สื่อทำเนียบตั้งฉายารัฐบาล
“แกงส้มผลักรวม”
วันที่
26 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี
ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล
ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน
เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ
ได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2566 ดังนี้
ฉายารัฐบาล
"แกงส้มผลักรวม"
"แกง"
คือคำสแลงที่ใช้แทนความหมายว่าแกล้ง "ส้ม" คือสีของพรรคก้าวไกล
ส่วนคำว่า "ผลักรวม" ล้อมาจากคำว่าผักรวม เมนูแกงส้มยอดนิยมประเภทหนึ่ง
เมื่อรวมกันแล้วนิยามความหมายในทางการเมืองสะท้อนกระแสสังคม
มองพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้ง MOU ถูกฉีก และถูกผลักออกจากการร่วมรัฐบาล
ด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย และข้ออ้างทางการเมือง ส้มจึงหล่นใส่พรรคอันดับรอง
กลืนน้ำลายจัดตั้งรัฐบาลมีลุงก็ไม่เป็นไร โดยให้เหตุผลเพื่อความสมานฉันท์
ทำเอาแฟนคลับผู้รักประชาธิปไตยถึงกับหัวใจสลาย ก่อเกิดวาทกรรมตระบัดสัตย์ ดังนั้น
แกงส้มผลักรวม จึงใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองของการจัดตั้งรัฐบาลที่ว่า
"ชนะเลือกตั้ง แต่แพ้จัดตั้ง" ได้เป็นอย่างดี
ฉายา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
"เซลส์แมนสแตนด์ชิน"
นับแต่เศรษฐีที่ชื่อ
"เศรษฐา" เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เดินหน้าทำงานทันที
โดยเฉพาะการหารายได้เข้าประเทศ ต้องยอมรับในความมุ่งมั่นตั้งใจ คิดเร็วทำไว
เดินสายพกประเทศไทยใส่กระเป๋าไปโรดโชว์จีบนักลงทุนทั่วโลก
ประกาศตัวเป็นเซลส์แมนเต็มรูปแบบ แต่ในทางการเมือง ยังถูกมองว่าไม่ใช่นายกฯ
ตัวจริง เงาของคนในตระกูลชินวัตร ยังปกคลุม เปรียบเสมือนตัวแสดงแทนหรือสแตนด์อิน
เพราะเคยหลุดปากขณะออกงานพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวสุดที่รักของนายใหญ่
หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเช่นกันว่า "นายกฯ คนไหน มีนายกฯ 2 คน"
อีกทั้งหลายนโยบายก็ถูกวิจารณ์ว่าต่อยอดมาจากนโยบายเดิมของรัฐบาล นายทักษิณ และ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ฉายา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ "รองกอง"
รองนายกรัฐมนตรี
คนที่ 1 คนที่นายกรัฐมนตรีต้องเชื่อใจ
และปล่อยให้ดูแลทุกอย่างเมื่อต้องออกไปเดินสายขายของในต่างประเทศ
ต้องรับเละทุกงานในมิติการเมือง
และถูกโยนให้รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักหลายเรื่องที่นายกฯ
หลายยุคหลายสมัยต้องนั่งหัวโต๊ะ กลับกลายเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลนี้
รองนายกฯ ที่ชื่อ "ภูมิธรรม" ต้องทำหน้าที่แทน
นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาประมง กลุ่มพีมูฟ
สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ EEC
หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตินาทีชีวิตแรงงานไทยในอิสราเอล
ประชุมนัดแรกก็ยังเป็น "ท่านรอง ภูมิธรรม" ไหนจะงานหลักในกระทรวง
ปัญหาของแพง ราคาอ้อย น้ำตาล อีรุงตุงนัง กองสุมอยู่รอบตัว เหมือนลองกอง ผลดก
พวงยาว กิ่งใหญ่
ฉายา
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม "พลิกทินสู่ดาว"
ได้ยินแทบไม่เชื่อหู
ใครเห็นเป็นต้องขยี้ตา เมื่อพลเมืองเต็มขั้นเคยรับเงินเดือนครู หลงใหลในดนตรีหมอลำ
ผันตัวเข้าสู่แวดวงการเมือง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกองทัพ นอกจากนามสกุล
"คลังแสง"
ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตนี้จะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แต่ด้วยบุคลิกสุภาพ ใจเย็น มืออ่อน และลีลาร้องรำน่าเอ็นดู
จึงเข้าได้กับทหารทุกกรมกอง พลิกชีวิตลูกอีสาน สู่ดาวเจิดจรัสเฉิดฉาย
ท่ามกลางเหล่าทัพได้อย่างแนบเนียน
ฉายา
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม "ทวี สอดไส้"
ยิ่งกว่านอนมาสำหรับตำแหน่งเจ้ากระทรวงยุติธรรม
เต็งหนึ่งชื่อเดียวแบบไร้คู่แข่งมาตั้งแต่ต้น สะท้อนความไว้วางใจจากนายใหญ่แค่ไหน
คงไม่ต้องพูดถึง แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารราชการช่วง 3 เดือนแรก
แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นเอื้อประโยชน์ให้กับ นายทักษิณ
หลังเดินทางกลับมารับโทษ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจ
ทำให้ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว เผือกร้อนแค่ไหนคงไม่ต้องถาม
มือพองแค่ไหนก็ต้องถือ กว่านายทักษิณจะออกจากคุก ต้องถูกจ้องถล่มอีกมากแค่ไหน
คงไม่ต้องเดา
ฉายา
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย "มาเฟียละเหี่ยใจ"
นักการเมืองชื่อดังแห่งจังหวัดอุทัยธานี
ประวัติโลดโผน ภาพจำพัวพันวงการนักเลง ถูกประทับตรามาเฟีย
ผู้คนยกสถานะให้เป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธมาโดยตลอด
พร้อมให้คำจำกัดความตัวเองไว้ว่า "ความดีพอสมควร ความชั่วพอประมาณ
สันดานพอคบได้" หน้าที่การงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ
เป็นโต้โผปราบปรามผู้มีอิทธิพลจนฮือฮากันทั้งประเทศ แต่ยังไม่ทันได้สร้างผลงาน
ลูกเขยก็สร้างเรื่องก่อน
ถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)
จับกุมในข้อหาเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล
2 โครงการ งานนี้เก้าอี้รัฐมนตรีร้อนระอุ เปิดแถลงข่าวภายใน 24 ชั่วโมง
สั่งลูกเขยยื่นใบลาออกทันที ไม่ต้องรอสอบสวน ลั่น
เป็นลูกเขยชาดาสปิริตต้องมากกว่าคนอื่น
วาทะแห่งปี
"ผมจะทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"
นายเศรษฐา
ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566
หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ
ที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยขอทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย
เป็นรัฐบาลที่จะทุ่มเท ทำงานหนัก รับฟังเสียงของประชาชน
นำความสามัคคีกลับคืนสู่คนในชาติ แต่ทำงานยังไม่ถึง 4 เดือน
กลับขอลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นเวลา 4 วัน จนชาวโซเชียลอดแซวไม่ได้
อย่างไรก็ตามนักข่าวหลายคนที่คุ้นเคยและตามติดภารกิจของนายกฯ
ต่างรู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงคำว่าทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ตามนายกฯ 3 เดือนเหมือน 3 ปี
ให้สัมภาษณ์ทุกที่ที่มีโอกาส ถึงไม่เห็นหน้าก็มาทางโซเชียล ค่ำคืนไม่พักไม่ผ่อน
โพสต์ประเด็นร้อนทันใจ ภูเก็ตก็แค่ปากซอย นักข่าวพิสูจน์แล้ว นายกฯ ทำได้จริง
พร้อมสะท้อนปัญหาหลักของนายกฯ ที่มักบอกว่าเป็นคนพูดตรง
คือการสื่อสารหลายครั้งนำภัยมาสู่ตน
เมื่อขึ้นศักราชใหม่แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สื่อทำเนียบ