วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

“ศุภโชติ” จี้รัฐบาลต่อเนื่อง ปมรับซื้อพลังงานสะอาด ทำไมปล่อย กฟผ. ทำสัญญากับเอกชน ทั้งที่ศาลสั่งทุเลาฯ เหตุกระบวนการส่อล็อกสเปก

 


ศุภโชติ” จี้รัฐบาลต่อเนื่อง ปมรับซื้อพลังงานสะอาด ทำไมปล่อย กฟผ. ทำสัญญากับเอกชน ทั้งที่ศาลสั่งทุเลาฯ เหตุกระบวนการส่อล็อกสเปก

 

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นเพื่อติดตามกรณีการเซ็นสัญญารับซื้อพลังงานทดแทน ที่กำลังมีปัญหาความไม่โปร่งใสว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 ตนและ วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ นำโดย สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เชิญการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมชี้แจงข้อมูลเรื่องการเซ็นสัญญารับซื้อพลังงานทดแทนรอบล่าสุด ที่เกิดเป็นปัญหาและแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส เห็นได้จากการที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 22 โครงการ กว่า 1,500 เมกะวัตต์ โดยให้เหตุผลว่า การที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกระเบียบการรับซื้อโดยไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์การให้คะแนนที่ใช้ในการคัดเลือกอย่างชัดเจนนั้น นอกจากจะเหมือนกับล็อกผู้ชนะการประมูลแล้ว ยังเป็นการทำผิด พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 11(4) ที่บอกให้ กกพ. กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยตนได้แถลงข่าวเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา

 

ศุภโชติกล่าวว่า สำหรับตัวเลขล่าสุดที่ได้รับแจ้งจาก กฟผ. คือมีการเซ็นสัญญารับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากระเบียบที่เป็นปัญหานี้กับเอกชนแล้วบางส่วน แบ่งออกเป็น โครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 โครงการจากทั้งหมด 39 โครงการ และโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมระบบกักเก็บ 4 โครงการจากทั้งหมด 24 โครงการ

 

ดังนั้น คำถามที่ควรได้รับคำตอบจากรัฐบาลเศรษฐา คือ (1) เหตุใดยังปล่อยให้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 12 โครงการจากระเบียบที่ถูกศาลชี้ว่าไม่โปร่งใส ทั้งๆ ที่ศาลเพิ่งชะลอการเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 22 โครงการไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค. (2) อีก 51 โครงการที่มีกำหนดให้เซ็นสัญญาภายในวันที่ 19 เม.ย. 2568 จะมีมาตรการอย่างไรกับกลุ่มที่รอเซ็นสัญญา นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่สามารถทบทวนมติการรับซื้อนี้ได้ จะทำเป็นมองไม่เห็นอีกเช่นเคยหรือไม่

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์