วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ศาลฎีกาพิพากษาสั่ง “กองทัพบก” ชดใช้ 2 ล้าน กรณีวิสามัญ “ชัยภูมิ ป่าแส” นักกิจกรรมเยาวชนลาหู่ หลังผ่านมา 6 ปี

 


ศาลฎีกาพิพากษาสั่ง “กองทัพบก” ชดใช้ 2 ล้าน กรณีวิสามัญ “ชัยภูมิ ป่าแส” นักกิจกรรมเยาวชนลาหู่ หลังผ่านมา 6 ปี


วันนี้ (16 พฤศจิกายน 2566) ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เวลา 08.30 น. ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดี “ชัยภูมิ ป่าแส” นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐทหาร เมื่อปี 2560 โดยคดีนี้นางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส เป็นโจทก์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 ต่อกองทัพบก เป็นจำเลย เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา


โดยศาลฎีกาได้พิพากษาสั่งให้กองทัพบก ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลการวิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส ชดเชยค่าเสียหายให้กับครอบครัวเป็นจำนวนเงิน 2,072,400 บาท โดยเป็น ค่าปลงศพ 120,000 บาท, ค่าอุปการะแม่ 1,952,400 บาท และ ค่าทนายความ 50,000 บาท สำหรับค่าเยียวยาทางจิตใจ ที่ครอบครัวได้เรียกร้องไปนั้น ศาลเห็นว่านายชัยภูมิ ต้องเป็นผู้เรียกร้องเอง โดยทางกองทัพต้องจ่ายใน 30 วัน


เหตุแห่งคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้อาวุธปืนยิง “ชัยภูมิ ป่าแส” จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ขอเข้าตรวจค้นรถยนต์ “ชัยภูมิ” และพบยาเสพติดประเภทยาบ้าเป็นจำนวนมาก บรรจุซองพลาสติกซุกซ่อนอยู่ภายในบริเวณส่วนกรองอากาศของรถ ต่อมา “ชัยภูมิ” ได้ทำการขัดขืนต่อสู้เจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งจะใช้อาวุธระเบิดที่ “ชัยภูมิ” มีไว้ในครอบครองขว้างใส่ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิง “ชัยภูมิ” 1 นัด ทำให้ “ชัยภูมิ” เสียชีวิต เหตุเกิด ณ บริเวณจุดตรวจ ด่านบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย. 2561 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ นัดฟังคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ “ชัยภูมิ” ซึ่งนายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความกลุ่มพิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น และทีมทนายความคดีนายชัยภูมิ ป่าแส กล่าวว่า ตามมาตรา 150 นั้นศาลจะพิจารณาว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน ตายอย่างไร และสามารถระบุผู้กระทำได้ว่าเป็นใคร ส่วนพฤติการณ์ที่มีการโต้แย้งกันว่า นายชัยภูมิ มียาเสพติดอยู่ในครอบครองหรือไม่ พยายามที่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือไม่ เจ้าหน้าที่กระทำไปเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ ศาลไม่ได้วินิจฉัยให้ ศาลถือว่าเป็นเรื่องที่ยังโต้แย้งกันอยู่

 

“ศาลไม่ได้ลงรายละเอียดในการวินิจฉัยว่า การตายของชัยภูมิเป็นการวิสามัญฆาตกรรมหรือไม่ และการวิสามัญฯ นั้นเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่หรือเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลบรรยายเหมือนที่สาธารณชนรู้อยู่แล้วตามข่าว

 

นายรัษฎา มนูรัษฎา อุปนายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ทีมทนายความคดีนายชัยภูมิ ป่าแส กล่าวว่า ศาลได้ทำคำสั่งในข้อเท็จจริงที่ว่า นายชัยภูมิ ป่าแส เสียชีวิตจากการที่เจ้าหน้าที่ทหาร ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง กระสุนปืนทำให้ถึงแก่ความตาย ที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง โดยศาลได้ให้สิทธิในการไปฟ้องร้องในคดีนี้ได้ โดยคำสั่งในวันนี้ไม่ได้ตัดสิทธิญาติผู้ตายในการฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหาย แต่ในทางอาญาคงฟ้องร้องทหารไม่ได้ เพราะกฎหมายทหารจำกัดอำนาจการเข้าถึงของประชาชน ศาลทหารต้องให้อัยการศาลทหารเท่านั้นเป็นผู้ฟ้อง


วันที่ 22 พ.ค. 2562 นางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก ซึ่งนายไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ดูแลชัยภูมิ กล่าวถึงสาเหตุที่ใช้ช่องทางเรียกร้องความยุติธรรมผ่านศาลแพ่งว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว


26 ต.ค. 2563 คำพิพากษาศาลชั้นต้นของศาลแพ่ง ศาลยกฟ้อง โดยศาลพิพากษาว่า การที่ทหารใช้อาวุธปืนสงครามยิง “ชัยภูมิ” เป็นไปเพื่อป้องกันตัวและไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ โดยศาลเห็นว่า “ชัยภูมิ” มีระเบิดแบบว้าเสตทและจะขว้างใส่เจ้าหน้าที่


26 มี.ค. 2565 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลแพ่ง ยืนตามศาลชั้นต้น คือยกฟ้อง กองทัพบกไม่ต้องจ่ายเงินเยียวยาแก่ครอบครัว “ป่าแส”


และในที่สุดวันนี้ 16 พ.ย. 2566 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้ “กองทัพบก” ชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัว “ชัยภูมิ ป่าแส” ดังรายละเอียดที่รายงานไปแล้วข้างต้น


มูลค่าชีวิตของ “ชัยภูมิ ป่าแส” มีแค่ 2 ล้าน เท่านั้นหรือ?????


การตายของประชาชนที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดต้องรับโทษทางอาญาเลยหรือ????? เป็นการพ้นผิดลอยนวลมาตลอด ซึ่งยังคงเป็นคำถามในใจประชาชนตาดำ ๆ อยู่เสมอมา


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชัยภูมิป่าแส