“ณรงเดช” แนะนายกฯ จี้รมว.คลัง กำกับดูแลกรมศุลกากร
เหตุใดปล่อยหมูเถื่อนทะลัก เสนอหยุดวงจรหมูเถื่อน ยกเลิก Green Line สินค้าจากประเทศที่เคยมีประวัติถูกจับกุม -
ออกประกาศให้คนในประเทศที่ครอบครองเนื้อหมูมากกว่า 1 ตัน
ต้องชี้แจงที่มา
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ณรงเดช
อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch ประเด็นหมูเถื่อนที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนี้
โดยเริ่มต้นระบุถึงข้อร้องเรียนของเกษตรกรผู้เลี้ยงว่าในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
วัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น 20% ในรอบ 2 ปี แต่ราคาขายหมูกลับลดลง ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา
ตนได้พูดถึงปัญหาหมูเถื่อนเป็นประเด็นแรก โดยตั้งประเด็นไว้ทั้งหมด 3 ข้อ คือ (1) สาเหตุที่ต้นทุนการเลี้ยงหมูเพิ่มขึ้น
มาจากต้นทุนอาหารสัตว์แพงขึ้น (2) การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
(ASF) ทำให้ปริมาณหมูในประเทศลดลงและมีราคาสูงขึ้น
สร้างช่องว่างทำให้มีการลักลอบนำเข้าหมูผิดกฎหมาย และ (3) การจับกุมหมูเถื่อนเกิดขึ้นน้อย
อย่างผิดปกติ
สาเหตุของการนำเข้าหมูเถื่อน เนื่องจากปริมาณหมูที่หายไป จากเดิมปี
2564 มีจำนวนหมูหรือสุกรถึง 13 ล้านตัว แต่ในปี 2565 เหลือเพียง 10 ล้านตัว ปริมาณที่หายไป 2 ล้านตัวทำให้เกิดช่องว่างในการนำเข้าหมูเพื่อทดแทน
กระทั่งเดือนกรกฎาคม 2565 ราคาหมูเริ่มพุ่งสูงขึ้น
ก่อนจะขึ้นสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2565 ทำให้มีการนำเข้าหมูเถื่อนจากหลายประเทศที่มีต้นทุนการผลิตหมูต่ำกว่าประเทศไทย
อาทิ บราซิล เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมีการจับกุมหมูเถื่อนครั้งแรกในปี 2565
ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ปริมาณหมู 4.9 ตัน
แต่เรื่องก็เงียบหาย
ก่อนที่ปี 2566 จะมีการชี้เบาะแสนำจับเนื้อหมู 161 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยปัจจุบันมีการจับกุมหมูเถื่อนได้เพียง
5 ล้านตันจาก 161 ตู้ที่ท่าเรือแหลมฉบังเพียงแห่งเดียว
ไม่มีการจับกุมจากกรณีอื่นอีกเลย และมีการขยายผลไปยัง 10 บริษัท
เนื้อหมูอีก 2,300 ตู้ หรือ 69 ล้านกิโลกรัม
แต่ผ่านมา 7 เดือนไม่มีความคืบหน้า
เพิ่งมีความคืบหน้าภายในสัปดาห์นี้เพียงสัปดาห์เดียว
จากปริมาณหมูที่หายไป 2 ล้านตัวในปี 2565
คาดว่าในปี 2565 ปีเดียวจะมีหมูทะลักเข้ามาถึง
150 ล้านกิโลกรัม และในปี 2566 คาดว่าจะมีอย่างน้อย
75 ล้านกิโลกรัม เมื่อเทียบกับปริมาณหมูที่จับกุมได้เพียง 5
ล้านกิโลกรัม ถือว่าน้อยมาก
“ต้องยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจในท่าทีของนายกรัฐมนตรี
ที่ต่อว่าอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับผิดชอบหมูเถื่อน 161 ตู้ ที่ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม
2566 เพราะคนที่นายกฯ ควรต่อว่า คือ เศรษฐา ทวีสิน
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะมีหน้าที่กำกับดูแลกรมศุลกากร
แต่กลับปล่อยปละละเลยให้หมูเถื่อนทะลักเข้ามาจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกร
โดยเฉพาะรายย่อยที่เลี้ยงหมู 1-500 ตัว กว่า 40,000 ราย ที่ยังไม่สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้” ณรงเดชกล่าว
ณรงเดชกล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาหมูเถื่อนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือหมูเถื่อนที่อยู่ในประเทศ
เป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร กรมการค้าภายใน และดีเอสไอ
ต้องทำการจับกุม ส่วนกลุ่มที่ 2 คือหมู่เถื่อนที่กำลังจะเข้าประเทศที่ค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
หากเราไม่สามารถปิดประตูไม่ให้หมู่เถื่อนเข้ามาในประเทศได้
ปัญหานี้ก็จะเหมือนแมวจับหนู แก้ไม่มีวันจบ ตนจึงอยากถามไปยังนายกฯ ว่า
วันนี้กรมศุลกากรได้ปรับมาตรการต่างๆ ในการจัดการปัญหาหมูเถื่อน ตรวจสอบเฝ้าระวังตู้สินค้าที่แหลมฉบังแล้วหรือไม่
เพราะหมูเถื่อนถึง 150 ล้านกิโลกรัม
ต้องถูกใส่ตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นเข้ามาทางท่าเรือ
ไม่สามารถเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติได้
ณรงเดชกล่าวถึงข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ในการหยุดวงจรหมูเถื่อน
ดังนี้
(1) ปิดประตูไม่ให้หมูเถื่อนเข้าประเทศ ยกเลิก Green
Line ในสินค้าที่มีที่มาจากประเทศที่มีประวัติเคยถูกจับกุมหมูเถื่อน
ตรวจสอบเฝ้าระวังตู้สินค้าจากบริษัทชิปปิ้งที่เกี่ยวข้อง หากมีการสำแดงเป็นปลา
ต้องให้กรมประมงร่วมตรวจสอบ
(2) หาหมูที่ตกค้างในประเทศ
ให้กรมการค้าภายในออกประกาศ ให้ผู้ครอบครองเนื้อหมูหรือส่วนประกอบตั้งแต่ 1
ตัน ชี้แจงการครอบครองและที่มา
และร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ในการตรวจสอบ
(3) เร่งดำเนินคดีและทำลายสินค้าที่ผิดกฎหมาย
(4) ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตทุกราย
ณรงเดชยังตั้งประเด็นเพิ่มเติมด้วยว่า
วันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อยที่ได้รับผลกระทบอย่างน้อย 40,000 ราย ยังไม่ได้รับการดูแล รวมถึงค่าชดเชยจาก ASF ที่เกษตรกรถูกทำลายหมู
ทุกวันนี้ก็ยังถูกทวงถาม นอกจากนี้ ที่ดีเอสไอรับผิดชอบในส่วนของคดีพิเศษ 161
ตู้และที่กำลังขยายผล แต่หมูเถื่อนนอกจากส่วนนี้
นายกฯได้สั่งการหน่วยงานใดรับผิดชอบ การดำเนินการทำลายสินค้าของกลาง
เหตุใดจึงล่าช้าทั้งที่มีการจับกุมตั้งแต่เดือนมิถุนายน
กรมศุลกากรจะมีการปรับมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่
และกระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาควบคุมราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ส่งผลต่อต้นทุนของเกษตรกรหรือไม่
พร้อมกับทิ้งท้ายว่าเป้าหมายของพรรคก้าวไกล
คือการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร
ให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพเลี้ยงหมูได้ ภายใต้โครงสร้างการแข่งขันที่เท่าเทียม
ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ สามารถขายหมูในราคาที่เป็นธรรม
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #หมูเถื่อน #กระทรวงการคลัง