"ประเทศไทย
พบแหล่งแร่ ที่มีธาตุลิเทียม จริง แต่ไม่น่าจะใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกนะครับ"
มีรายงานข่าวเผยแพร่กันอย่างน่าตื่นเต้นว่า
"ข่าวดี พบแร่ลิเทียมในไทย ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
เพิ่มศักยภาพผู้นำผลิตรถยนต์ EV ในอาเซียน" (เช่น จาก https://www.topnews.co.th/news/878414)
ซึ่งก็นับว่าเป็นข่าวดีจริงๆ ครับ ที่เราค้นพบหินแร่ธาตุหายาก
ที่กำลังเป็นที่ต้องการของทั้งในไทยเราเองและในต่างประเทศ อย่างเช่น ธาตุลิเทียม
... แต่ประเด็นคือ ไทยเรามีลิเทียมเยอะมาก ขนาดนับเป็นอันดับ 3 ของโลกเชียวหรือ ?
ผมว่านักข่าวน่าจะเข้าใจผิดกันนะครับ
เพราะตัวเลข "14.8 ล้านตัน" ที่เป็นข่าวกัน ว่าเยอะเป็นอันดับ 3
ของโลกนั้น เป็นปริมาณของหินแร่ที่ชื่อว่า "หินเพกมาไทต์ "
ซึ่งมีธาตุลิเทียมปะปนอยู่ เฉลี่ย 0.45% และจะต้องนำมาถลุงสกัดเอาลิเทียมออกมาก่อน
... เมื่อคำนวณคร่าวๆ แล้ว ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ
6-7 หมื่นตัน แค่นั้นเองครับ !?
#ถ้าผมคำนวณหรือเข้าใจอะไรผิดพลาด
รบกวนช่วยเข้ามาแลกเปลี่ยนอธิบายให้ฟังด้วยนะครับ !
ตามรายละเอียดของข่าว
ระบุว่า กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)
ได้ออกใบอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษจำนวน 3 แปลง เพื่อสำรวจแหล่งลิเทียม
ในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา / พบหินอัคนีเนื้อหยาบมากสีขาว หรือ
"หินเพกมาไทต์" ซึ่งเป็นหินต้นกำเนิดที่นำพา "แร่เลพิโดไลต์"
สีม่วง หรือแร่ที่มีองค์ประกอบของลิเทียม มาเย็นตัวและตกผลึก
จนเกิดเป็นแหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ "แหล่งเรืองเกียรติ"
มีปริมาณสำรองประมาณ 14.8 ล้านตัน เกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45%
(อยู่ในเกรดระดับกลาง) และ "แหล่งบางอีตุ้ม" ที่อยู่ระหว่างการสำรวจขั้นรายละเอียด
เพื่อประเมินปริมาณสำรอง / นอกจากนี้ ยังอาจจะพบได้ในอีกหลายแห่ง
ในภาคใต้และภาคตะวันตก (จังหวัดราชบุรี) ที่ได้ออกใบอาชญาบัตรสำรวจแร่ลิเทียมไป 6
ราย
ซึ่งรายงานข่าวยังอ้างต่อว่า
แหล่งลิเทียมเรืองเกียรตินี้ เป็นแหล่งที่มีปริมาณแร่ลิเทียม มากเป็นอันดับ 3
ของโลก รองจากประเทศโบลิเวีย และอาเจนตินา /
หากได้รับประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่แล้ว (ในอีก 2 ปี) คาดว่าจะเริ่มทำเหมืองได้
และสามารถนำลิเทียมมาเป็นวัตถุดิบ เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาด 50
kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน
ซึ่งถ้าเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า
Tesla โมเดล S หนึ่งคัน
ที่ใช้ธาตุลิเทียมสำหรับทำแบตเตอรี่ประมาณ 62.6 กิโลกรัม (อ้างอิง https://blog.evbox.com/ev-battery-weight)
ถ้ามี 1 ล้านคัน ก็ใช้ลิเทียมไป 62.6 ล้านกิโลกรัม หรือเท่ากับ
62,600 ตัน แค่นั้นเอง !
ซึ่งตัวเลข
6.26 หมื่นตัน นี้ก็ใกล้เคียงกับปริมาณของธาตุลิเทียมที่คำนวณจากหินเพกมาไทต์
จากแหล่งเรืองเกียรติ ปริมาณประมาณ 14.8 ล้านตัน
และมีเกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% ซึ่งก็เท่ากับมีลิเทียมอยู่ 0.0666
ล้านตัน หรือ 6.66 หมื่นตัน !
ทีนี้
ถ้าเอาตัวเลข 6.66 หมื่นตันเป็นตัวตั้ง ว่าประเทศไทย ณ ขณะนี้
มีปริมาณธาตุลิเทียมที่น่าจะผลิตออกมาได้จากหินเพกมาไทด์
ไปเทียบกับข้อมูลแหล่งลิเทียมของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่ USGS หรือ
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประมาณการไว้ล่าสุด ในปี 2023
ที่ผ่านมา จะเห็นว่ายังห่างไกลจากประเทศ Top10 อื่นๆ
เป็นอย่างมาก
ทั่วโลกมีแหล่งทรัพยากรธาตุลิเทียมประมาณ
98 ล้านตัน โดยอเมริกาใต้เป็นทวีปที่มีปริมาณทรัพยากรชนิดนี้มากที่สุด เรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้ดังนี้:
โบลิเวีย 21 ล้านตัน; อาร์เจนตินา 20 ล้านตัน; อเมริกา 12 ล้านตัน; ชิลี 11 ล้านตัน; ออสเตรเลีย 7.9 ล้านตัน; จีน 6.8 ล้านตัน; เยอรมันนี 3.2 ล้านตัน; คองโก 3 ล้านตัน; แคนาดา 2.9 ล้านตัน; เม็กซิโก 1.7 ล้านตัน; สาธารณรัฐเชค 1.3 ล้านตัน; เซอร์เบีย 1.2 ล้านตัน;
รัสเซีย 1 ล้านตัน; เปรู 880 000 ตัน; มาลิ 840 000 ตัน; บราซิล 730 000 ตัน; ซิมบับเว 690 000 ตัน; สเปน 320 000 ตัน; ปอร์ตุเกส 270 000 ตัน; นามิเบีย 230 000 ตัน;
กานา 180 000 ตัน; ฟินแลนด์ 68 000 ตัน;
ออสเตรีย 60 000 ตัน; และคาซักสถาน 50 000
ตัน (จาก https://pubs.usgs.gov/periodi.../mcs2023/mcs2023-lithium.pdf)
**และถ้าดูจากลำดับประเทศที่
"ขุดเหมือง-ถลุงลิเทียม" ขึ้นมาได้จริงๆ แล้ว
ก็ไม่ใช่ประเทศที่มีแหล่งแร่ลิเทียมเยอะที่สุด อย่างโบลิเวียและอาร์เจนตินา ด้วย
แต่กลับเป็นออสเตรเลีย
จริงๆ
แล้ว ข่าวเกี่ยวกับการ "เปิดแหล่งลิเทียมภาคใต้คุณภาพสูง แหล่งผลิตแบตเตอรี่ EV แห่งใหม่ในอนาคต"
นั้น มีมาตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนมกราคมแล้ว โดยเน้นเรื่องการผลงานวิจัยของ
“ผศ.ดร.อลงกต ฝั้นกา” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยแร่และศิลาวิทยาประยุกต์
ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
ที่ศึกษาลักษณะเฉพาะและศักยภาพของแหล่งลิเทียมในจังหวัดพังงา (ดู https://www.springnews.co.th/keep-the-world/energy/846905)
ซึ่งคณะผู้ศึกษาวิจัย
ได้พบแหล่งลิเทียมอยู่ในรูปของแร่เลพิโดไลต์ (lepidolite) ที่พบในหินเพกมาไทต์
(pegmatite) และมีความสมบูรณ์ของลิเทียมสูง เฉลี่ยประมาณ 0.4
% สมบูรณ์กว่าแหล่งลิเทียมหลายแห่งทั่วโลก โดยเกิดจากการตกผลึกของแมกมา
ที่ความสัมพันธ์กับหินแกรนิตที่กระจายตัวในพื้นที่ภาคใต้
และต่อเนื่องมายังพื้นที่อื่นๆ ของไทย มีความสัมพันธ์กับแหล่งแร่อื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ดีบุกและธาตุหายาก
ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญในด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สามารถขยายผลสู่การ
จึงน่ามีการสำรวจและพัฒนาทรัพยากรนี้
เพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ (อ่านรายละเอียดบทความวิจัย ได้ที่ https://www.frontiersin.org/.../feart.2023.1221485/full)
แต่ตอนนั้นไม่มีการกล่าวอ้างเรื่องที่ว่าแหล่งแร่ลิเทียมในไทยใหญ่เป็น
"อันดับ 3 ของโลก" แต่อย่างไร ... พึ่งจะมามีอ้างกัน
ก็ตอนแถลงข่าวช่วงสัปดาห์นี้เอง ไม่ทราบว่ามาจากไหนกัน
เน้นอีกครั้งว่า
#ถ้าผมคำนวณหรือเข้าใจอะไรผิดพลาด
รบกวนช่วยเข้ามาแลกเปลี่ยนอธิบายให้ฟังด้วยนะครับ !
เพื่อเสริมความรู้เกี่ยวกับ
"แหล่งแร่ลิเทียมในโลก" ก็ขอเอาข้อมูลเรื่องนี้
มาสรุปเล่าให้ฟังเพิ่มเติมด้วยครับ (อ้างอิงอยู่ด้านล่าง)
-
ลิเทียม (Li)
คือเป็นโลหะเบาที่สุดในโลหะทั้งมวล ทนความร้อนได้สูง
และสามารถประจุพลังงานในแบตเตอรี่ได้เป็นปริมาณสูงมาก ปัจจุบัน
ลิเทียมเป็นส่วนประกอบหลักของเซรามิกชนิดทนความร้อน แก้ว
อยู่ในแบตเตอรี่คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
เครื่องฟอกอากาศ จาระบีหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ ฯลฯ
และลิเทียมยังถูกนำมาใช้ในแบตเตอรี่ความจุสูง ชนิดประจุใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดที่กำลังเติบโต ได้ทำให้ความต้องการลิเทียมสูงขึ้น
-
ทุกวันนี้ แม้ว่าการทำเหมืองลิเทียมจะมีอยู่ในเกือบทุกทวีป (ยกเว้นแอนตาร์กติกา
หรือขั้วโลกใต้) แต่ปริมาณสำรองของลิเทียมทั้งหมดนั้น มากถึง 3 ใน 4
จะอยู่ในเขตที่ราบสูงอัลติปลาโน-ปูนา ซึ่งทอดยาว 1,800 กิโลเมตร ในเทือกเขาแอนดีส
ทวีปอเมริกาใต้
-
ทุกวันนี้ แหล่งที่มาใหญ่ๆ ของลิเทียมจะมี 2 แบบ คือจากแร่ในหินแข็ง
และจากชั้นน้ำเกลือ (brine)
โดยในหินแร่ที่มีลิเทียมเป็นส่วนประกอบ ก็เช่น แร่สปอดูมีน (Spodumene,
LiAlSi2O6) และแร่เลพิโดไลต์ (Lepidolite,
เรียกง่ายๆ ว่า ลิเทียมไมกา)
โดยแร่พวกนี้ส่วนใหญ่จะเกิดร่วมอยู่ในสายเพกมาไทต์ ซึ่งเป็นหินแกรนิตเนื้อหยาบ
-
ส่วนอีกแบบ คือลิเทียมที่พบอยู่ในชั้นน้ำเกลือ (เรียกง่ายๆ ว่า ลิเทียมคาร์บอเนต)
ซึ่งมีแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมอาณาบริเวณอยู่ใน 3 ประเทศลาตินอเมริกา
(สามเหลี่ยมลิเทียม Lithium
Trinagle) โดยแหล่งชั้นน้ำกลือที่มีลิเทียมนั้นพบอยู่หนาแน่นที่สุดในประเทศชิลี
อาร์เจนตินา และโบลิเวีย ซึ่งชิลีได้เริ่มสกัดลิเทียมจากน้ำเกลือมาตั้งแต่ทศวรรษ
1980 และมีแหล่งที่ชื่อ “ซาลาร์เดอาตากามา” (Salar de Atacama) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตลิเทียมแหล่งใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกาในปัจจุบัน
-
แร่ในหินแข็ง เป็นแหล่งที่มาหลักของลิเทียมจนถึงทศวรรษ 1990
แหล่งแบบน้ำเกลือที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ก็เริ่มเข้ามาแทนที่
(ชิลีเริ่มผลิตลิเทียมจากน้ำเกลือในปี 1984 ต่อมาในปี 1991
มีการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ในเชิงพาณิชย์ เป็นครั้งแรก)
-
หากมองถึงกรรมวิธีการสกัดลิเทียม การแต่งแร่จากหินแข็งจะทำได้เร็วกว่า แต่แพงกว่า
ส่วนการแต่งแร่จากน้ำเกลือ โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า แต่ใช้เวลานานกว่า
-
แหล่งแร่ที่มีลิเทียมจะถูกขุดจากเหมือง ก่อนผ่านกระบวนการแยกแร่
โดยสินแร่จะถูกบดย่อย และแร่ลิเทียมถูกแยกมาเป็นหัวแร่ จากนั้นก็ผ่านกระบวนทางเคมี
อาทิ การกรองด้วยกรดและการเผา ทำให้ได้สารที่มีองค์ประกอบหลักเป็นลิเทียม
ระยะเวลาการผลิตแบบนี้น้อยกว่า 1 เดือน
-
ส่วนในชั้นน้ำเกลือ บ่อที่ขุดเจาะลงไปจะสูบน้ำเกลือที่มีลิเทียม ขึ้นมาบนผิวดิน
แล้วน้ำเกลือจะถูกเคลื่อนย้ายและตากอยู่ในบ่อพักหรือบ่อระเหย
เพื่อทำให้ลิเทียมเข้มข้นขึ้น และแยกสิ่งปนเปื้อนออก
จากนั้นนำน้ำเกลือเข้มข้นผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้สารประกอบลิเทียม
ซึ่งจะถูกกรองออกมา และทำให้แห้ง การผลิตแบบนี้ใช้ระยะเวลาราว 8 – 18 เดือน
-
สำหรับในประเทศไทย มีบริษัทเอกชนดำเนินการสำรวจแร่ ลิเทียม ดีบุก ทังสเตน ทองแดง
ตะกั่ว สังกะสี (เป้าหลักอยู่ที่ลิเทียมและดีบุก) ตามที่ได้รับอาชญาบัตรไปจาก กพร.
ในบริเวณ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีการทำเหมืองแร่ดีบุก
มาช้านานเกิน 100 ปี โดยเทือกเขาหินแกรนิตที่เคยให้แร่ดีบุกนั้น
จะมีสายของเพกมาไทต์และแร่เลพิโดไลต์ (หรือลิเทียมไมกา) แทรกอยู่ทั่วไป
-
จากผลการเจาะสำรวจเมื่อเดือนมกราคม 2565 ใน 2 พื้นที่ศักยภาพ เขต อ.ตะกั่วทุ่ง
ซึ่งเป็นขุมเหมืองดีบุกเก่า คือ พื้นที่แหล่งแร่เรืองเกียรติ (ตำบลกะไหล)
และพื้นที่แหล่งแร่บางอิต๋ำ (ต.ถ้ำ) พบร่องรอยของสายแร่ต้นกำเนิด
ก็คือสายเพกมาไทต์-เลพิโดไลต์ ความยาวมากกว่า 500 เมตรเช่นเดียวกัน
โดยแหล่งแร่เรืองเกียรติ สามารถประเมินค่าความสมบูรณ์ของแหล่ง
มีค่าลิเทียมไดออกไซด์ (Li2O) 0.6 - 0.8% คิดเป็นปริมาณส่ารองเบื้องต้นประมาณ
5 - 10 ล้านตัน ส่วนแหล่งแร่บางอิต๋ำ ประเมินค่าความสมบูรณ์ของแหล่งที่ Li2O 0.6 - 0.8% คิดเป็นปริมาณสำรองเบื้องต้นประมาณ 2
- 4 ล้านตัน
ข้อมูลจาก
บทความเรื่อง GEO
STORY : ธรณีเล่าเรื่อง. แลโลกลิเทียมที่ตะกั่วทุ่ง (๒). โดย รชฏ
มีตุวงศ์. (https://www.dpim.go.th/service/download?articleid=14511...) และ บทความเรื่อง GEO STORY : ธรณีเล่าเรื่อง.
แลโลกลิเทียมที่ตะกั่วทุ่ง (๓). โดย รชฏ มีตุวงศ์. (https://www.dpim.go.th/service/download?articleid=14604...)
ที่มา
:
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แร่ลิเทียม