วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ถ้าเพื่อไทยกับก้าวไกลคุยกันเข้าใจว่าอยู่กันคนละบทบาท แต่ทำภาระหน้าที่ร่วมกันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ถ้าพูดกันรู้เรื่องและเข้าใจ จะเรียกว่าช่วยกันย้ายภูเขา หรือขุดกำแพงที่ขวางเป็นอุปสรรคอำนาจประชาชน มันต้องช่วยกันทั้งสองพรรค ขุดคนละด้าน

 


ถ้าเพื่อไทยกับก้าวไกลคุยกันเข้าใจว่าอยู่กันคนละบทบาท แต่ทำภาระหน้าที่ร่วมกันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ถ้าพูดกันรู้เรื่องและเข้าใจ จะเรียกว่าช่วยกันย้ายภูเขา หรือขุดกำแพงที่ขวางเป็นอุปสรรคอำนาจประชาชน มันต้องช่วยกันทั้งสองพรรค ขุดคนละด้าน


[ถอดคำสัมภาษณ์ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ จาก DailynewsOnline รายการ DAILY TALK NEWS ออกอากาศทางยูทูปเมื่อ 2 ส.ค. 66]


สถานการณ์ล่าสุด “เพื่อไทย” เพิ่งแถลงข่าวว่ามีความจำเป็นที่จะให้ก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ หลังจากนี้จะเดินหน้าจับขั้วใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าในอนาคต “เพื่อไทย” ไปจับขั้วกับ “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา” คนเสื้อแดงจะมีมุมมองอย่างไร


อาจารย์ว่าแค่ปล่อยมือก้าวไกล มันมีดีกรีของความไม่พอใจระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ มากทีเดียว ทีนี้พอมาขั้นที่สอง เอาล่ะ สมมุติว่าพี่น้องประชาชนเขารับได้ว่ามันถึงทางตัน ไปไม่ได้จริง ๆ ก็จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป ต้องจัดตั้งรัฐบาล อาจารย์ว่าเขาก็มีเส้นแบ่งอยู่ว่า อย่างน้อยที่สุดต้องไม่จับพรรคลุง 2 พรรค เพราะว่าถ้าจับกับพรรค 2 ลุง เท่ากับว่าเป็นผู้กระทำ คือพรรคคุณประยุทธ์ พรรคคุณประวิตร เป็นพรรคผู้กระทำต่อคนเสื้อแดงโดยตรง แล้วยิ่งเราจะเห็นว่าตัวตึงของประชาธิปัตย์ในอดีต กปปส. อะไรต่าง ๆ ก็ไปอยู่ใน 2 พรรคนี้หมด เพราะฉะนั้นหมายถึงว่าทั้งตัวเจ้าของพรรคคือลุงและองค์ประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรวมไทยสร้างชาติ


คือถ้าเกิดข้ามขั้ว แล้วไปจับกับรัฐบาลเก่าทั้งหมด อาจารย์ว่าคนเสื้อแดงเกือบทั้งหมดจะรับไม่ได้เลย หรือประชาชนที่เลือกมา 2 พรรค เราตีว่า 24 ล้านกว่า ถ้าไปจับมือ 2 ลุง 24 ล้านกว่านี่รับไม่ได้เลย ของเพื่อไทยประมาณ 10 ล้าน เที่ยวนี้ ถ้าไปจับกับพรรค 2 ลุงนะ อาจารย์ว่ามันอาจจะ 80% เลย รับไม่ได้


ทีนี้ถ้าเป็นโจทย์ว่าเป็นอีกสูตรหนึ่งคือเพื่อที่จะตั้งรัฐบาลให้ได้ อันนี้ที่เป็น FC พรรคเพื่อไทย หรือเรียกว่าค่อนข้างสนับสนุนเพื่อไทยมาก ก็อาจจะพอยอมรับกันได้ หากว่าเป็นภูมิใจไทย แล้วก็เป็นพรรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พรรคตัวการ เขาก็อาจจะพอรับได้จำนวนหนึ่ง ก็คือยังมีจำนวนหนึ่งยังรับไม่ได้อยู่ แต่ก็เรียกว่าใน 10 ล้านคน อาจารย์ว่ายังพอรับได้เกินครึ่ง หมายความว่าสูตรที่บอกว่าไม่เอา 2 ลุงนะ ก็คือคนไม่พอใจระดับหนึ่งหายไป แต่ยังพอรับได้เกินครึ่ง น่าจะเป็นประมาณนี้ ก็คือไม่พอใจน่ะ ไม่พอใจอยู่แล้ว ไปปล่อยมือทำไม แต่ถ้ายอมรับความจริงว่ามันต้องเดินไป แล้วจะเลือกทางไหน อย่างน้อยถ้าเลือก 2 ลุง คนไม่เอาเลยทั้งหมด ถ้าหากว่าไม่เอา 2 ลุง เอาส่วนที่เหลือ อาจารย์ว่าคนก็ยังพอรับได้ แม้จะเป็นประชาธิปัตย์ เพราะว่าประชาธิปัตย์ยุคนี้ก็เป็นยุคใหม่แล้ว คือเขาไม่เหลืออะไรแล้วว่างั้นเถอะ เพราะว่าตัวตึงไปอยู่พรรคอื่นทั้งหมด ดูรูปการณ์จะเป็นอย่างนี้นะ อาจารย์ก็ทายว่ามันน่าจะออกรูปนี้แหละ เพราะเหตุผลว่า ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องของคนเสื้อแดง แต่การที่ไปเอา 2 ลุงนี่มันเป็นการทำลายสัจจะของแคนดิเดตนายกฯ พอทำลายสัจจะของแคนดิเดตนายกฯ มันหมดอนาคตเลย ทั้งพรรค ทั้งแคนดิเดต อาจารย์คิดอย่างนั้น


ถ้าสูตรไม่มี 2 ลุง บางทีเสียงสว.อาจจะเติมไม่พอ อาจจะนำไปสู่การดึงลุงใดลุงหนึ่งดึงเข้ามา จะเป็นไปได้มั้ย


ผู้สนับสนุนก็จะร่อยหรอลงไป คนโกรธก็จะมากขึ้น แต่ตรงนี้เราก็คาดเดาไม่ได้นะ แต่อาจารย์ว่ามันต้องร่อยหรอลงไปมาก ถ้าเขาจะทำพรรคเพื่อไทยก็ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองโดยที่คิดว่าจะรักษาคำมั่นสัญญา ยกตัวอย่างเช่น จัดการเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำประชามติทันที แล้วก็เอาเนื้อหาใน MOU ที่ตกลงกับก้าวไกลมาทำเต็มที่เสมือนหนึ่งก้าวไกลยังเป็นรัฐบาล เพียงแต่ไม่มีตำแหน่ง หมายความว่าที่ก้าวไกลเขียนไว้ทั้งหมดก็คือรับมาทำโดยมีขั้นตอนอย่างเร่งรีบเพื่อตอบสนอง แล้วที่สำคัญก็คือเขาต้องคุยกับก้าวไกลรู้เรื่อง ต้องตกลงกันได้ว่าเราจะทำยังไงที่จะเดินหน้าประเทศไปได้โดยกำแพงที่ขวางเป็นอุปสรรคอำนาจประชาชนนั้นมันต้องช่วยกันทั้งสองพรรค พูดง่าย ๆ ว่าก็ฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ ก็คือกลายเป็นว่าก้าวไกลต้องเป็นผู้เสียสละ แต่คำถามคือเพราะว่ามันไปไม่ได้ คือถ้าเขาคุยกันรู้เรื่องว่าก้าวไกลไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านนะ แต่ว่ากฎหมายที่ออกก้าวไกลก็ต้องสนับสนุน เพื่อไทยก็สนับสนุน แล้วส่วนมากเป็นกฎหมายของก้าวไกลด้วย ถ้าเขาคุยกันเข้าใจว่าอยู่กันคนละบทบาท แต่ว่าทำภาระหน้าที่ร่วมกัน ไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ถ้าพูดกันรู้เรื่องกันได้อย่างนี้ แล้วทำความเข้าใจกับประชาชนนะว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากระบอบที่มันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นเวลาเลือกตั้งมามันก็เลยตั้งรัฐบาลไม่ได้ ต้องแก้ระบอบ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าเข้าใจ พูดง่าย ๆ ว่าก็จะช่วยกันจะเรียกว่าย้ายภูเขาก็ได้ หรือขุดกำแพงที่ขวาง ขุดคนละด้าน แต่เพื่อไทยดูสบายหน่อยเพราะว่าได้เป็นรัฐบาล ก้าวไกลกลายไปเป็นฝ่ายค้าน คือถ้าคุยกันรู้เรื่องและประชาชนรู้เรื่อง ก้าวไกลอาจจะโหวตให้จำนวนหนึ่งก็ได้


แต่อาจารย์ก็เข้าใจพรรคเพื่อไทย คือจริง ๆ อยากให้เขาจับมืออยู่กับก้าวไกล แต่ว่าถ้าด้วยความจำเป็นที่ทำ ในความคิดของอาจารย์คือต้องการให้บรรลุเป้าหมายในการที่จะขจัดผลพวงการทำรัฐประหาร เป้าหมายก็คือเนื้อหาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงต้องทำให้เร็วที่สุด ปีหน้าไม่ต้องมีการเกณฑ์ทหาร ทำได้มั้ย นี่ยกตัวอย่าง แล้วก็พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญก็คือ เท่าที่ฟังในวาระแรกของมติครม.ก็คือทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย และที่สำคัญคือเพื่อไทยต้องไม่เบี้ยว ทีนี้เราก็ไม่รู้ว่าคนจะเชื่อถือคำพูดกันหรือเปล่า เพราะเป็นไปได้ว่าสส.ก้าวไกลจำนวนหนึ่งอาจจะยังรับไม่ได้ แต่อาจารย์ว่าอารมณ์คนที่โกรธที่ปล่อยมือก้าวไกลเขาโกรธมากนะ เพราะฉะนั้น ทางออกก็คือเพื่อไทยต้องทำความเข้าใจกับก้าวไกลและสังคม ต้องเข้าใจว่า คล้าย ๆ กับว่าดันกำแพงไม่พัง คืออุปสรรคที่ขวางมันเดินหน้าไม่ได้ ต้องแยกกันก็คือเป็นฝ่ายค้าน/ฝ่ายรัฐบาล เสมือนหนึ่งขุดกำแพงจากคนละด้าน เพื่อที่จะทำให้เกิดระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจจริง ถ้าสามารถร่วมมือกันได้อย่างนี้ เอาเนื้อหาอย่างนี้ออก แล้วก็ซื่อตรงกับมัน อาจารย์ก็คิดว่าไปได้ มันอาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เราเดินหน้า แต่สมมุติก้าวไกลไม่ให้ผ่าน แล้วเพื่อไทยต้องไปเอาพรรคลุงมานะ อาจารย์ว่ามันไม่ได้ จบเลย


หลายคนมองว่าถ้า 312 จับมือกันให้แน่น ท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่การตั้งรัฐบาลได้ .อาจารย์มีทัศนะอย่างไร


อ๋อ อาจารย์ก็เห็นด้วยแหละ ก็แก้ปัญหากันไปเรื่อย ๆ ก็คือคล้าย ๆ กับว่าแน่นอนมันขับเคลื่อนไปไม่ได้ ขับเคลื่อนที่จะเป็นรัฐบาลมันมีอุปสรรค แต่ก็สามารถทำงานอย่างอื่นไปด้วยได้ อาจารย์อยากจะพูดว่าสังคมไทยมันเป็นสังคมที่ซับซ้อน มันเป็นสังคมที่ไม่ใช่สังคมปกติ มันมีสิ่งที่หลายคนยังไม่เข้าใจ มันยังมีเครือข่ายระบอบ ซึ่งถ้าเป็นภาษาคนเสื้อแดงก็คือเครือข่ายระบอบอำมาตย์ หรือเรียกว่าเครือข่ายจารีตอำนาจนิยม ซึ่งเป็นโครงสร้างที่กดทับอำนาจประชาชนอยู่ แล้วขณะนี้เขากำลังร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นสว. ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายต่าง ๆ เราจะเห็นว่าเขาพูดคำเดียวกัน ธงก็เหมือนกันหมด นี่แปลว่าอะไร ก็แปลว่ามันน่าจะคืออย่างพูดเรื่อง 112 เหมือนกันหมด มันเป็นไปได้ยังไงที่ว่าคนตั้งหลายฝ่ายร้องเพลงเดียวกันหมด ก็แสดงว่ามีการแพลนเอาไว้


อันนี้นี่คือความจริงของสังคมไทย และเครือข่ายนี้ก็มีพละกำลังมาก เป็นไปได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลก็จะถูกบีบจากอำนาจรัฐที่เราจะเรียกว่าเครือข่ายระบอบอำมาตย์ หรือว่าอำนาจรัฐจริงที่ครอบครอง หรือว่าที่มีอำนาจในประเทศไทยอยู่ควบคุมอำนาจของประชาชนอีกที มันก็เป็นไปได้ว่านี่คือความจริงประเทศไทย ก็คือเรามีรัฐซ้อนรัฐ มีอำนาจจริงและอำนาจที่มาจากประชาชน ที่เขาใช้คำว่าประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบสากล ตรงนี้มันจริงเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อของผู้รักประชาธิปไตย ถ้าเราเข้าใจตรงนี้และมองว่า ถ้าเรามองย้อนไปในอดีต การที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมีตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลและถูกทำรัฐประหาร อย่างคุณทักษิณเคยได้ตั้ง 300 กว่าที่นั่ง เคยได้ 200 กว่าที่นั่ง นี่ไม่เท่าไหร่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็บอกว่าให้ทำรัฐประหาร อาจารย์อยากจะรู้ว่าทำไมไม่มีใครไปฟ้อง นี่กบฏเหมือนกันนะ ล้มล้างรัฐแล้วนะ


คืออำนาจเครือข่ายเหล่านี้มันมีอำนาจทั้งในกองทัพ อำนาจทั้งนายทุนใหญ่ อำนาจคนชั้นนำระดับสูงต่าง ๆ ที่ไปอยู่ ณ หลายแห่งต่าง ๆ ถ้าสังคมไทยเข้าใจว่าเราต้องฟันฝ่าอุปสรรคนี้ให้ได้และต้องสามัคคีกัน อย่าไปคิดว่าใครจะได้เป็นรัฐมนตรี อันนี้ต้องเป็นหัวใจของนักต่อสู้นะ ถ้าเป็นหัวใจของนักการเมืองก็จะคิดกำไรขาดทุน ทำไมฉันจะต้องเป็นผู้เสียสละ แล้วทำไมฉันจะได้เป็นรัฐมนตรี อะไรต่าง ๆ ว่าผู้ชนะจะได้เป็นรัฐบาล อะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้นะ การต่อสู้ประชาชนก็ยิ่งลำบาก เพราะว่าเพียงแต่ได้เสียงเลือกตั้งมามากก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะและสามารถเป็นรัฐบาลและเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ มันไม่ง่ายขนาดนั้น


อาจารย์เข้าใจนะว่าเพื่อไทยปล่อยมือก้าวไกลก็คงมีปัญหาจากการถูกกดดัน เหมือนอย่างที่พรรคก้าวไกลก็มีปัญหา ลองคิดดูซิเรื่องหุ้นสื่อ คุณพิธาถือมาตั้งนาน แล้วทำไมจะต้องมีปัญหาตอนนี้ ถือมาตั้ง 4 ปีแล้ว อย่างนี้ กกต. ป.ป.ช. ก็ต้องผิดหมดซิ ทำไมไม่ผิดแล้วปล่อยให้มันยืดยาวมาจนถึงตอนนี้ และดีไม่ดีพรรคก้าวไกลก็ไม่รู้ว่าจะโดนจัดการยังไง คุณพิธาก็ไม่รู้ว่าจะโดนจัดการยังไง เนี่ยมันเป็นไปได้อีก ขนาดบอกว่าให้ทหารมาทำรัฐประหารยังกล้าพูดเลย กบฏนะเนี่ย เพราะฉะนั้น วิธีต่าง ๆ ที่จะทำ ในทัศนะอาจารย์ ฝ่ายจารีตเขาทำได้ทุกอย่าง ถ้าจำเป็นต้องใช้ปืนก็ใช้ปืน จำเป็นต้องใช้ค้อนตาชั่งก็ใช้ นี่ก็คือสิ่งที่ประชาชนต้องเข้าใจ แต่ว่าแน่นอนตอนนี้อาจารย์ว่าเพื่อไทยโดนถล่มเละเลย แล้วก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ


อาจารย์ลองประเมินความเสียหายของเพื่อไทยชัด ๆ ได้มั้ยว่า สถานการณ์ถ้าเพื่อไทยไปจับมือกับ 2 ลุง การเลือกตั้งครั้งหน้า คะแนนนิยมจะเสียหายขนาดไหน


สำหรับอาจารย์นะ หมดเลย คืออย่างนี้นะ คนเสื้อแดงเขาเป็นพวก Active Citizen เป็นคนที่ตื่นรู้ทางการเมืองจากการต่อสู้ด้วยตัวเอง คือประชาชนไทยในช่วง 9 ปีนี้ มันได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเอง แต่คนเสื้อแดงนั้น 10 กว่าปีมาแล้ว แล้วคุณดูนะ นี่ไม่ใช่เยาวชนนะ มีผู้สูงอายุนะ แล้วผู้สูงอายุส่วนใหญ่ก็เป็นผู้รักประชาธิปไตยในฐานะคนเสื้อแดงเก่าค่อนข้างมาก ก็คือ สมัยคุณทักษิณตอนปี 48 ได้บัญชีรายชื่อตั้งเกือบ 19 ล้านเสียง แล้วก็ถูกรัฐประหาร ตอนคุณยิ่งลักษณ์ประมาณ 15 ล้านเสียง แล้วเที่ยวนี้ได้ 10 ล้านเสียง หายไปเฉย ๆ  5 ล้านแล้วนะ ขนาดยังไม่ได้ข้ามขั้วเลยนะ ขนาดหาเสียงบอกว่าไม่เอาลุง แต่พูดช้าหน่อย หายไป 5 ล้านแล้ว ตอนนี้เหลือ 10 ล้าน


10 ล้าน แค่ปล่อยมือนะ ไม่ต้องพูดว่าอะไร หายไปกว่า 80% อาจารย์ว่าก็หายไปอีกครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าไปจับกับ 2 ลุงด้วยนะ อาจารย์ว่าหมดเลย คือพรรคสถานะของคุณจะไม่ใช่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คือคุณได้เดินข้ามเส้นแบ่งไปอยู่กับฝ่ายจารีตอำนาจนิยมไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ใช่พวกขวาสุด ไม่ใช่จารีตนิยมสุด อาจจะอยู่ตรงกลาง ๆ แต่ว่ากลายไปเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม แล้วก็อาจจะมีคล้าย ๆ เป็นเหมือนกัน 2 ขั้ว บางคนก็เรียกไฮบริด ก็คือจับฝ่ายประชาธิปไตยก็ได้ จับฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อข้ามขั้ว ตัวเอง Position ก็ย้ายข้างเหมือนกัน ข้ามขั้วไปก็ย้ายข้าง มันก็จะต้องได้เสียงของประชาชนแบบเดียวกับที่ภูมิใจไทยทำ แบบเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนา หรือกระทั่งพรรคประชาธิปัตย์แต่ไม่ใช่อยู่ในฐานะพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อสู้กับเผด็จการอีกแล้ว มันเปลี่ยนสถานะแล้ว ย้ายไปแล้ว


แต่ว่าอย่างที่อาจารย์บอกนะ ต้องทำความเข้าใจ ต้องคุยกับก้าวไกล ว่าจะสามัคคีกันทำเป้าหมายของก้าวไกล ในเมื่อก้าวไกลยังไงก็มาไม่ได้ ยังไงก็โดนด่า จะทำยังไงให้ตกลงกันให้ได้ว่า 1-2-3-4-5 ก็คือ งานของก้าวไกลจะบรรลุโดยที่เพื่อไทยรับภาระนี้ เหมือนหนึ่งก้าวไกลมาอยู่ในรัฐบาลก็คือ ฐานะฝ่ายค้านก็โหวตให้ รัฐบาลก็โหวตให้ สมมุติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ, สุราก้าวหน้า หรือเรื่องเกณฑ์ทหาร คือต้องตกลงกันให้ชัดเจน แต่อาจารย์ว่าปัญหาของเพื่อไทยก็คือไม่ค่อยมีความชัดเจน คือถ้ารู้ว่าเราทำถูกมันต้องเด็ดเดี่ยว มันต้องกล้าที่จะพูด แต่อ้อมแอ้มตลอด ไอ้ตอนไม่เอาลุงก็อ้อมแอ้ม กว่าจะมาบอกว่าไม่เอาลุงก็ปลายไปแล้ว แล้วตอนนี้ถ้าเกิดไม่พูดชัด คนเขาก็บอกว่าเอาลุง แต่ตอนนี้เขาบอกว่ายังไม่ได้บอกว่าจะเอาลุง ก็คิดว่าจะไม่เอา


ถ้าคนคิดถึงความชอบธรรม สว.กล้าโหวดค้านผลของประชาชนมั้ย ก็จะไม่กล้า แต่อันนี้โหวตค้านเฉยเลย แล้วก็บอกว่าปิดสวิทซ์ฉันจะไม่ออกเสียง คือสว.มีหน้าที่ Yes ตามผลการเลือกตั้ง ถ้าคุณบอก No หรือคุณงดออกเสียงก็แปลว่าคุณไม่ยอมขับเคลื่อนในระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง มันไม่มีสิทธิ์จะพูด ถามว่ามันน่าอายมั้ยที่ทำอย่างนี้ ไม่ชอบธรรมอย่างยิ่งนะ คนมีมโนธรรมสำนึกมันทำไม่ได้ เขามีคนมาเกือบ 27 ล้านคน 70% ของคนที่ออกมาเลือกตั้ง แล้วคุณจะมาขัดขวาง บางคนบอกว่าก้าวไกลแค่ 30 กว่าเปอร์เซ็น คุณต้องนับรวม 312 เสียงซิ ที่ร่วมกันเป็น 8 พรรค แต่คุณกล้า คุณหน้าตาเฉยเลย อันนี้อาจารย์อยากจะบอกให้รู้ว่า ถ้าอย่างนั้นต่อหน้าประชาชนยังกล้าทำ แล้วอะไรที่มันลับหลังที่ซ่อนอยู่เขาต้องทำยิ่งกว่านี้แน่นอน


ประชาชนต้องสามัคคีกัน ที่แล้วมาก็ทะเลาะกันมากเลยในการแข่งขัน แดงกับส้ม เวลาอาจารย์พูดตรง ๆ คนเสื้อแดงบางส่วนที่เขาเป็นแฟนคลับเพื่อไทยแล้วเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ อาจจะไม่รู้จักอาจารย์ ก็มาเล่นงานอาจารย์ แต่อาจารย์ก็เฉย ๆ ไม่ว่าอะไร เพราะเราพูดเป็นหลักการ อาจารย์สู้มา 50 ปีแล้วนะ ตั้งแต่ 2516 มาจนถึง 2566 เพราะฉะนั้นอาจารย์ก็มองแล้วว่ามันเป็นเส้นทางที่ยืดเยื้อยาวนาน และต้องมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง ดีใจแล้วที่เขาชนะตั้ง 20 กว่าล้านเสียง คนเปลี่ยนมาตั้ง 70% นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ว่าไอ้คน 1% (อาจารย์ใช้คำว่า 1% ดีกว่า) ประเทศนี้มันดื้อไง เพราะมันถืออำนาจเอาไว้ในหลาย ๆ อย่าง ไม่ยอมแพ้ เพราะฉะนั้นประชาชน 70 – 80% และคนรุ่นใหม่ มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่


แต่เนื่องจากว่าเขามีความได้เปรียบที่มีไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่าง ๆ ที่เราพูดกันหนุนหลัง มีพลังจารีตหนุนหลัง ดังนั้น พอเป็นแบบนี้ ถ้าในวิถีทางรัฐสภาไปไม่ได้ ประชาชนก็ต้องลงถนน และนี่มันจะทำให้ซับซ้อนเพราะเขาเลือกมาแล้ว และคุณไม่มีความชอบธรรมอะไรเลยที่จะมาขวาง ต่อไปนี้ก็คือคุณจะแก้ปัญหาในรัฐสภา หรือจะให้ออกมาท้องถนน ถ้าในรัฐสภาแก้ไม่ได้ คนก็ลงท้องถนน


มีนางแบก/นายแบกเพื่อไทยบางคนให้เหตุผลว่าอาจจะต้องเอาเผด็จการมาเป็นพวกบ้าง มาเป็นนั่งร้านบ้าน ไม่เช่นนั้นจะเล่นในเกมเขาไม่ได้ เป็นเหตุผลที่ไปต่อได้มั้ย


คือพูดอย่างนี้เราต้องรู้ว่าคนพูดเป็นคนอยู่ในกลุ่มไหน ถ้าเป็นมวลชนทั่วไปก็อย่าไปถือสาเลย อย่าไปเอามาเป็นภาระเลย เพราะว่าคนในประเทศไทยมันเยอะ อาจารย์อยากให้ดูที่คนสำคัญ ๆ เช่น แกนนำพรรค ส่วนพวก นางแบก/นายแบก เอาเถอะพูดไปเถอะ ก็ปล่อยเขาไป อาจารย์อยากจะฝากให้พวกแกนนำและนักการเมืองคนสำคัญ ๆ ตัวเอ้ในพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ก้าวไกลเขามีจิตวิญญาณการต่อสู้อยู่ระดับสูงแล้ว แต่อยากจะให้เพื่อไทยเพิ่มเอาจิตวิญญาณของนักต่อสู้ คือคุณไม่ใช่คิดแต่ว่าจะเป็นรัฐบาล พูดแบบนั้นเป็นภาษาของพวกนักการเมืองที่บอกว่า “ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร” ก็คือจับมือกับใครก็ได้จะได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชน


แต่ว่าประเทศไทยเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานให้ประชาชนมีอำนาจจริง ให้ระบอบประชาธิปไตยที่มีอำนาจของประชาชน นี่จึงเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองต้องเข้าใจว่า เหมือนอย่างเพื่อไทยนะ เคยได้เสียงตั้งเยอะ 300 กว่าเสียงก็มี 200 กว่าเสียงก็มี ถามว่าแล้วอยู่ได้มั้ย อยู่ไม่ได้ ตราบใดที่ประเทศยังไม่เปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนจริง คุณก็จะต้องโดน โดนแล้วไม่เข็ด ไม่เก็บเอามาคิดบ้างเหรอว่า แม้กระทั่งก้าวไกลนะ ถ้าคิดว่าเที่ยวหน้าอาจจะได้ 270 สมมุตินะ หรือว่าจะแลนด์สไลด์ ใครที่คิดว่าจะเลือกให้แลนสไลด์แล้วก็จะได้เป็นรัฐบาลนั้น คิดผิดค่ะ เพราะว่าแลนด์สไลด์มาหลายรอบแล้วคุณก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล หรือได้เป็นรัฐบาลคุณก็อยู่ไม่ได้ อยู่ไปสักพักเดียวเขาก็จัดการ บางคนเป็นนายกฯ ยังไม่สามารถเข้าทำเนียบได้เลย อย่างคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เขาระบุเลยว่าจะไม่ให้เหยียบเข้าไป เขาก็ทำได้ทุกอย่าง


ดังนั้น ต้องทำให้ขบวนการประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยต้องเข้มแข็ง พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือให้แน่น จับมือแน่นเพื่อเป็นรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ ก็จับมือให้แน่นในการที่ขุดกำแพง ทลายกำแพงของฝั่งจารีตที่ขวางประชาชนไว้ คือจับมือในทางเนื้อหา เพราะว่าจับมือเป็นรัฐบาลไม่ได้ เพราะถูกเขาจัดการ เหมือนที่อาจารย์บอก บางทีต้องไปขุดกำแพงคนละด้าน อยู่กันคนละฐานะ มันก็ฟังดูเหมือนกับว่าทำไมต้องให้ก้าวไกลเสียสละ เพราะว่าก้าวไกลถูกบล็อกอย่างเต็มเหนี่ยวด้วยระบอบของพวกอำมาตย์ ของพวกจารีต พวกเขาหวาดกลัวก้าวไกล คราวนี้กลัวก้าวไกลมากกว่ากลัวเพื่อไทยแล้ว คุณดูที่ สนธิ(ลิ้ม) พูด เขาบอกว่าห้ามอะไรไม่ได้แล้วก้าวไกล ต่อไปเขาจะมีเสียง 300 เสียง ต้องทำรัฐประหาร นั่นคือผู้ชี้นำคนหนึ่งนะ ตอนปี 2549 ที่ทำรัฐประหาร สนธิ ลิ้มทองกุล คือผู้ชี้นำ เดินไปหา สนธิ บุณยรัตกลิน เลยว่าจะต้องทำรัฐประหาร แล้วเขาก็โหนสถาบันเต็มเหนี่ยว มองว่าคุณทักษิณทำตัวจะเป็นประธานาธิบดี จะล้ม ความจริงไม่มีอะไรคือได้รับความนิยมจากประชาชนมากเกินไป ถ้าคุณทักษิณไม่ได้รับชัยชนะมาก เป็นพรรคเล็ก ๆ คุณทักษิณก็อยู่ได้ แต่พอเป็นพรรคใหญ่และได้รับความนิยมมากเกินไป ก็ต้องถูกจัดการ


อย่าว่าแต่นักการเมือง คุณจะอยู่ในฐานะสื่อ ในฐานะทางศาสนาหรืออะไรก็ตาม ถ้าได้รับความนิยมมากเกินไปจะเป็นที่ระแวงแคลงใจของฝ่ายจารีตทั้งสิ้น เพราะกลัวว่าจะมามีบทบาทมีอำนาจเหนือประชาชน แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกระเทือน หรือเป็นการแข่งบารมีกันว่างั้นเถอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงในสังคมไทยที่พรรคการเมืองต้องเข้าใจ แต่จะให้ประชาชนนางแบก/นายแบกเข้าใจทุกคนคงไม่ได้ แต่คนเสื้อแดง อาจารย์ว่านะคนเสื้อแดงไป ๆ มา ๆ จะพูดง่ายนะ เพราะเขามีพื้นฐาน เขาเข้าใจแล้วว่าสังคมไทยมันไม่ใช่ระบอบที่เรามองเห็นอยู่ที่เปิดเผย เขารู้ว่ามันมีเครือข่ายของระบอบอำมาตย์ เครือข่ายของจารีต นั่นคืออำนาจรัฐจริง ไม่ใช่ตัวนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง เหมือนกับคุณทักษิณที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ว่าถ้าทำมากเขาก็บอกเหิมเกริม ก็คือคุณมาเป็นรัฐบาล คุณต้องให้อำนาจรัฐจริงควบคุมได้ หรือคุณต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแบบประยุทธ์ อยู่ไปซิ 9 ปี ทำอะไรกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ก็ไม่ว่า ผิดรัฐธรรมนูญก็ไม่ว่า อยู่ได้ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นรัฐบาลที่ขึ้นตรงและเป็นอันเดียวกับรัฐจริงประเทศไทยเพราะฉะนั้น รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งลำบากมาก ต่อให้ตั้งรัฐบาลได้ อาจารย์จะบอกให้ว่าคุณจะเจอกับดักในรัฐธรรมนูญนี้อีกมากเลย เช่น กรรมการยุทธศาสตร์ฯ เขาจะบอกเลย ผิด! นโยบายที่ทำเนี่ย ไม่ได้! คุณต้องทำเหมือนกับยุทธศาสตร์ชาติฯ ถามว่าตอนคุณประยุทธ์ พวกนี้แอะมั้ย ซักแอะก็ไม่ มันจะต้องมีช่องทางที่จัดการ เดี๋ยวก็ฟ้องโน่น ฟ้องนี่ คือมีรูซักนิดหนึ่งเขาจะหาเทคนิคที่จะจัดการจนได้


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักการเมืองและพรรคการเมืองควรจะเข้าใจว่า ถ้าตราบใดไม่ร่วมกับประชาชนในการต่อสู้ให้ได้ระบอบประชาธิปไตยจริงนะ ต่อให้เขาชนะเลือกตั้ง เขาก็จะตกที่นั่งลำบาก หรือจะลำบากมากแบบคุณทักษิณ และก็ลำบากแบบคุณธนาธร แล้วก็ต่อมาเป็นคุณพิธา นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นในสังคมไทย และถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ ก็อย่าไปนึกแย่งกันเป็นรัฐบาลเลย เป็นก็อยู่ไม่ได้นาน อย่าไปแย่ง แล้วอย่าไปคิดว่าแลนด์สไลด์แล้วจะเก่ง ชนะ ยิ่งแลนด์สไลด์มากเขาจะยิ่งจัดการคุณก่อนเลย อยู่ไม่ได้หรอก ต้องร่วมกันค่ะ


คุณเต้นบอกว่าถ้าเพื่อไทยรวมกัน 2 ลุง เขาก็พร้อมเก็บกระเป๋า ในส่วนของอาจารย์ อาจารย์เตรียมเก็บกระเป๋าแล้วยังครับ


อาจารย์ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย อาจารย์ไม่ได้เป็นสมาชิกนะ ไม่เกี่ยวเลย แล้วอาจารย์ไม่ใช่กองเชียร์เพื่อไทยด้วย แฟนคลับเพื่อไทยยังมาด่าอาจารย์เยอะแยะเลย หาว่าอาจารย์เป็นพวกส้ม เขาไม่รู้ว่าคำว่า “เสื้อแดง” ไม่ใช่สัญลักษณ์ของเพื่อไทยนะ สีแดงเป็นสีที่เกิดขึ้นจากการต่อต้านรัฐประหารและไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 50 เพื่อไทยเพิ่งจะมาเอาสีแดงมาเป็นสีของพรรคในการเลือกตั้ง 66 นี้เท่านั้น ก่อนหน้านั้นเพื่อไทยสีขาว/สีน้ำเงินอะไรอย่างนี้ แถมคุณทักษิณยังเคยบอกว่าให้ถอดเสื้อแดงด้วย แล้วอาจารย์ก็โทรคุยกับคุณทักษิณ บอกไม่ได้หรอก ปี 54 อ่ะ คนเพิ่งเจ็บปวดจากปี 53 เขาจะแก้แค้นด้วยการเลือกตั้งนี่แหละ เพื่อไทยไม่ได้มีสีแดง แต่คนเสื้อแดงจะใส่เสื้อแดงไปฟังปราศรัยของพรรคเพื่อไทย


อาจารย์ก็ไม่รู้ว่าภาพอาจารย์ อาจจะเป็นเพราะว่าอาจารย์ก็ยังคบหากันอยู่กับคุณณัฐวุฒิ เพราะว่าองค์กรนปช.มันก็เท่ากับหายไปแล้ว ก็เลยทำให้คนคิดว่าอาจารย์เป็นกองเชียร์พรรคเพื่อไทยหรือเปล่า แต่เราถือเป็นมิตร เหมือนกับที่เราก็ถือว่าเราดีใจที่มีก้าวไกล มีอนาคตใหม่ คนก็มีทางเลือกมากขึ้น ว่าถ้าคุณไม่ชอบพรรคนี้คุณก็สามารถไปเลือกพรรคนั้นได้ ก็กลายเป็นการแข่งขันกันซึ่งต้องทำให้ประชาชนพอใจ เมื่อก่อนนี้มันมีพรรคเดียวไง อาจารย์ไม่ต้องเก็บกระเป๋าหรอก ไม่เกี่ยวเลย อาจารย์ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองพวกนี้ ไม่เดินเข้าไปด้วย แล้วก็มีปัญหาไม่พอใจกับพรรคเพื่อไทยมาตั้งหลายตลบ เพียงแต่อาจารย์ใช้ท่าทีมิตร ไม่ได้ใช้ท่าทีไปเที่ยวด่าอะไรอย่างนี้ คือเราแนะนำเขา เราบอกเขา เขาไม่เชื่อ ไม่เชื่อก็ทำไงได้ แต่จะไม่ไปประณามหยามเหยียดหรือไปด่าว่า แต่ถ้าถามก็พูดความจริงว่า รัฐธรรมนูญ เสนอก็ไม่เหมือนกัน นิรโทษสุดซอย เราบอกว่าอย่าทำ เขาก็ไม่เชื่อเรา หรือว่าให้เซ็น ICC ถ้าเซ็น ICC อาจจะไม่มีรัฐประหารก็ได้ อันนี้ยกตัวอย่าง ตอนช่วงที่ใกล้เวลาละที่เขาจะจัดการกับคุณยิ่งลักษณ์ นี่ยกตัวอย่าง รัฐธรรมนูญก็เหมือนกัน อาจารย์บอกได้เลยว่าถ้าเอาฉบับของนปช.ที่อาจารย์ช่วยกันทำกับคณะ ก็จะไม่มีโศกนาฏกรรมของพรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทย นิรโทษสุดซอยเราก็บอกแล้ว


เพราะอาจารย์ไม่ใช่เก่งนะ แต่ว่าเราศึกษาสังคมไทยและเราเข้าใจ เราไม่ได้อยู่ในพรรคการเมือง เราอยู่ข้างนอก แฃ่งเราสามารถมองและเราศึกษาวิเคราะห์ อาจารย์วิเคราะห์สังคมไทยตั้งแต่สมัยก่อนอาจารย์ก็เข้าป่าไปหลายปีนะ คนในป่าก็ต้องวิเคราะห์สังคมไทยเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ แล้วมันก็ทะเลาะกันเรื่องวิเคราะห์สังคมไทย อาจารย์ก็เลยเคยชินที่จะต้องวิเคราะห์สังคมไทยมาตลอดเวลาเลย อาจารย์ถึงได้บอกได้ว่าพรรคก้าวไกลตอบโจทย์ประชาชนมากกว่า แต่พรรคเพื่อไทยไปเอาความสำเร็จของไทยรักไทยในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาเป็นโจทย์ ในขณะที่ประชาชนต้องการแก้ปัญหาการเมือง จึงทำให้เสียงหายไปตั้ง 5 ล้าน


การที่คุณทักษิณจะกลับไทย ประเมินว่ามันจะเป็นกับดัก หรือจะนำไปสู่ความปรองดองในอนาคต


เรื่องปรองดองอาจารย์ไม่เห็นหรอก แต่ไม่รู้ว่าแกจะกลายเป็นตัวประกันหรือเปล่า อันนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า แต่ว่ายังไงก็ตาม อาจารย์มองว่าคุณทักษิณก็ต้องยอมเสี่ยง แล้วคุณทักษิณก็ได้ติดต่อมานานก่อนที่จะมีการเลือกตั้งและผลเลือกตั้ง ถ้าดูที่พูดในรายการแคร์ คิดเคลื่อนไทย และก็คงหวังว่าเที่ยวนี้คงได้เป็นรัฐบาล อาจารย์มองว่าคุณทักษิณเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ ถูกกระทำมากนะ ต้องยอมรับว่าไม่เป็นธรรมสำหรับคุณทักษิณ แต่ว่าก็พยายามที่จะต่อสู้ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองและในตัวตนของแก เพราะฉะนั้น มาถึงจุดที่คุณทักษิณแกต้องยอมเสี่ยงแล้วมั้ง แต่แกคงต้องมีดีลอยู่มั้ง มีดีลอยู่จำนวนหนึ่ง


แล้วถ้าเพื่อไทยอยู่ในฐานะเป็นรัฐบาล เป็นรัฐบาลภายใต้การควบคุมของรัฐจริง รัฐอำมาตย์ ก็อาจจะทำให้เกิดความสะดวกสบายและอาจจะได้เป็นอิสระมากขึ้น แต่ว่าความจริงคดีมีตั้งเยอะแยะ มันอยู่ที่ว่ารัฐตัวจริงจะเอายังไงกับคุณทักษิณ แต่ก็ต้องยอมเสี่ยง อาจารย์เห็นด้วยว่าแกควรมา ติดคุกก็ติดไป จะติดนานเท่าไหร่ ติด 6 เดือน ติด 6 วัน 6 ปี ก็ต้องยอม อาจารย์คิดว่าแกเป็นนักสู้นะ แกก็คงต้องยอมแล้ว แต่ว่าสังคมต้องมองว่ามันจะสัมพันธ์กับพรรคการเมือง


ถ้าพรรคเพื่อไทยไปจับกับ 2 ลุงนะ อาจารย์ยังคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะว่าเท่ากับถ้าเป็นเพื่อความต้องการของคุณทักษิณนะ เท่ากับคุณทักษิณทำร้ายและทำลายอนาคตของลูกสาวตัวเองและพรรคเพื่อไทย เพราะว่าทำให้ลูกสาวและพรรคเพื่อไทยเสียสัจจะต่อประชาชนจบเลย จบทั้งพรรค จบทั้งคุณอุ๊งอิ๊ง จบทั้งคุณทักษิณในฐานะผู้นำด้านฝ่ายประชาธิปไตยที่ถูกกระทำจากรัฐจารีตโดยตรง


ช่วงนี้อาจารย์ทำกิจกรรมอะไร


ก็คือว่าเนื่องจากนปช.มันไม่ได้ดำรงอยู่ แต่ว่าปัญหาที่คนเสื้อแดงค้างคาใจและต้องการ อาจารย์เข้าใจ เขาต้องการทวงความยุติธรรมในการปราบปรามปี 53 และผู้ถูกกระทำอื่น ๆ สำหรับอาจารย์ก็ต้องการทวงความยุติธรรมให้แม้กระทั่งเยาวชนคนรุ่นหลังด้วย คือนับจากรัฐประหารปี 2549 และในนี้รวมทั้งคุณทักษิณด้วยนะ คือความไม่เป็นธรรมมันมีอยู่เยอะ แต่โดยเฉพาะคนตายคนเจ็บ ดังนั้นก็เลยร่วมกันกับมวลชน ประชาชน คนเสื้อแดงนี่แหละค่ะ แล้วก็ญาติผู้เสียชีวิต ทนายและนักกฎหมาย ตั้งคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53)


ถ้าพรรค 2 ลุง ไปเป็นรัฐบาล อาจารย์จะเดินไปทวงความยุติธรรมจากรัฐบาลนี้ได้ยังไง อาจารย์เสนอไป 3 ข้อ ข้อที่ 1) ต้องตั้งคณะกรรมการฟื้นคดีความต่าง ๆ และติดตามคดีที่มันเงียบหายไปตั้งแต่ตอนทำรัฐประหาร 2) ทหารที่ทำผิดอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลของประชาชนธรรมดา ไม่ใช่ขึ้นศาลทหาร ขณะนี้เรายอมไปศาลทหารหมด แล้วก็นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นคุณสุเทพ คุณอภิสิทธิ์ ที่ถูกฟ้อง แล้วศาลบอกว่าผลักไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง แล้วป.ป.ช.บอกไม่ได้ เขาทำตามหน้าที่ จบ! เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือทหาร ล้วนมีศาลต่าง ๆ ของตัวเอง อาจารย์ว่ามันไม่ถูก อาจารย์ว่าถ้าทำคดีอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลอาญาของประชาชนทั่วไป


ข้อสุดท้ายคือ 3) ต้องให้รัฐบาลนี้เซ็นรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศคือ ICC ในคดีปี 2553 ซึ่งอัยกาศาลโลกรเขาเคยมาประเทศไทย อัอาจารย์ไปถึงศาลโลก เขารับคดีแล้ว อัยการเขาเคยมาขอให้เซ็นรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของพรรคเพื่อไทยในตอนนั้นไม่ยอมเซ็น ถ้าเซ็นนะ ไม่รู้ อาจจะไม่มีรัฐประหารก็ได้


เพราะฉะนั้น อาจารย์ยังยืนยันที่จะทำต่อรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลชุดนี้มี 2 ลุง คำถามก็คือว่า เขาเป็นผู้กระทำ เขาจะมาเห็นด้วยได้ยังไง คนเสื้อแดงคงไม่ยอมแน่


ขอบคุณ : https://www.youtube.com/watch?v=io9K7ZJes2A


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ธิดาถาวรเศรษฐ #ทักษิณ

#เพื่อไทย #ก้าวไกล #ตั้งรัฐบาล