทั้งหมด 14 ตอน โดยข้อความที่ถูกกล่าวหาปรากฏในตอนที่ 9 และศาลอาญา ได้เห็นว่าเขามีความผิด พิพากษาจำคุก 1 ปี


ต่อมา เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2565 ภายหลังยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา ทำให้เอกชัยต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างฎีกาอยู่หลายครั้ง รวมถูกขังเป็นระยะเวลากว่า 154 วัน ซึ่งภายหลังได้รับการประกันตัวในการยื่นประกันครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2565 


ก่อนที่วันที่ 6 ก.ค. 2566 ในนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ก็ได้พิพากษายืนเช่นกัน มีใจความสำคัญระบุว่า การโพสต์ใช้ถ้อยคำกล่าวถึงการมีเพศสัมพันธ์ของจำเลยกับนักโทษชายอื่นในระหว่างต้องขังคดีอื่นในเรือนจำอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการผิดวิสัยของวิญญูชนผู้รู้ผิดชอบตามปกติพึงปฏิบัติ เป็นข้อความที่ไม่สุภาพ เข้าข่ายลามกอนาจาร และมีลักษณะยั่วยุกามารมณ์ 


ผลคำพิพากษาดังกล่าวทำให้เอกชัยต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกครั้ง ท่ามกลางคำถามถึง การคำนวณโทษจำคุก ที่ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 ตามบทบัญญัติศาลอาจเลือกใช้การคำนวณโทษได้สองวิธี วิธีที่ 1 เพิ่มโทษก่อน แล้วจึงค่อยลดโทษจากผลที่เพิ่ม หากศาลคำนวณตามวิธีนี้ ก่อนเพิ่มหรือลดโทษเอกชัยจะมีโทษจำคุก 1 ปี เมื่อเพิ่มโทษหนึ่งในสามจะมีโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน จึงค่อยนำผลลัพธ์นี้มาลดโทษลงหนึ่งในสาม เท่ากับว่าเอกชัยจะมีโทษจำคุกหลังลดโทษ 10 เดือน 20 วัน


วิธีที่ 2 ไม่เพิ่มและไม่ลดโทษ (วิธีที่ศาลใช้) หากศาลคำนวณตามวิธีนี้ ส่วนของการเพิ่มโทษและการลดโทษที่เท่ากันนี้จะหายกันไป ไม่เพิ่มและไม่ลดโทษ เท่ากับว่าเอกชัยจะมีโทษจำคุกคงเดิมตามที่พิพากษาคือ 1 ปี


จากผลลัพธ์ในข้างต้น จะเห็นได้ว่าโทษจำคุกจากการคำนวณทั้งสองวิธีนี้แตกต่างกันถึง 1 เดือน 10 วัน แม้กฎหมายจะเปิดช่องให้ศาลใช้ดุลยพินิจได้ว่าจะเพิ่มและลดโทษด้วยวิธีใด แต่ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (4) โดยเฉพาะในกรณีการบอกเล่าประสบการณ์ของเอกชัย ไม่ได้เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงและไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม ศาลกลับไม่ใช้กฎหมายส่วนที่เป็นคุณ บังคับแก่จำเลย


อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ถูกจำคุกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 เอกชัย ติดอยู่ในเรือนจำอีกครั้ง 214 วัน เมื่อรวมทั้งคดี เอกชัยติดคุกรวม 368 วัน หรือมากกว่า 1 ปี


ด้านเอกชัย ได้เปิดเผยภายหลังได้รับการปล่อยตัวว่า ปีนี้ผมอาจจะเป็นนักโทษทางการเมืองคนแรกที่ถูกปล่อยตัวออกมา ตอนนี้ยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองอีกหลายสิบคน อยู่ในเรือนจำ ทั้งคดีเด็ดขาดและคดีที่ยังไม่เด็ดขาด ทั้งคดีเกี่ยวกับการชุมนุมและคดีมาตรา 112 ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯก็มีกว่า 30 คนและที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็ยังเหลือวารุณี และรายล่าสุดก็คือบุ้ง-เนติพร ที่ถูกถอนประกัน และอดอาหารตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์


ขณะนี้มีผู้ต้องขังทางการเมืองอยู่ในเรือนจำหลายสิบคนไม่นับว่าปีนี้จะยังมีคำพิพากษาออกมา ทั้งในคดีการเมืองและคดีม.112 ก็เป็นไปได้สูงว่าอาจจะมีคนเพิ่มเข้าไปอีกในเรือนจำ 


เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากฝากถึงพรรคการเมืองที่อยู่ที่อยู่ในสภาทุกพรรคตอนนี้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ได้เป็นรัฐบาลครั้งแรกในรอบหลาย 10 ปี และพรรคก้าวไกลที่ได้สส. มากกว่า 150 คน ซึ่งมากกว่าทุกครั้ง ที่ก่อนหน้าการเลือกตั้งไม่มีใครคิดว่าจะได้มากถึงขนาดนี้ ก็คือส่วนหนึ่งที่ทั้ง 2 พรรคได้ก้าวเข้าสู่สภาอย่างสง่างามเพราะการต่อสู้ของน้อง ๆ เหล่านี้ผมจึงอยากฝากถึงพรรคการเมืองทั้งหลายว่าอย่าลืมพวกเขา อย่าทอดทิ้งพวกเขา


โดยเฉพาะการผลักดันเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมซึ่งกำลังอยู่ในสภาตอนนี้ ในความเห็นผม ผมอยากให้นิรโทษกรรมเฉพาะที่เป็นเหยื่อทางการเมือง เหยื่อ 112 แต่ไม่เห็นด้วยถ้าจะนิรโทษกรรมอาชญากรที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ทั้งปี 53 หรือแม้แต่ตอนที่คฝ.สลายการชุมนุมม็อบทะลุแก๊ส หรือหลาย ๆ ม็อบ ที่ทำให้มีคนเจ็บคนตายทั้ง 2 เหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก ผมไม่เห็นด้วยตรงนี้แต่ขอให้มีเรื่องนิรโทษกรรมเฉพาะที่เป็นเหยื่อทางการเมืองหรือผู้เห็นต่างทางความคิด ในมาตรา 112 เท่านั้น


ส่วนประเด็นกรณีที่มาตรา 112 ที่ต้องมาสะดุด ผมก็อยากจะถามว่าในตอนปี 2556 ผมแล้วก็คุณสมยศ พกษาเกษมสุข เคยร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าม.1122 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากเราเห็นว่าโทษจำคุก 3-15 ปีนั้นสูงเกินไป ก็เลยร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตอนนั้นวินิจฉัยว่าเป็นโทษที่เหมาะสมแล้ว นี่คือครั้งที่ 1 ต่อมาล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน การแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองเป็นการกัดเซาะบ่อนทำลายประชาธิปไตยเลย ผมอยากจะถามว่าการที่คุณวินิจฉัยมาตรา 112 ทั้ง 2 ครั้ง ทั้งที่ของผมแล้วก็ทั้งปีนี้ล่าสุดที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยอ้างถึงรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหารทั้ง 2 ฉบับ ผมอยากถามว่ากำลังปกป้องใครปกป้องประชาชนหรือปกป้องคณะรัฐประหารกันแน่


จากนั้น เอกชัย ได้กล่าวขอบคุณประชาชนไม่นึกว่าจะมารับตนมากขนาดนี้ สำหรับอาการป่วยก็ดีขึ้น แต่ว่ายังต้องมีนัดพบแพทย์ซึ่งพอพ้นจากเรือนจำแล้ว ก็จะต้องไปหาเอง จะต้องไปยื่นเอกสารเอง และขอขอบคุณโรงพยาบาลราชทัณฑ์การได้รักษาตัวอยู่ที่นี่ดีกว่าอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทั้งอาหารทั้งการรักษา เอกชัยกล่าวทิ้งท้าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน