“อ.ธิดา”
เห็นใจ “เพื่อไทย” แต่ไม่เห็นด้วยที่มีพรรค 2 ลุงร่วม ย้ำ!
คำว่า "สลายขั้ว" ใช้ไม่ได้กับการต่อสู้ประชาชน
[ถอดคำสัมภาษณ์ฉบับเต็ม : สัมภาษณ์โดยไทยรัฐทีวี
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566]
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะมีพรรค 2
ลุงมาร่วมด้วย อาจารย์มองว่ามันจะส่งผลต่อพรรคเพื่อไทยยังไงต่อไปบ้างครับ
ส่งผลมากแน่นอน
แล้วจะส่งผลมากอย่างที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ในความคิดของอาจารย์
ผลการเลือกตั้ง 66
มันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าประชาชนฝ่ายเสรีประชาธิปไตยจำนวนมาก 70 กว่าเปอร์เซ็น
มีความมุ่งมั่นที่จะให้ได้รัฐบาลที่เป็นฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ไล่ลุงออกไป แล้วความเคียดแค้นของประชาชนตั้งแต่มี
2553 มันอาจจะนานและบางคนอาจจะลืม
แต่คนเสื้อแดงที่ผ่านการสู้รบและต่อสู้มาเขาไม่ลืม
เหมือนภาพที่เราเห็นกันว่าเป็นความเจ็บปวด คนที่อยู่ในสนามด้วยกันถึงจะรู้ เข้าใจ
แต่คนที่เป็นเสื้อแดงที่เป็นแฟนคลับ มาทีหลัง แล้วก็ไม่ได้ผ่านการต่อสู้อาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง
เพราะฉะนั้นอาจารย์มองว่ามันจะมีผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แล้วก็มันได้แสดงมาแล้วโดยที่ว่าคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย
มันไม่น่าเชื่อว่าแพ้พรรคก้าวไกล ตั้งแต่รอบก่อน อันนั้นอาจารย์คิดว่าจากคำพูดที่ว่าจะเป็นฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
ไม่มีลุงเหมือนกัน แบบเดียวกับก้าวไกล ขนาดว่ามาบอกช้า เสียงก็ยังหายไปตั้ง 5 ล้านเลย
นี่เป็นความคิดของอาจารย์นะ แล้ว 5 ล้านนี้ไม่ไปไหน
ก็ไปอยู่กับพรรคฝ่ายเดียวกัน พรรคก้าวไกลน่าจะเป็นสำคัญ
เพราะฉะนั้นเที่ยวนี้อาจารย์ว่ามันจะเป็นการสูญเสียฐานของตัวเองเป็นจำนวนมากครั้งใหญ่ที่สุด
จนอาจจะเหมือนกับประมาณประชาธิปัตย์ ก็คือ ธงผู้นำของพรรคฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
คุณได้สละทิ้งไปแล้ว ก้าวไกลเป็นผู้ถือแล้ว
แล้วคุณกลับไปถือธงของผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยมนะ ตอนนี้ มันไม่ใช่สลายขั้วนะ
ขอโทษคุณอ้วน!
(ภูมิธรรม เวชยชัย) เพราะว่าคุณภูมิธรรมใช้คำว่า “สลายขั้ว”
เราเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยถูกบีบคั้นอย่างหนักจากระบอบที่มันไม่ใช่ประชาธิปไตย
และจากหลาย ๆ เรื่อง ก็จำต้องเป็นรัฐบาล เราเข้าใจ คือคุณอาจจะสลายขั้วของพรรค
แต่ว่าขั้วของประชาชนคุณสลายไม่ได้นะ
เพราะว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ 2475
แล้วก็ไล่มาจนกระทั่งพรรคเพื่อไทยเป็นเหยื่อ แล้วก็ถัดมาเป็นพรรคก้าวไกล
นี่หมายถึงยุบพรรคและถูกกระทำ ดังนั้น ถนนสายนี้อยู่ ๆ คุณบอกว่ายกเลิกสลาย
มันไม่ได้! คนจำนวนมากเขาไม่สามารถลืมอดีตของการต่อสู้ได้
เพราะฉะนั้น
ภารกิจของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อให้อำนาจเป็นของประชาชนให้ได้ประชาธิปไตยจริงมันยังดำรงอยู่
สลายไม่ได้! แล้วคุณจะทวงความยุติธรรมได้ยังไง เพราะถ้าคุณมาถือธงฝ่ายอนุรักษ์นิยม
อย่างอาจารย์ตั้งคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) แล้วจะไปทวงความยุติธรรมจากรัฐบาลนี้ได้ยังไง
เพราะผู้กระทำอยู่ในรัฐบาลนี้ คำว่า “สลายขั้ว” จริง ๆ
แล้วคือคุณก้าวข้ามไปถือธงอนุรักษ์นิยม นี่พูดด้วยความเข้าใจ เห็นใจ
ในครั้งนี้อาจารย์มองว่าเขายังไม่เข้าใจประชาชนดีพอ
ถ้ามองว่าเป็นการสู้รบ ไม่รู้ทั้งเขา ไม่รู้ทั้งเรา นี่อาจารย์ยังมองว่าเป็นเรานะ ไม่รู้ทั้งเขาคือไม่รู้ฝ่ายอนุรักษ์นิยม
และไม่รู้ทั้งเราคือฝ่ายประชาชน ซึ่งจริง ๆ มันมีบทเรียนตอนนิรโทษกรรมสุดซอยแล้ว
แต่ไม่เชื่อ! อาจารย์บอกแล้วก็ไม่เชื่อ แต่ว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำให้วุ่นวายในกรณีนั้น
ไม่ได้ออกมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีการปะทะกับฝั่งกปปส.
กปปส.นั้นไม่เอานิรโทษเพราะว่าไม่ต้องการนิรโทษให้คุณทักษิณ
คนเสื้อแดงยังรักคุณทักษิณ อยากให้กลับบ้าน
แต่ไม่แลกกับการที่ว่าคนที่ทำผิดแล้วต้องได้รับโทษ ไม่งั้นมันก็ตายซ้ำตายซาก
ทำรัฐประหารซ้ำซากอยู่ตลอด
ความพยายามในการต่อสู้ประชาชนนั้นไม่ไปไหน
ยังดำรงอยู่และแรงกล้ามากขึ้นทุกที เพราะฉะนั้น คำว่า “สลายขั้ว”
ใช้ไม่ได้กับการต่อสู้ประชาชน ถ้าพูดอย่างนั้นแปลว่าประชาชนเลิกสู้ ยอมแพ้ โอเค
เยียวยา จ่ายเงินพอแล้ว อาจารย์ว่าไม่ใช่! เพราะฉะนั้น
ฐานของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่มีอุดมการณ์ในการต่อสู้
อาจารย์ว่าจะไม่เหลือ แต่จะยังเหลือคนจำนวนหนึ่งซึ่งยังขึ้นต่อบุคคล ขึ้นต่อพรรค
มีความรักต่อบุคคลต่อพรรคมากกว่าอุดมการณ์ในการต่อสู้ คือยอม
เพราะฉะนั้นก็คงยังมีเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง คือเขาเห็นใจพรรคเพื่อไทย
แต่ในความคิดของอาจารย์นะ คนที่มีอุดมการณ์ในการต่อสู้นะ น่าจะหมด!
ในเหตุผลที่บอกว่า สาเหตุที่ต้องไปจับมือร่วมกับพรรค 2 ลุง
เพียงเพราะพรรคก้าวไกลไม่โหวตให้ เหตุผลนี้มันฟังขึ้นมั้ยครับ เพื่อให้ประเทศไทยได้เดินหน้าต่อ
ในมุมของเพื่อไทยก็ต้องถือว่าฟังขึ้น
หรือคนที่เห็นใจเพื่อไทย อย่างขนาดอาจารย์นะ ไม่ได้เป็นสมาชิก อาจารย์ก็เห็นใจนะ
พูดกันตรง ๆ อาจารย์ก็อยากให้ก้าวไกลยกมือให้เหมือนกัน
แต่อาจารย์รู้ว่าก้าวไกลก็ไม่ต้องการเสียสละ มันเป็นการเสียสละมากเกินไป
คือไม่เป็นรัฐบาลไม่สำคัญ แต่ต้องกลายเป็นผู้เสียอุดมการณ์ ก้าวไกลก็คงเสียไม่ได้
มันเหมือนเรามีเพื่อน เพื่อนคนหนึ่งก็อ้างอย่างหนึ่ง
เพื่อนอีกคนก็อ้างอีกอย่างหนึ่ง เราก็เห็นใจ คือจริง ๆ อาจารย์ต้องการให้จับมือกัน
แต่ถามว่าเห็นใจเพื่อไทยมั้ย เห็นใจว่าเขาถูกบีบมาก แต่ว่าการต่อสู้ของประชาชนเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยจริงสำคัญกว่าความรักและไว้ใจเพื่อไทย
ดังนั้น
เรื่องนี้เพื่อไทยเขาก็รู้ เขาบอกเขายอมรับแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เพราะมันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล
อาจารย์คิดมาก่อนมั้ยว่าสุดท้ายเพื่อไทยจะเลือกแนวทางนี้
และแนวทางนี้สำหรับอาจารย์คิดว่ามันถูกผิดอย่างไร?
คือถ้าเราฟังคนพูดกัน
นินทา หรือว่าบางคนที่มีความแค้นพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนตัว
ก็ไปเอาข่าวมาจากพรรคพลังประชารัฐว่ามีตกลงดีลอย่างนั้นอย่างนี้
แล้วก็อาจจะเป็นคุณประวิตรขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่อาจารย์มองว่าคุณประวิตรเป็นนายกฯ
มันจะเกินไปหรือเปล่า? แต่เขาจะดีลกันหรือเปล่าอันนี้เราไม่รู้
ในความคิดของอาจารย์
เพื่อไทยทำพลาดมาหลายรอบ แล้วบอกตรง ๆ ว่าเราบอกแล้วเขาก็ไม่ฟัง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับที่เขาอยากแก้ อาจารย์เสนอมาตั้งแต่ปี 2555
แล้วเพื่อไทยไม่เอา เพื่อไทยจะทำอีกแบบหนึ่ง แล้วก็ไม่เชื่อ ไม่ฟัง
แล้วก็บอกว่าไม่เอา แล้วก็มาพูดต่อต้านในกรรมาธิการโดยหมอชลน่านมาว่าไม่เอาฉบับของนปช.ก็คือ
เลือกตั้งสสร. แล้วสสร.มาเลือกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ว่าของพรรคเพื่อไทย
ตั้งกรรมการเอง แล้วให้สสร.ยกมือ มันคนละอย่างกัน
ในเวลานั้นอาจารย์มองว่าความขัดแย้งระหว่างขั้วของประชาชนที่มีความเชื่อสองอย่างมันดำรงอยู่มาก
แล้วขณะนั้นประชาธิปัตย์เสียงเขาก็ไม่ใช่น้อย (บัญชีรายชื่อ 11 ล้าน)
แปลว่าฝั่งอนุรักษ์นิยมก็มีคนจำนวนมาก ดังนั้น ถ้าเราไม่ยึดหลักการประชาธิปไตย
มันมีโอกาสที่จะเป็นชนวน คือพูดตรง ๆ ว่าเขาหาเรื่องอยู่แล้วเขาก็จะต้องหาเรื่องอยู่อีก
ฉะนั้น วิธีแฟร์ ๆ ก็คือเลือกตั้งไปเลย สสร. ทำไปเลย แบบที่เขากำลังจะทำ
ซึ่งเดี๋ยวนี้มันยากกว่าเมื่อตอนขอแก้รัฐธรรมนูญปี 50 แล้วรัฐธรรมนูญ 60 นี่เลวกว่ามาก
ตอนรัฐธรรมนูญ
(2550) พรรคเพื่อไทยเขาได้เป็นรัฐบาล แล้วภาวะที่มีฝ่ายประชาธิปไตยพรรคเดียว
ข้อเสนอของเรามันไม่มีพละกำลังพอเมื่อเทียบกับทางพรรค
เมื่อพรรคเขาไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำไง จนกระทั่งมานิรโทษสุดซอยก็เหมือนกัน
อาจารย์ก็บอกว่าคนเสื้อแดงยังแค้นปี 2553 แล้วเขามาแก้แค้นโดยการโหวตให้พรรคเพื่อไทย
เพราะฉะนั้นคุณยิ่งลักษณ์ก็ชนะถล่มทลายแบบที่ว่าฝ่ายอนุรักษ์ก็ยังมีกำลังอยู่นะ 15.7
ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทย 11
ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเดี๋ยวนี้พรรคเพื่อไทยเหลือ 10 ล้าน
ถามว่าคน 5 ล้านนั้นออกมาโวยวายมั้ย เขาไม่ได้ออกมาโวยวาย
เขาไม่ได้ออกมาต่อว่า แต่เราอยู่ในสนามการต่อสู้ เราจับอารมณ์ความรู้สึกประชาชนได้
แล้วเรามองปัญหาความขัดแย้งว่าฝ่ายอนุรักษ์ยังมีพละกำลังทั้งโครงสร้างชั้นบนและในมวลชนพื้นฐานจำนวนหนึ่งด้วย
ดังนั้น
มันจะเดินอย่างไรที่จะไม่ทำให้เขาเอาเป็นสาเหตุในการจัดการ (โดยรัฐประหารและโดยกฎหมาย)
เพราะฉะนั้นรัฐประหารปี 2557 ก็มา รวมทั้งที่ทุกคนรู้กันอีกเรื่องก็เรื่องเซ็นสัญญากับอัยการของศาลโลก
ของ ICC ศาลระหว่างประเทศ ขอให้เขาได้มาสอบสวนเฉพาะกรณีปี 2553 แต่ก็ไม่เซ็น เพราะอาจารย์รู้หัวใจของคนเสื้อแดง ต้องการทวงความยุติธรรม
ดังนั้นอันนี้มันก็ต้องดำเนินงาน แล้วพอมาเป็นรัฐบาลอย่างนี้ แล้วจะไปทวงได้ยังไงกับรัฐบาลนี้
มันทำไม่ได้
เราเห็นใจเพื่อน
(พรรคเพื่อไทย) นะ เราก็มองในด้านบวกว่าเขาได้พยายามเต็มที่
แต่ว่าเนื่องจากเขาได้คะแนนน้อยที่เขาบอกเขาไม่ได้แลนด์สไลด์
คำถามว่าไม่ได้แลนด์สไลด์ คะแนนน้อยเพราะอะไร? ก็เพราะวางหมากผิด
ไปเอาโมเดลแบบไทยรักไทย แล้วที่อาจารย์บอกไม่รู้เขาไม่รู้เราคืออะไร
ที่สำคัญคือไม่รู้เรา คุณบอกว่าได้คนละ 1 หมื่นนะ
แต่ว่าประชาชนบอกว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศมากกว่า ตรงนี้มันสำคัญ
ซึ่งโมเดลของไทยรักไทยนั้นคือแก้เศรษฐกิจ แต่ว่าประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว
คำว่ารู้เราคือรู้ประชาชน รู้ฐานเสียงของตัวเอง ประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว
เพราะว่าช่วงนี้ต่อให้เศรษฐกิจมันลำบากยังไง
แต่ประชาชนเรียนรู้ว่าการเมืองต้องดีก่อนมันถึงจะทำให้เศรษฐกิจดีได้
คุณจะมีรัฐสวัสดิการหรือคุณจะแก้ความเหลื่อมล้ำก็ต้องแก้โครงสร้างเศรษฐกิจ
ทำไมฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังรักษาอำนาจไว้ก็เพราะเขารักษาผลประโยชน์
ถ้าคุณไม่ได้รัฐบาลฝ่ายเสรีประชาธิปไตย มันจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนไม่ได้
ตรงนี้ที่อาจารย์ว่าผิดก็คือผิดตั้งแต่วางแผนหาเสียง แล้วก็ตกหลุม คือจริง ๆ
ตัวเองก็คงไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นไอ้ที่ว่าไม่มีลุงก็ไม่ได้พูดตั้งแต่ต้น
คือถ้าชัดเจนตั้งแต่ต้นเสียงก็จะมาก แต่ว่าไม่ชัดเจนแต่ต้นเพราะว่าอาจจะคิดเอาไว้แล้วว่าในที่สุดมันจะต้องออกมาแบบนี้
แต่ด้วยการกดดันของประชาชน ก็เลยพูด ทีนี้เลยตกหลายหลุมเลย
การวางเป้าหมายทางเศรษฐกิจโดยไม่เข้าใจว่าแต่ต้นประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้นพอรู้ว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงก็คือมาตกหลุมที่ว่ากลายเป็นเสียสัจจะ
มันก็เลยผ่านหลุมมาหลายหลุม
ก็กลายเป็นว่านอกจากประชาชนส่วนที่ไม่พอใจว่าอยากจะเปลี่ยนทางการเมือง
อีกส่วนหนึ่งก็โกรธ มาโกรธเพิ่ม เพราะฉะนั้นมันก็จะเสียซ้ำสอง
แต่ว่าถ้าความเชื่อของพรรคเพื่อไทยเขาคิดว่าเขาจะดำเนินการเศรษฐกิจ เช่น
จะแจกเงินเลยคนละ 1 หมื่น อาจจะทำให้สงบเสียงไปได้ คือแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้วก็จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น
ก็เป็นไปได้ส่วนหนึ่ง
แต่ในความคิดของอาจารย์นะ
อาจารย์คิดว่าคนต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากกว่า ความพยายามที่เขาจะแก้ 1)
เรื่องเศรษฐกิจที่เขาคิดว่าถนัด 2) แก้รัฐธรรมนูญ
ตามที่เราทราบว่าไปสัญญากับก้าวไกลเพื่อให้ก้าวไกลโหวตยกมือ
อาจารย์เห็นด้วยทั้งสองอย่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญอาจารย์ก็เห็นด้วย
แก้ไขเศรษฐกิจก็เห็นด้วย แต่แก้ไขรัฐธรรมนูญสำคัญที่สุด
เพราะอาจารย์เป็นพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนะเศรษฐกิจมาทีหลัง ถ้าการเมืองไม่ก้าวหน้า
เศรษฐกิจไม่มีทางที่จะก้าวหน้าได้ คุณก็จะปะผุไปเรื่อย ๆ โครงสร้างมันไม่อำนวยให้
แต่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม
ภาพที่ปรากฏต่อประชาชนคือคณะรัฐมนตรีอะไรต่าง ๆ
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นขั้วของฝ่ายผู้กระทำ อาจารย์ว่าก็ยังเหลือแฟนคลับอยู่ส่วนหนึ่ง
ในความคิดของอาจารย์
อาจารย์เป็นพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและให้ได้การเมืองก้าวหน้า
เศรษฐกิจถึงจะก้าวหน้า คุณจะทำเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า
แล้วลดความเหลื่อมล้ำท่ามกลางการเมืองแบบเก่าของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ไม่ได้ค่ะ! มันก็เป็นการเล่นละครหลอกก็คือเอามาแจก
มันก็ประมาณเหมือนกับคุณประยุทธ์แกก็ทำบัตร ทำไมแกจะไม่ทำ ประยุทธ์ก็ทำ
ประวิตรก็ทำ แล้วตอนนี้ถ้าคุณทักษิณทำมันก็ประมาณนั้น
มันไม่ต่างกันเพราะว่าโครงสร้างปัญหาที่แท้จริงมันไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง
อาจารย์หวังดีและยังเห็นใจ
แต่ไม่เห็นด้วย แต่อาจารย์ถือว่าความผิดพลาดทั้งหมดจะว่าผิดก็ไม่ได้
เพราะคุณทักษิณไม่ได้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาการเมือง
คุณทักษิณเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้วก็ได้คะแนนเสียง เขาก็ทำแบบนี้แหละ แต่ตอนนี้
เวลานี้ประชาชนทนไม่ไหว เพราะประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็คือแบบนี้แหละ แต่คนที่หวังมากก็จะเสียใจ
แต่อาจารย์ก็ไม่ได้หวังเท่าไหร่ ก็เสียใจไม่มาก
อาจารย์ช่วยวิเคราะห์อนาคต 4 ปีข้างหน้า
“เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” อาจารย์มองว่าอะไรที่จะทำให้เขาได้รับชัยชนะในอนาคต
โหวตเตอร์เนี่ยแน่นอน
ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยมันมากขึ้นทุกวันรวมทั้งนิวโหวตเตอร์
ใครลองไปทำโพลดูก็ได้ว่าปี 2570 จะเลือกพรรคไหน
แล้วก็ไปทำโพลหลังจากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พวกทำโพลไปทำหน่อย รับรองว่าดังแน่
อารมณ์ตอนนี้นะกับเพื่อไทยก็ทำโพลว่าพอเป็นรัฐบาลแล้วดูดีหรือเปล่า
เหมือนคุณประยุทธ์แจกบัตรประชารัฐนั่นแหละ
อนาคตก็คือประชาชนนั้นตื่นตัวทางการเมืองและต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ดังนั้นเพื่อไทยจะเสียฐานเสียงนี้ไป
แต่เพื่อไทยจะยังมีอยู่ก็เป็นฐานเสียงแบบเดิมก็คือ มีบ้านใหญ่
สส.เขตก็จะเป็นพวกบ้านใหญ่ ครั้งนี้นะ อย่างบุรีรัมย์ สส.เขตเป็นบ้านใหญ่หมด
สุพรรณบุรีก็บ้านใหญ่ แปลว่ายังดำรงอยู่ แต่สส.บัญชีรายชื่อ ขอโทษเป็นพรรคก้าวไกล
เพราะฉะนั้น
แนวโน้มต่อไปก็คือพรรคเพื่อไทยก็จะเหลือฐานเสียงแบบเดียวกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิม
คือต้องใช้ระบบอุปถัมภ์ บ้านใหญ่
ตอนนี้เพื่อไทยประมาณว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมไปแล้ว
และแม้นจะทำเศรษฐกิจดีอย่างไรก็ทำเศรษฐกิจแบบที่เขาเคยเรียกว่าประชานิยมและเอาอย่างกัน
ประชาธิปัตย์ก็เคยทำ พรรคพลังประชารัฐก็ทำ ใคร ๆ ก็ทำได้
ที่อาจารย์บอกว่าถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจดีก็ตาม
มันจะไม่สามารถช่วยลบภาพตรงนี้ได้หรือ ในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า
ไม่ได้
ๆ ๆ คนละอย่าง คือลุงตู่แกก็ทำไม่น้อยนะ มีบัตรคนจน บัตรประชารัฐ แล้วก็คนละครึ่ง
แจกเยอะเหมือนกัน แต่ถามว่าความรู้สึกคือให้ก็เอา ประชาชนพูดอย่างนั้นนะ
ถ้าคนที่ตื่นตัวทางการเมืองเขาก็รับ มันเหมือนกับการสังคมสงเคราะห์
ก็คือมาเยียวยาเหมือนแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่มันไม่ยั่งยืน
ถ้าประชาชนต้องการการแก้เศรษฐกิจแบบยั่งยืนต้องแตะโครงสร้าง
ต้องจัดการโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองใหม่ที่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ไม่ใช่น้ำท่วมก็เอาไปแจก มีปัญหาก็แจกเงิน อันนี้มันแบบสังคมสงเคราะห์
เป็นเรื่องขายผ้าเอาหน้ารอด คือมันเยียวยาเฉพาะหน้า
แต่มันไม่ได้แก้ไขปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน
ฉะนั้นทั้งเยาวชนและคนที่ก้าวหน้าเขารับแต่ว่าเขาก็ไม่ชื่นชมหรอก
พรรคเพื่อไทยก็จะกลายเป็นแบบประยุทธ์ ไม่ว่าจะแจกเงินแจกอะไร ก็จะไม่ได้แจกเงินในฐานะผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและสู้ร่วมกับประชาชนให้ได้เป้าหมายนั้น
แต่กลายเป็นร่วมกันอยู่กับผู้รักษาผลประโยชน์ของฝ่ายจารีต
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่จะสืบทอดอำนาจ พูดง่าย ๆ ว่าคุณเดินข้ามการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว
ขอโทษนะคุณภูมิธรรม
คุณบอกสลายขั้ว ประชาชนยังเหมือนเดิมนะ แต่คุณน่ะไม่เหมือนเดิม
คำว่าประชาชนยังเหมือนเดิมก็คือยังเป็นนักต่อสู้ แต่ว่าคุณอาจจะด้อยค่าประชาชน
ก็คือคิดเอาว่าความรักและไว้เนื้อเชื่อใจก็คงเหมือนเดิม คุณด้อยค่าประชาชน
คุณมองไม่เห็นว่าประชาชนเขาเป็นนักต่อสู้นะ เขาไม่ได้ยึดถือบุคคล
เขาไม่ได้ยึดถือพรรคการเมือง
แต่เขายึดถือผลประโยชน์เป้าหมายของประชาชนของประเทศชาติเป็นหลัก
ตรงนี้แหละที่อาจารย์บอกว่าไม่รู้เขา ไม่รู้เรา ไม่รู้ความอำมหิตของฝ่ายอำมาตย์
และไม่รู้ความสง่างามและเกียรติยศศักดิ์ศรีของประชาชน อาจจะดูเบาเหมือนคนรัก
ก็คิดว่าเออน่าไว้ใจเดี๋ยวทำอย่างนั้นอย่างนี้ ความจริงก็คือว่าไม่รู้จักประชาชนที่เป็นฐานเสียงมากพอ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาแสดงออกไม่ว่าจะเป็นการเผาเสื้อ
การไปประท้วงทางพรรคเพื่อไทย มีการบอกว่าคนที่ออกมาทำแบบนี้ไม่ใช่คนเสื้อแดงจริง ๆ
คนที่พูดว่าไม่ใช่คนเสื้อแดงจริง
พวกที่พูดนี่แหละไม่ใช่คนเสื้อแดง
แต่เป็นคนใส่เสื้อสีแดงของพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งใช้สัญลักษณ์สีแดงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านรัฐประหารและต่อต้านเผด็จการตั้งแต่ปี 2549 19 กันยายน มันเป็นสัญลักษณ์ที่เซย์โน ไม่เอารัฐธรรมนูญ 2550 สีแดงไม่ใช่สีของพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทยตอนนั้นสีขาว สีน้ำเงิน
อาจารย์ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าตอนนี้เผยแพร่ไปมันก็จะเป็นความรู้ของสังคมว่า
สัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงมันเป็นสัญลักษณ์ที่สู้มาตั้งแต่ 2549
คือ 17 ปีมาแล้ว ไทยรักไทย พลังประชาชน
กระทั่งเพื่อไทยยุคของคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ใช้สีแดงนะ
แล้วตอนยุคคุณยิ่งลักษณ์คุณทักษิณบอกให้ถอดเสื้อแดงด้วย
แล้วอาจารย์เป็นคนโทรคุยเองเลยบอกคนเสื้อแดงเขาไม่ถอดเสื้อนะ แต่คนที่ไปฟังปราศรัยของพรรคเพื่อไทยใส่สีแดง
แล้วจะบอกให้ถอด มันเสื้อของเขา เสื้อตัวเก่า แล้วจะให้เขาถอดเขาก้ไม่ถอด
แต่มาตอนนี้คนที่เป็นแฟนคลับซึ่งอาจจะไม่ได้ต่อสู้มาตั้งแต่ต้น
ไม่รู้ว่าสีแดงมาจากไหน
ในทัศนะอาจารย์นะ
ทางพรรคคงมองแล้วว่าจาก 15
ล้าน ตอนปี 2562 เขาเหลือ 7-8 ล้านนะ
แต่มาตอนนี้ 2566 ได้ขึ้นมาเป็น 10 ล้าน เพราะฉะนั้นตอนที่เหลือ
7-8 ล้าน มันหายไปครึ่งหนึ่ง
เขาก็มองว่าที่หายไปมันคนเสื้อแดงแหละ
ก็เลยเกิดแคมเปญใหม่เป็นว่ามีครอบครัวเพื่อไทย อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
เอาสีแดงเป็นสัญลักษณ์ก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ว่าจริง ๆ
แล้วมันคนละอย่างกับสีแดงของคนเสื้อแดงจริง
มันก็เลยทำให้สับสนระหว่างว่าคนเสื้อแดงซึ่งเป็นนักต่อสู้ที่มีอุดมการณ์กับคนเสื้อแดงที่เป็นแฟนคลับ
ที่เป็นแฟนคลับก็คือคนที่ใส่เสื้อสีแดง แต่บางคนก็เป็นคู่นะเพราะเราต่อสู้ 2
ขา ขาหนึ่งในวิถีรัฐสภามีพรรคเดียวคือพรรคเพื่อไทย
นอกรัฐสภาก็เป็นการต่อสู้นปช.เป็นแกนนำ
แล้วการนำของนปช.ก็ไม่ได้เห็นด้วยกันกับพรรคทุกอย่าง
สัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงรุ่นก่อน อาจจะมีรูปคุณทักษิณ
มีรูปคุณยิ่งลักษณ์ใส่เสื้อแดงนะ
แต่ว่าสัญลักษณ์ที่สำคัญมันเป็นสัญลักษณ์ตั้งแต่ยุค นปก. ยุคสามเกลอ
มาจนกระทั่งสัญลักษณ์นปช. แต่ที่สำคัญคือเนื้อหาสาระว่าเป็นคนเสื้อแดงก็คือนักต่อสู้
แต่ถึงเวลาโหวตก็มาโหวตให้เพื่อไทยที่มีอยู่พรรคเดียว แต่พอมีหลายพรรคก็มีทางเลือก
เที่ยวหน้าอาจารย์ว่าจะมีมากกว่าอีกนะ อาจจะมีมากกว่าก้าวไกล
และเป็นไปได้ที่คนเสื้อแดงก็อาจจะถูกแบ่ง และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลนะถ้าก้าวไกลโหวตให้
อาจจะมีพรรคใหม่เกิดขึ้นมาและดูว่ามันอาจจะแน่นอนกว่าหรือยังไง
เพราะฉะนั้นก้าวไกลก็ไม่อยากเสีย Position
ของผู้นำฝ่ายเสรีประชาธิปไตย จริง ๆ อาจารย์เห็นใจเพื่อไทย สู้มากันตั้งนาน แต่ว่าหลายครั้งเขาก็ไม่ฟังเรา
เพราะคนที่อยู่ในสนามการต่อสู้และคลุกคลีกับมวลชน อาจารย์เป็นประธานนปช.ตั้งแต่ปี 2553 ปลายปี เดือนธันวาคม จนกระทั่งปี 2557
ก่อนรัฐประหาร 2 เดือนเอง ฉะนั้นอยู่กับประชาชนมาตลอด
แต่ว่าไม่ใช่นักปราศรัยชั้นเยี่ยม แต่ทำโรงเรียนการเมืองและสื่ออื่น ๆ ทุกอย่าง
ดังนั้นเราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึก อาจารย์เข้าใจว่าตอนนี้คุณณัฐวุฒิก็เจ็บปวดอยู่นะ
ถ้าถามก็คือเห็นใจ แต่ไม่เห็นด้วย นี่เป็นคำเตือนทุกครั้ง
แต่ว่าเพื่อไทยเขาก็ไม่ได้ฟัง ครั้งนี้เขาอาจจะบอกว่าเขาจำเป็น
และอาจจะเป็นการเป็นรัฐบาลครั้งสุดท้ายก็ได้ เพราะว่ารอไป 10
เดือน คนที่จะมาเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาลสำคัญก็กลายเป็นพรรคก้าวไกลหรือเปล่า ก็มีคนตั้งคำถามแบบนี้เหมือนกัน
แต่อาจารย์ก็พูดอย่างเป็นมิตรก็เห็นใจว่าถูกบีบ
แต่ไม่เห็นด้วย เพราะว่าคุณจะกลายเป็นอุปสรรคของการต่อสู้ของประชาชน
ไม่ใชแต่เพียงประชาชนไม่เลือก
แต่ประชาชนอาจจะมองว่าคุณคืออุปสรรคและปฏิปักษ์ของการต่อสู้ประชาชน
เพราะคุณเข้าไปหนุนพวกเผด็จการให้รักษาอำนาจ
แล้วทำให้ประชาชนทวงความยุติธรรมไม่ได้
อยากให้กำลังคุณณัฐวุฒิและคุณจาตุรนต์ยังไงครับ
เข้าใจว่าสองคนนี้แม้นเขาจะเป็นพรรคการเมือง
มี DNA ของนักการเมืองอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เขาก็มี DNA
ของนักต่อสู้อยู่ ก็เข้าใจ โดยเฉพาะณัฐวุฒิเขาอยู่ในสนามการต่อสู้ตอนปี 2553
ตลอด ฉะนั้น
ความรู้สึกเจ็บปวดของพี่น้องประชาชนเขาก็ต้องมีความเจ็บปวดเช่นนั้นอยู่ด้วย
ก็ไปขายข้าวแกงดีกว่า น่าจะรุ่งกว่า ขายข้าวแกงดีกว่า รุ่งกว่า
ขืนพูดไม่ดีเดี๋ยวข้าวแกงขายไม่ได้นะ
ก็เข้าใจกัน
เหมือนเพื่อไทย อาจารย์ก็ไม่ได้ถือเขาเป็นศัตรูนะ
แต่ว่าวันเวลาและประชาชนจะมองเขาเป็นอย่างนั้นนี่เตือนให้รู้
ไม่ใช่แต่เพียงว่าไม่รักแล้วก็อยู่ห่างกัน
แต่มันจะกลายเป็นปฏิปักษ์การต่อสู้ประชาชนไปด้วย
ขอบคุณไทยรัฐทีวี
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คนเสื้อแดง #เพื่อไทย #ตั้งรัฐบาล