“ศุภโชติ” จี้รัฐบาลต่อเนื่อง ปมรับซื้อพลังงานสะอาด ทำไมปล่อย กฟผ.
ทำสัญญากับเอกชน ทั้งที่ศาลสั่งทุเลาฯ เหตุกระบวนการส่อล็อกสเปก
เมื่อวันที่
29 พฤศจิกายน 2566 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นเพื่อติดตามกรณีการเซ็นสัญญารับซื้อพลังงานทดแทน
ที่กำลังมีปัญหาความไม่โปร่งใสว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566
ตนและ วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ร่วมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ นำโดย สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เชิญการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลเรื่องการเซ็นสัญญารับซื้อพลังงานทดแทนรอบล่าสุด
ที่เกิดเป็นปัญหาและแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส
เห็นได้จากการที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลม
จำนวน 22 โครงการ กว่า 1,500 เมกะวัตต์
โดยให้เหตุผลว่า การที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
ออกระเบียบการรับซื้อโดยไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การให้คะแนนที่ใช้ในการคัดเลือกอย่างชัดเจนนั้น
นอกจากจะเหมือนกับล็อกผู้ชนะการประมูลแล้ว ยังเป็นการทำผิด
พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 11(4) ที่บอกให้ กกพ. กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยตนได้แถลงข่าวเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา
ศุภโชติกล่าวว่า
สำหรับตัวเลขล่าสุดที่ได้รับแจ้งจาก กฟผ.
คือมีการเซ็นสัญญารับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากระเบียบที่เป็นปัญหานี้กับเอกชนแล้วบางส่วน
แบ่งออกเป็น โครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 โครงการจากทั้งหมด 39 โครงการ และโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมระบบกักเก็บ 4 โครงการจากทั้งหมด 24 โครงการ
ดังนั้น
คำถามที่ควรได้รับคำตอบจากรัฐบาลเศรษฐา คือ (1) เหตุใดยังปล่อยให้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้ง
12 โครงการจากระเบียบที่ถูกศาลชี้ว่าไม่โปร่งใส ทั้งๆ
ที่ศาลเพิ่งชะลอการเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 22 โครงการไปเมื่อวันที่
10 ต.ค. (2) อีก 51 โครงการที่มีกำหนดให้เซ็นสัญญาภายในวันที่ 19 เม.ย. 2568
จะมีมาตรการอย่างไรกับกลุ่มที่รอเซ็นสัญญา นายกฯ
ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ที่สามารถทบทวนมติการรับซื้อนี้ได้ จะทำเป็นมองไม่เห็นอีกเช่นเคยหรือไม่